สธ.รายงานมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มอีก 1 ราย เป็นชายชาวญี่ปุ่น อาชีพ ผอ.สร้างภาพยนตร์ ทั่วโลกชื่นชมไทยจัดการไวรัสโคโรนา 2019 ได้ดี เสนอให้เป็น ประธาน คณะกก.อนามัยโลกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะที่ มท.สั่งผู้ว่าฯทั่ว ปท.เข้ม 3 มาตรการสกัดแรงงานต่างด้าว หนีเข้าเมืองผิด กม.ป้องกันพาเชื้อไวรัสแพร่รอบ 2 กองทัพวอนปชช.ช่วยแจ้งเบาะแส คนลอบเข้าเมืองกับกกล.ชายแดน สั่งเพิ่มกำลัง-เพิ่มความถี่ลาดตระเวน 24 ชั่วโมง ผู้ว่าฯตากสั่งตรึงกำลังเข้มตลอดแนวชายแดนกว่า500กม.ห้ามข้ามแดนเด็ดขาด
เมื่อวันที่ 8 กันยายน ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เปิดเผยสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยรายวันว่า พบผู้ป่วยใหม่ 1 ราย มียอดผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 3,447 ราย มีผู้รักษาหายป่วยและกลับบ้านเพิ่มอีก 2 ราย ทำให้มียอดสะสมของผู้ที่รักษาหายแล้วอยู่ที่ 3,286 ราย จำนวนผู้เสียชีวิตสะสมยังมี 58 ราย รักษาตัวในโรงพยาบาล 103 ราย
ติดโควิด1ผอ.สร้างหนังชาวญี่ปุ่น
สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ 1 ราย เป็นชายสัญชาติญี่ปุ่น อายุ 38 ปี อาชีพผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ เดินทางจากญี่ปุ่นถึงประเทศไทย เมื่อวันที่ 4 กันยายน เข้าพักในสถานกักกันที่รัฐกำหนดแบบทางเลือกในกทม. และเข้ารับการตรวจหาเชื้อเมื่อวันที่ 7 กันยายน ผลตรวจพบเชื้อ แต่ไม่มีอาการ
ไทยนั่งปธ.กก.อนามัยโลกเอเชียตอ.
ที่ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข เป็นประธานประชุมคณะกรรมการอนามัยโลกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้สมัยที่ 73 ผ่านระบบ Video Teleconference วาระสำคัญคือ เลือกประธานคณะกรรมการอนามัยโลก ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีรายงานว่ารมว.สาธารณสุขของประเทศภูฎาน เสนอชื่อนายอนุทิน ให้ทำหน้าที่ประธาน โดยมีรมว.สาธารณสุขอินโดนีเซีย เป็นผู้รับรอง และในที่สุดที่ประชุมเลือกนายอนุทิน เป็นประธานดำรงตำแหน่งวาระ 1 ปี
ทั่วโลกชื่นชมไทยจัดการโควิดได้ดี
นายอนุทินกล่าวหลังประชุมว่า เหตุที่ไทยได้รับเลือกให้เป็นประธาน เนื่องจากประเทศสมาชิกพิจารณาจากความเหมาะสม และเลือกจากพื้นฐานของประเทศที่ควบคุมการระบาดและบริหารจัดการโควิด-19 ได้ดีมีประสิทธิภาพ ได้รับคำชื่นชมเป็นที่ยอมรับจากทั่วโลก ในที่ประชุม ทุกประเทศ ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการไวรัสโควิด-19 กำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติ สิ่งที่แต่ละประเทศหารือร่วมกันคือ ให้ความช่วยเหลือกันเกี่ยวกับแนวทางบริหารจัดการโควิด-19 ด้านเทคโนโลยียาเวชภัณฑ์ หน้ากากและถุงมืออนามัย เนื่องจากหากแต่ละประเทศเปิดให้ประชาชนเดินทางข้ามประเทศได้ทุกประเทศจะได้ปลอดภัย ถึงจะมีการระบาดของโควิดอยู่การดำรงชีวิตของประชาชนต้องเดินหน้าไปได้
มท.สั่งผู้ว่าฯทั่วปท.ตรวจเข้มต่างด้าว
ด้านนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับการสั่งการและประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเปิดเผยว่า สถานการณ์ระบาดของๆไวรัสโควิด-19 ในประเทศเพื่อนบ้านด้านตะวันตกของไทย อาจมีการระบาดเข้ามาในประเทศไทย โดยผู้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ซึ่งมิได้ผ่านมาตรการคัดกรองโรคตามที่ไทยกำหนด ดังนั้น เพื่อป้องกันสกัดกั้นมิให้ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ซึ่งนำไปสู่สถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ในประเทศ ศบค.มท.จึงสั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดดำเนินการ 3 มาตรการเข้มข้นคือ 1.ให้จังหวัดชายแดนที่ติดกับเมียนมา เพิ่มความเข้มข้นในการเฝ้าระวัง ไม่ให้มีการลักลอบเดินทางเข้าประเทศ และไม่ผ่านกระบวนการคัดกรองโรค
2.ให้จังหวัดที่มีพื้นที่ติดชายแดนซึ่งมีเส้นทางคมนาคมทั้งสายหลัก สายรอง ต่อเนื่องกัน ตั้งจุดตรวจ/จุดสกัด ตรวจตรา เฝ้าระวัง และสกัดกั้นผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย หากพบ ให้ดำเนินการตามระเบียบกฎหมายและมาตรการด้านสาธารณสุข และ3.ให้ทุกจังหวัดบูรณาการส่วนราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ติดตามค้นหาแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบกลับเข้าประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย ทั้งในสถานประกอบการและสถานที่ทำงานที่ใช้แรงงานต่างด้าว หากพบให้ดำเนินการตามระเบียบกฎหมายและมาตรการทางด้านสาธารณสุข รวมทั้งให้แจ้งเตือนประชาชนในหมู่บ้าน/ชุมชน ช่วยเฝ้าระวังสอดส่อง หากพบหรือมีบุคคลต้องสงสัยเป็นแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าประเทศไทยผิดกฎหมาย ให้แจ้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายอำเภอ หรือศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ทางสายด่วน 1567 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อดำเนินการต่อไป
ทบ.วอนปชช.แจ้งเบาะแสต่างด้าว
เช่นเดียวกับ พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบกกล่าวว่า กองทัพบก (ทบ.)ยังดำเนินมาตรการเฝ้าตรวจแนวชายแดนป้องกันคนต่างด้าวลักลอบเข้าไทยผิดกฎหมาย และไม่ผ่านกระบวนการคัดกรองโรค ซึ่งเสี่ยงนำเชื้อโควิด-19 จากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาแพร่ในประเทศไทย โดยเฉพาะชายแดนไทยภาคเหนือและด้านตะวันตก ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นมา กองกำลังชายแดนกองทัพบกเพิ่มความเข้มงวด และกำหนดมาตรการเพิ่มเติมในการคัดกรองบุคคลผ่านเข้า-ออกด่านตรวจคนเช้าเมือง จุดผ่านแดน จุดผ่อนปรนตามแนวชายแดน ตลอดจนตามช่องธรรมชาติ เพิ่มความถี่และกำลังทหารในการลาดตระเวนตลอด 24 ชม. ตั้งจุดตรวจจุดสกัดตามเส้นทาง ช่องทางท่าข้ามตามธรรมชาติ การติดตั้งเครื่องมือป้องกันการข้ามแดน ลวดหนาม กำแพง ติดตั้งไฟส่องสว่างในพื้นที่ล่อแหลมที่ใช้เป็นเส้นทางหลบเข้าเมืองผิดกฎหมาย และจะตรวจเฝ้าระวังต่อเนื่องตามแนวทางศบค.เต็มที่
“เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์ไวรัสในประเทศเพื่อนบ้านอ่อนไหวมากขึ้น กองทัพบกขอความร่วมมือจากประชาชน หากพบเห็นพฤติกรรมลักลอบเข้าเมืองในพื้นที่ชายแดนผิดกฎหมายไม่ผ่านการตรวจคัดกรอง ขอให้แจ้งผู้นำชุมชนหรือกองกำลังชายแดนกองทัพบกประจำพื้นที่ เพื่อร่วมเป็นปราการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิดจากประเทศเพื่อนบ้าน”พ.อ.หญิงศิริจันทร์กล่าว
ผู้ว่าฯตากสั่งห้ามข้ามแดนเด็ดขาด
ที่จ.ตาก จากสถานการณ์ระบาดของโควิด- 19 ในเมียนมา ที่คาดว่าอีกประมาณ 2 สัปดาห์ การแพร่ระบาดจะมาถึงชายแดนไทย นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก กล่าวว่า ตลอดพรมแดน 542 กิโลเมตรของจ.ตาก ที่ติดต่อกับเมียนมาไม่อนุญาตให้ข้ามแดนเด็ดขาด โดยสั่งหน่วยงานด้านความมั่นคง ทหาร ตำรวจและฝ่ายปกครอง ลาดตะเวนจับกุมผู้ลักลอบข้ามแดน และผลักดันออกนอกประเทศ
ส่วนผู้ป่วยชาวเมียนมาที่เจ็บป่วย ปกติจะข้ามแดนมารักษาในโรงพยาบาลฝั่งไทย แต่มติคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ จ.ตาก ไม่อนุญาตให้ข้ามแดนอย่างเด็ดขาด แต่จะจัดส่งเวชภัณฑ์ทางการแพทย์สนับสนุนไปยังโรงพยาบาล สถานพยาบาล ในฝั่งเมียนมาตามหลักมนุษยชน นอกจากนี้ ยังมีความร่วมมือภายใต้โครงการความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านลุ่มน้ำโขง สนับสนุนเครื่องอุปโภค-บริโภค รวมทั้งเวชภัณฑ์จำเป็นแก่ประเทศเพื่อนบ้าน ถ้าควบคุมสถานการณ์ในพื้นที่ตรงข้ามจ.ตากได้ ฝั่งไทยก็ปลอดภัยด้วย
เชียงรายเพิ่มกำลัง-ใช้โดรนช่วยสกัด
วันเดียวกัน ทหารหน่วยเฉพาะกิจ กองกำลังผาเมือง เพิ่มความเข้มงวดจัดกำลังลาดตระเวนคุมเข้มตลอดแนวชายแดนไทย–เมียนมา ด้านจ.เชียงราย เพื่อสกัดกั้นป้องกันแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าเมือง ตามช่องทางธรรมชาติ หลังพบโควิด-19 แพร่ระบาดในพื้นที่ รัฐยะไข่ ของเมียนมาระลอกสอง โดยกองกำลังผาเมือง เพิ่มกำลังทหารและความถี่ลาดตระเวน พร้อมทั้งใช้โดรน บินลาดตระเวนจุดล่อแหลม และติดตั้งไฟส่องสว่างแบบโซลาเซลล์ กล้องวงจรปิด วางรั้วลวดหนามเพิ่ม จัดกำลังพลประจำช่องทาง หรือท่าข้าม หมุนเวียนตลอด 24 ชั่วโมง
ราชบุรีจับ9เมียนมาหนีเข้าไทยส่งตรวจ
นายมนตรี โภคานิตย์ ปลัดอำเภอบ้านคา จ.ราชบุรี สนธิกำลังทหารหน่วยเฉพาะกิจทัพพระยาเสือ พร้อมชุดปฏิบัติการที่ 3 สวนป่าเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ตำรวจ ตม. และอส.เข้าตรวจค้นเป้าหมาย 3 จุด พื้นที่หมู่ 1 ต.บ้านคา อ.บ้านคา หลังรับแจ้งว่ามีกลุ่มต่างด้าวทั้งผู้ใหญ่และเด็กเข้าพักอาศัย ผลการตรจสอบพบชาวเมียนมา 9 คน ไม่มีเอกสารหลักฐานแสดงที่มาที่ไป เจ้าหน้าที่จึงนำส่งโรงพยาบาลบ้านคา เพื่อเก็บสารคัดหลั่งส่งตรวจวิเคราะห์ ที่สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 5 ราชบุรี หาเชื้อโควิด-19 และแจ้งข้อกล่าวหาเป็นบุคคลต่างด้าว (เมียนมา) เข้ามาและอยู่อาศัยในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี