เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2563 นายบัญชา สุขแก้ว รองอธิบดีกรมประมง เปิดเผยว่า รัฐบาลมีนโยบายที่จะส่งเสริมให้องค์กรภาค ประชาชน เข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในภาคการเกษตร ให้สามารถพลิกฟื้นกิจกรรม ทางเศรษฐกิจ เพิ่มศักยภาพและยกระดับการค้าให้ได้มาตรฐานคุณภาพและมูลค่าเพิ่มของสินค้าและผลิตภัณฑ์ ท้องถิ่นและชุมชน เป็นการสร้างรายได้จากภาคการผลิตและการบริการที่ทันสมัย โดยเชื่อมโยงระหว่างการผลิต ท่องเที่ยว และบริการ เป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในชุมชนให้เข้มแข็งพึ่งพาตนเองได้ ซึ่งนโยบายดังกล่าวนี้ รัฐบาลได้ออกพระราชกําหนดเงินกู้ ในวงเงินงบประมาณ 400,000 ล้านบาท เพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟู เศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิค2019 ซึ่งในวงเงินดังกล่าวนี้เป็น ช่องทางที่องค์กรภาคประชาชนในมิติต่างๆ สามารถเสนอโครงการได้ ผ่านการดําเนินงานคณะทํางานประสานงาน ข้อเสนอโครงการองค์กรภาคประชาชนผ่านหน่วยงานของรัฐฯ ซึ่งมีหน้าที่กําหนดกรอบแนวทางการเสนอโครงการฯ และประสานงานกับองค์กรภาคประชาชน
ทั้งนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้นำนโยบายมาเชื่อมต่อกับองค์กรภาคประชาชน โดยมอบหมายทุกกรมใน สังกัดดําเนินการขับเคลื่อนการดําเนินโครงการดังกล่าวโดยเร็ว ซึ่งในส่วนของกรมประมง นายมีศักดิ์ ภักดีคง อธิบดีกรมประมง ได้สั่งการให้ประมงจังหวัดและประมงอําเภอทั้งประเทศ ลงพื้นที่ประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความ เข้าใจในการจัดทําข้อเสนอโครงการแก่องค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นกว่า 2,000 แห่ง ทั้งการทําประมงชายฝั่ง การทํา ประมงนอกเขตทะเลชายฝั่ง การทําประมงน้ําจืดการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ํา และการแปรรูปโดยให้เสนอโครงการฯ ภายในวันที่ 15 ตุลาคม 2563 และคณะกรรมการกลั่นกรองฯ จะพิจารณาโครงการที่นําเสนอภายในเดือนตุลาคม ซึ่งภาคประชาชนจะสามารถดําเนินโครงการได้ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2563 เป็นต้นไปจนถึงกันยายน 2564โดยโครงการที่เสนอมานั้น ควรนําเสนอเหตุผลการการดําเนินการให้สอดคล้องกับนโยบายภาครัฐ หรือแผนพัฒนาเศรษฐกิจชี้ให้เห็นถึงความต้องการและความจําเป็นที่ต้องดําเนินโครงการดังกล่าวพร้อมทั้งให้เหน็ถึง เป้าหมาย กระบวนการดําเนินงาน ประโยชน์ที่สามารถจับต้องได้ การแสดงถึงความโปร่งใสป้องกันการทุจริต แผนบริหารจัดการความเสี่ยง และวงเงินงบประมาณที่ต้องดําเนินโครงการ ซึ่งรายละเอียดของการเขียนโครงการนั้นประมงจังหวัด ประมงอําเภอ และเจ้าหน้าที่กรมประมงในแต่ละพื้นที่จะเป็นผู้ให้คําแนะนํา โดยเสนอโครงการใน นามองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นที่จัดตั้งขึ้นตาม พ.ร.ก.การประมง พ.ศ.2558 และฉบับแก้ไข ที่จะเป็นกลไกสําคัญ ขับเคลื่อนแผนงานโครงการเพื่อพี่เกษตรกรชาวประมงอย่างแท้จริง
โดยเบื้องต้นได้มีตัวตัวอย่าง เช่น โครงการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการจัดการผลผลิตการประมงยั่งยืนและผลิตอาหารสัตว์จาก เศษอาหารในชุมชนประมงพื้นบ้าน (โครงการ Post-Harvest Management From Smart Fish-Folk OrganizationandFeedbyproduct) ของทางสมาคมรักษ์ทะเลไทย ซึ่งอยู่ในจังหวัดสงขลา ที่ได้มีการเสนอโครงการฯ มาตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคม ที่ผ่านมา โดยขณะนี้ได้ผ่านการพิจารณาในเบื้องต้นแล้ว ซึ่งโครงการดังกล่าว มีเป้าหมายและกระบวนการดําเนินงานที่ชัดเจน ด้วยแนวคิดที่จะฟื้นฟูเศรษฐกิจสังคมในชุมชนประมงพื้นบ้านและ อุตสาหกรรมชุมชน จากวิธีการส่งเสริมพัฒนาการจัดการผลผลิตสัตว์น้ําและมาตรฐานสินค้าชุมชนประมงชายฝั่ง ยกระดับทั้งด้านปริมาณ คุณภาพด้วยระบบมาตรฐานรับรองผลผลิตสัตว์น้ําประมงพื้นบ้าน ใช้นวัตกรรมเทคโนโลยี ในการผลิตอาหารสัตว์ระดับพรีเมี่ยม บริหารจัดการเศษเหลือจากการแปรรูปชั้นต้น ฯลฯ เพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่ ชาวประมงพื้นบ้าน เกิดการจ้างงานในชุมชน และเกิดเป็นธุรกิจสินค้าประมงพื้นบ้านทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ และจะเป็นต้นแบบในการแก้ไขปัญหาการประมงและเศรษฐกิจแบบครบวงจร จึงเห็นได้ว่าโครงการดังกล่าวนี้ สอดคล้องกับนโยบายการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมของรัฐบาล
จึงเห็นได้ว่า นโยบายการให้ความช่วยเหลือของรัฐบาลในครั้งนี้ เป็นการเปิดโอกาสให้องค์กรภาคประชาชน ได้แสดงถึงศักยภาพของชุมชนโดยตรง โดยมุ่งหวังที่จะให้ทุกชุมชนประมงมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ดังนั้น จึงขอประชาสัมพันธ์แจ้งให้ชุมชนประมงท้องถิ่นในจังหวัดต่างๆ ทราบ เรียนรู้ และส่งโครงการฯ โดยกรมประมงจะคอย เป็นพี่เลี้ยงที่ให้แนวคิด แนวทาง แนวทําโครงการ ส่วนการจะดําเนินโครงการให้สําเร็จพี่น้องชาวประมงในพื้นที่ทุก คนต้องร่วมมือกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี