นางอัญชนา ตราโช รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เปิดเผยถึงสถานการณ์ไม้ผลภาคใต้ขณะนี้ว่าภาพรวมผลผลิตไม้ผล 4 ชนิด (ทุเรียน มังคุด เงาะ ลองกอง) ภาคใต้ 14 จังหวัด (ข้อมูลเอกภาพภาคใต้ ครั้งที่ 3 ณ วันที่ 17 กรกฎาคม 2563) ปีนี้ให้ผลผลิตรวมประมาณ 727,824 ตัน ลดลงจากปี 2562 ที่มีจำนวน 801,413 ตัน หรือลดลงร้อยละ 9.18
โดยผลผลิตกระจายออกสู่ตลาดหลายรุ่น และคาดว่าจะออกสู่ตลาดมากเดือนกันยายน ซึ่งสศก.ติดตามสถานการณ์ไม้ผลมาตลอด ล่าสุดจากการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์
ผลไม้จากล้งรับซื้อผลไม้ หน่วยงานภาครัฐ และเกษตรกรในจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ระหว่างวันที่ 9-15 สิงหาคม 2563 พบว่า ทุเรียน มีผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย
และทยอยออกสู่ตลาดหลายรุ่น โดยจะออกสู่ตลาดมาก (Peak) ในเดือนกันยายน จากปกติที่ออกมากเดือนสิงหาคมทุกปี เนื่องจากสภาพอากาศแปรปรวน ประกอบกับเกษตรกรที่มีศักยภาพบางราย ได้วางแผนให้ผลผลิตออกตามความต้องการของตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงเทศกาลวันไหว้พระจันทร์ และวันชาติของจีน ซึ่งตรงกับเดือนกันยายน- ตุลาคม ที่มีวันหยุดยาว จะขายได้ราคาดี ส่งผลให้ผลผลิตทุเรียนเลื่อนการกระจุกตัวออกไป
ส่วนมังคุด มีปริมาณน้อยกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากสภาพอากาศแล้งทำให้การติดดอกออกผลลดลง โดยออกสู่ตลาดไปแล้วประมาณร้อยละ 30และทยอยออกสู่ตลาดหลายรุ่นเช่นกัน ขณะนี้ผลผลิตรุ่นที่ 2 กำลังออกสู่ตลาดในเดือนสิงหาคม ซึ่งมีคุณภาพดีกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากผลมังคุดมีความสมบูรณ์สะสมอาหารได้เต็มที่ ประกอบกับเกษตรกรบำรุงรักษาอย่างดี ทำให้ผลผลิตประมาณร้อยละ 70 มีขนาดใหญ่ ผิวสวยส่วนผิวลาย ผลดำ และขนาดจิ๋วมีประมาณร้อยละ 30อย่างไรก็ตาม ในช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิตที่ผ่านมา มีฝนตกติดต่อกันหลายวัน ทำให้มังคุดเป็นเนื้อแก้ว ยางไหล และมีหนอนผีเสื้อเจาะผลผลิต คุณภาพไม่เป็นที่ต้องการของตลาด ขณะที่เงาะโรงเรียน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ผลผลิตน้อยกว่าปีที่ผ่านมา เก็บเกี่ยวผลผลิตไปแล้วประมาณร้อยละ 60 โดยผลผลิต รุ่นที่ 2 ออกสู่ตลาดประมาณช่วงกลางเดือนสิงหาคม มีคุณภาพดีกว่ารุ่นแรก ผิวสวย และผลมีขนาดใหญ่ แต่ในช่วงที่ผ่านมามีฝนตกมากในพื้นที่ ทำให้ผลเงาะร่วงจากต้น และแตก ส่วนลองกอง ขณะนี้มีผลผลิตออกสู่ตลาดน้อย คาดว่าจะมีผลผลิตออกสู่ตลาดมากประมาณปลายเดือนกันยายน - ตุลาคม 2563
สำหรับด้านการตลาดปีนี้ราคาของผลไม้ส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์ดี เนื่องจากความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศยังมีอย่างต่อเนื่อง โดยทุเรียนเกรดส่งออก (เกรด AB) ราคากิโลกรัมละ 130-140 บาท ตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ จีน มังคุดผิวมันใหญ่ (เบอร์ 1-3) ราคากิโลกรัมละ 80-100 บาท ตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น และเกาหลี ส่วนมังคุดผิวลาย (ลายมังกร) ราคากิโลกรัมละ50-55 บาท เงาะโรงเรียนเกรดส่งออกราคากิโลกรัมละ 37 บาท โดยตลาดสำคัญคือ มาเลเซีย สิงคโปร์ จีน และฮ่องกงส่วนราคาที่ขายตลาดในประเทศ ราคากิโลกรัมละ 32-35 บาท
รองเลขาธิการ สศก. กล่าวทิ้งท้ายว่า ปัจจุบันแนวโน้มการปลูกทุเรียนมีมากขึ้น โดยปลูกแซมในสวนเดิมรวมถึงขยายเนื้อที่ปลูกใหม่ ทำให้ภาคใต้เริ่มมีผลผลิตมังคุด เงาะ และลองกองลดลง อย่างไรก็ตามเดือนสิงหาคม มีปริมาณผลผลิตทุเรียนออกสู่ตลาดน้อย ส่งผลให้ล้งทุเรียนปิดรับซื้อมากกว่า 100 ราย โดยในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคม ได้รับอิทธิพลจากลมพายุซินลากู ทำให้ผลผลิตทุเรียนของเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดชุมพรที่จะเตรียมเก็บเกี่ยวเดือนกันยายนได้รับความเสียหายเบื้องต้นกว่า 300 ไร่ นอกจากนี้ ยังพบปัญหาแรงงานต่างด้าวย้ายงานหรือหนีนายจ้างไปทำงานอื่น หลังได้รับบัตรทำงานถูกต้องตามกฎหมายจากนายจ้าง จึงทำให้เกษตรกรและผู้ประกอบการที่เป็นนายจ้างต้องจ้างแรงงานใหม่ และมีต้นทุนค่าจ้างแรงงานเพิ่มขึ้น ดังนั้น ภาครัฐควรพิจารณาปรับกฎระเบียบสัญญาการทำงานระหว่างนายจ้างกับแรงงานต่างด้าวเป็นระยะเวลา 1 ปี เป็นต้น หรือให้มีระยะเวลาทำงานของแรงงานต่างด้าวที่เหมาะสมเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี