วันพุธ ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2564
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
ศาลอุทธรณ์ฯยกฟ้อง'อดีต ผกก.ป.-อัจฉริยะ' ถูกกล่าวหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

ศาลอุทธรณ์ฯยกฟ้อง'อดีต ผกก.ป.-อัจฉริยะ' ถูกกล่าวหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

วันจันทร์ ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2563, 11.02 น.
ศาลอุทธรณ์ ยกฟ้อง อดีต ผกก.ป. อัจฉริยะ ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
  • Tweet

ศาลอุทธรณ์ฯยกฟ้อง"อดีต ผกก.ป.-อัจฉริยะ" ถูกกล่าวหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ร่วมกันถอนเงินคุ้มครองสิทธิฯ

เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2563 ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ซอยสีคาม ถ.นครไชยศรี ศาลได้อ่านคำพิพากษาศาล อุทธรณ์ หมายเลขดำ อท.(ผ) 23/2559 หมายเลขแดง อท.(ผ) 146/2559 ที่ น.ส.รัฏฏิการ์ ชลวิริยะบุญ เจ้าของร้ายจำหน่ายโทรศัพท์มือถือย่านมาบุญครอง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พ.ต.อ.พงษ์ไสว แช่มลำเจียก อดีต ผกก.สอบสวน บก.ป. , พ.ต.ท.ชัยพร นิตยภัตร์ สว.สอบสวน กก.1 บก.ป. , พ.ต.อ.ณษ เศวตเลข (ยกฟ้องในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง) , นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม , นายณัฐพสิษฐ์ ชาญจรูญจิต , น.ส.วิภาณี ต๊ะมามูล น.ส.ธนสร แก้วเทพ เป็นจำเลยที่ 1 - 7 ในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และร่วมกันสนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

กรณี น.ส.รัฏฏิการ์ เจ้าของร้านรับซื้อขายแลกเปลี่ยนและซ่อมแซมอุปกรณ์โทรศัพท์มือถือ ย่านมาบุญครอง ชื่อร้าน EST2001 , ร้าน INSTALL และมีร้านของสามีชื่อร้าน 55 โฟน ส่วนจำเลยที่ 1 - 3 เป็นพนักงานสอบสวนสังกัด กก.1 บก.ป. จำเลยที่ 4 เป็นประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม จำเลยที่ 5 - 7 เป็นผู้สั่งซื้อโทรศัพท์มือถือเพื่อนำไปขายต่อ โดยเมื่อเดือน ก.ค.2556 ถึง ม.ค.2557 น.ส.บุศรินทร์ ยื่อโหนด และนายมนัส โชติขัน มาซื้อโทรศัพท์ที่ร้านของโจทก์ และร้านอื่นๆ ในย่านมาบุญครอง ราคาท้องตลาดจำนวนกว่า 2,000 เครื่อง นำไปหลอกลวงผู้อื่นว่าจะขายให้ราคาต่ำกว่าทุน แต่เมื่อหลอกลวงได้จำนวนมากแล้ว (โดยได้หลอกลวงจำเลยที่ 5 - 7 ด้วย) ได้หลบหนีไป ต่อมา น.ส.บุศรินทร์ และนายมนัส ถูกจับ และศาลพิพากษาจำคุกคนละ 20 ปี

พนักงานสอบสวนตรวจสอบบัญชีของ น.ส.บุศรินทร์ และนายมนัส พบการโอนเงินเข้าบัญชีของโจทก์และผู้อื่นอีก 20 กว่าราย แต่เลือกบัญชีของโจทก์เพียงบัญชีเดียวว่า เป็นบัญชีที่รับโอนเงินที่ได้จากการฉ้อโกงประชาชน และแจ้งต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ให้อายัดเงินในบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขามาบุญครอง ชื่อบัญชีโจทก์ เลขที่บัญชี 7022883555 เลขที่บัญชี 7022484499 และบัญชีของโจทก์อีก 3 บัญชี ซึ่งโจทก์ได้โต้แย้งคัดค้านแล้ว ต่อมา ปปง.มีหนังสือถึงโจทก์ ลงวันที่ 24 เม.ย.2558 แจ้งมติคณะกรรมการธุรกรรม ปปง.เห็นชอบให้เลขาธิการ ปปง.ส่งเรื่องให้พนักงานสอบสวนกองปราบปราม ดำเนินการคุ้มครองสิทธิของผู้เสียหาย และให้ดำเนินการกับทรัพย์สิน ตาม พ.ร.บ.ปปง.2542 มาตรา 49 วรรคหก และ ป.วิฯ อาญา มาตรา 85

จากนั้นพนักงานสอบสวนได้ส่งมอบพยานหลักฐานเกี่ยวกับทรัพย์สินให้จำเลยที่ 5 - 7 ไปแจ้งความดำเนินคดีโจทก์ข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน จึงถือว่าจำเลยทั้ง 7 ได้ร่วมกันกระทำความผิด แจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อพนักงานสอบสวน ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย กลั่นแกล้งโจทก์ให้ได้รับโทษ ว่า โจทก์ร่วมกับ น.ส.บุศรินทร์ และนายมนัส ร่วมกัยฉ้อโกงประชาชน โดย น.ส.บุศรินทร์ และนายมนัส โอนเงินที่ได้จากการฉ้อโกงเข้าบัญชีโจทก์ ซึ่งเป็นความเท็จ เพราะความจริงโจทก์ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการซื้อขายโทรศัพท์ระหว่างจำเลยที่ 5 - 7 กับ น.ส.บุศรินทร์ และนายมนัส แต่อย่างใด ส่วนเงินที่โอนมาเป็นเงินค่าโทรศัพท์ ไม่ใช่เงินที่ได้จากการฉ้อโกงประชาชน

ต่อมาระหว่างเดือน ก.ย.2558 ถึงวันที่ 8 ต.ค.2558 จำเลยที่ 5 มีหนังสือถึง ผบก.ป.เร่งรัดให้ดำเนินการตามคำสั่งของคณะกรรมการธุรกรรม ปปง.โดยออกคำสั่งให้ธนาคารกสิกรไทย สาขามาบุญครอง อายัดบัญชีเลขที่ 7022883555 จำนวนเงิน 11,534,800.70 บาท และบัญชีเลขที่ 7022484499 จำนวนเงิน 94,550.79 บาท ผบก.ป.จึงส่งให้จำเลยที่ 1 - 3 พิจารณาและออกคำสั่งไปยังธนาคารกสิกรไทย

กระทั่งวันที่ 8 ต.ค.2558 จำเลยที่ 1 - 3 นัดจำเลยที่ 4 และ 5 มารับเงินทั้งสองจำนวนที่ธนาคารกสิกรไทย สาขามาบุญครอง และจำเลยที่ 1 - 3 ให้ธนาคารถอนเงินในบัญชีของโจทก์ จำนวนเงิน 11,534,800.70 บาท และจำนวนเงิน 94,550.79 บาท ส่งมอบให้จำเลยที่ 5 ในเวลา 18.18 น.

การกระทำของจำเลยที่ 1 - 3 จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ และเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ทั้งยังเป็นการกลั่นแกล้งโจทก์ให้ได้รับโทษหนักขึ้น ส่วนจำเลยที่ 4 - 7 ร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1 - 3 เพื่อเอาเงินของโจทก์ไปโดยมิชอบ จึงเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิด

คดีนี้ศาลไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งยกฟ้องในชั้นตรวจฟ้อง แต่ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้อง ต่อมาศาลชั้นต้นไต่สวนเเล้วมีมูลจึงให้ประทับรับฟ้องโจทก์ สำหรับจำเลยที่ 1 และ 2 ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เฉพาะกรณีเกี่ยวกับจำนวนเงินที่คณะกรรมการ ปปง.มีมติให้คุ้มครองสิทธิผู้เสียหายกรณีนำเงินที่ได้จากการถอนเงินในบัญชีของโจทก์ในส่วนที่เป็นการคุ้มครองสิทธิผู้เสียหายและส่วนที่เกินอันเนื่องมาจากการแจ้งผิดหลงของคณะกรรมการ ปปง.มาแบ่งกัน และจำเลยที่ 4 - 7 ในข้อหาสนับสนุนจำเลยที่ 1 - 2 เจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และโดยทุจริต ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 3 และให้ยกฟ้องจำเลยที่ 5 - 7 ในข้อหาแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเพื่อกลั่นแกล้งให้บุคคลอื่นต้องได้รับโทษทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 172 , 174 , 200

ต่อมาวันที่ 27 มี.ค.2563 ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายกฟ้องจำเลยทั้งหมด เนื่องจากเห็นว่าพยานโจทก์ดังกล่าวไม่ใช่ผู้ที่รับรู้เหตุการณ์โดยตรงหรือประจักษ์พยานถือเป็นเพียงพยานบอกเล่าอีกทั้งเทปบันทึกเเละข้อความในไลน์ที่กล่าวอ้างเป็นพยานก็ไม่ได้มีการตรวจสอบเเละเซ็นรับรองจากผู้เชี่ยวชาญทางนิติวิทยาศาสตร์ จึงไม่ใช่พยานหลักฐานที่น่าเชื่อถือ

โจทก์อุทธรณ์ ขอให้ลงโทษพวกจำเลยด้วย วันนี้พวกจำเลยทั้งหมดเดินทางมาศาล

ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้วคดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยในประการแรก ว่า การกระทำของจำเลยที่ 5 - 7 มีมูลเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 172 , 174 หรือเป็นผู้สนับสนุนในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 200 หรือไม่ เห็นว่าการที่จำเลยที่ 5 - 7 แจ้งความดำเนินคดีกับ น.ส.บุศรินทร์ ยี่โหนด และนายมนัส โชติขัน จนทั้งสองถูกจับกุมดำเนินคดี เมื่อต่อมาพนักงานสอบสวนตรวจสอบพบว่าบุคคลทั้งสองโอนเงินที่ได้มาจากการฉ้อโกง ซึ่งรวมเงินของจำเลยที่ 5 - 7 ด้วยแล้วมีการโอนเงินไปเข้าบัญชีผู้อื่นหลายรายรวมทั้งบัญชีเงินฝากของโจทก์ ต่อมาจำเลยที่ 5 - 7 ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนว่า โจทก์ร่วมกับบุคคลทั้งสองกระทำผิดฐานฉ้อโกงประชาชนเห็นได้ว่าเป็นการแจ้งข้อเท็จจริงไปตามลำดับเหตุการณ์ โดยข้อเท็จจริงที่แจ้งดังกล่าวก็มีมูลความจริงที่โจทก์เองก็ยอมรับว่ามีการรับโอนเงินจากบุคคลทั้งสองจริง จึงมิได้มีข้อความใดที่จำเลยที่ 5 - 7 กล่าวอ้างอันเป็นเท็จหรือบิดเบือนข้อเท็จจริง

ส่วนการกระทำของโจทก์จะเป็นความผิดต่อกฎหมายตามที่จำเลยที่ 5 - 7 แจ้งหรือไม่ ไม่ใช่ข้อสำคัญถึงแม้จำเลยที่ 5 - 7 จะแจ้งต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับโจทก์ก็น่าเชื่อว่าเป็นการที่จำเลยที่ 5 - 7 กล่าวอ้างไปตามที่รับทราบข้อมูลมาจากพนักงานสอบสวนตามความเข้าใจของตน

ส่วนที่โจทก์รับโอนเงินมาดังกล่าวจะเป็นความผิดหรือไม่เป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนที่จะดำเนินการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานต่อไปการกระทำของจำเลยที่ 5 - 7 ไม่เป็นความผิดฐานแจ้งความเท็จตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 172 , 174 หรือเป็นผู้สนับสนุนในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 200

ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า คดีโจทก์ส่วนนี้ไม่มีมูลชอบแล้ว ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบเห็นพ้องด้วยอุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น

ส่วนกระทำของจำเลยที่ 1 - 3 มีมูลเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 , 200 และการกระทำของจำเลยที่ 4 - 7 มีมูลเป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนจำเลยที่ 1 - 3 ในส่วนนี้หรือไม่

โจทก์อุทธรณ์ว่าความจริงเส้นทางการเงินได้โอนไปยังผู้รับโอนหลายราย เหตุที่จำเลยที่ 5 - 7 เลือกที่จะแจ้งเอาเฉพาะกับโจทก์ก็อาจเป็นเพราะรายของโจทก์มีการรับโอนเงินเป็นจำนวนมากมียอดเงินสูง รวมถึงยอดเงินคงเหลือในบัญชีเงินฝากของโจทก์ เพราะการแจ้งก็เป็นการสืบเนื่องมาจากเพื่อต้องการให้ได้รับเงินคืน

ศาลอุทธรณ์ญเห็นว่าการแจ้งเฉพาะโจทก์นั้นจำเลยที่ 5 - 7 อาจเห็นได้ว่าเพียงพอที่ตนเองจะได้รับบรรเทาความเสียหายได้ดีกว่าผู้รับโอนรายอื่นเท่านั้นการไม่แจ้ง หรือไม่ดำเนินการแจ้งเอากับรายอื่นก็หาทำให้การกระทำของโจทก์เป็นความผิดไป แต่เพียงผู้เดียวโดยที่ผู้รับโอนเงินรายอื่นจะพ้นผิดไปก็หาไม่จึงไม่ใช่เรื่องที่จำเลยที่ 1 - 3 มีพฤติการณ์ไม่สุจริตเลือกปฏิบัติเฉพาะรายของโจทก์ ทำนองเดียวกันการที่จำเลยที่ 1 - 3 นัดให้จำเลยที่ 5 - 7 มารับเงินที่เบิกถอนจากบัญชีของโจทก์ในเวลาหลัง 18.00 น.ก็เป็นเรื่องที่สามารถกระทำได้ดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยมา และการร่วมกันเบิกถอนเงินในวันที่ 8 ต.ค.2558 ที่โจทก์อุทธรณ์ว่ามีการแก้ไข พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และมีการบังคับใช้ฉบับที่แก้ไขใหม่แล้ว จำเลยที่ 1 - 3 ก็ทราบอยู่แล้ว เพราะทนายความโจทก์ได้โทรศัพท์แจ้งให้จำเลยที่ 2 ทราบก่อนแล้ว ก็ได้ความจากที่ทนายโจทก์เองเบิกความตอบทนายจำเลยที่ 2 และที่ 5 - 7 ถามค้านว่า พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินที่เบิกความว่ามีการแก้ไขใหม่ คือ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2558 ในมาตรา 2 ระบุให้ใช้ พ.ร.บ.ฉบับนี้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันที่ประกาศเป็นต้นไป การเบิกถอนเงินจากบัญชีของโจทก์ที่ธนาคารซึ่งเป็นวันเกิดเหตุคดีนี้จึงเป็นวันก่อนที่ พ.ร.บ.ฉบับนี้มีผลใช้บังคับ จึงเป็นอำนาจที่ยังสามารถกระทำได้ จำเลยที่ 1 - 3 จำต้องดำเนินการตามขั้นตอนของพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินฉบับที่ได้มีการแก้ไขใหม่ไม่

การกระทำของจำเลยที่ 1 - 3 ในส่วนนี้จึงไม่เป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบอันจะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 , 200 และการกระทำของจำเลยที่ 4 - 7 จึงไม่เป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนจำเลยที่ 1 - 3 ในส่วนนี้ด้วยคำพิพากษาศาลชั้นต้นชอบ แล้วศาลอุทธรณ์ฯ เห็นพ้องด้วยอุทธรณ์ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน

  • Tweet

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

'โจโก วิโดโด'ปธน.อินโดนีเซีย ฉีดวัคซีนโควิด-19เข็มที่2ครบคอร์สแล้ว

'ศักดิ์สยาม'ขีดเส้น'รถไฟ'หาข้อสรุป แผนบริหารสายสีแดงภายใน 7 วัน พร้อมเปิดบริการ พ.ย.นี้

‘หมอศิริราช’เล่าวินาที‘ผู้ว่าฯสมุทรสาคร’น้ำตาเอ่อ หลังทราบคืบหน้า‘ศูนย์ห่วงใยคนสาคร’

‘วิษณุ’ชี้ช่อง!สถาบันฯอภิปรายในสภาได้ เตือนระมัดระวังพูดเฉพาะที่เกี่ยวกับ‘รมต.’

อบต.เร่งทำรายงานชี้แจงข้อเท็จจริง 'ยายบวน'รับเงินซ้ำซ้อน ยันยังไม่ได้ทวงคืน

'จุรินทร์'เผยปชป.เตรียมประชุมพรุ่งนี้ เคาะส่งคนสู้ศึกเสียบแทน'เทพไท'

  • Breaking News
17:38 น. 'โจโก วิโดโด'ปธน.อินโดนีเซีย ฉีดวัคซีนโควิด-19เข็มที่2ครบคอร์สแล้ว
17:37 น. 'ศักดิ์สยาม'ขีดเส้น'รถไฟ'หาข้อสรุป แผนบริหารสายสีแดงภายใน 7 วัน พร้อมเปิดบริการ พ.ย.นี้
17:34 น. ‘วิษณุ’ชี้ช่อง!สถาบันฯอภิปรายในสภาได้ เตือนระมัดระวังพูดเฉพาะที่เกี่ยวกับ‘รมต.’
17:32 น. อบต.เร่งทำรายงานชี้แจงข้อเท็จจริง 'ยายบวน'รับเงินซ้ำซ้อน ยันยังไม่ได้ทวงคืน
17:30 น. 'จุรินทร์'เผยปชป.เตรียมประชุมพรุ่งนี้ เคาะส่งคนสู้ศึกเสียบแทน'เทพไท'
ดูทั้งหมด
  • Breaking News
17:38 น. 'โจโก วิโดโด'ปธน.อินโดนีเซีย ฉีดวัคซีนโควิด-19เข็มที่2ครบคอร์สแล้ว
17:37 น. 'ศักดิ์สยาม'ขีดเส้น'รถไฟ'หาข้อสรุป แผนบริหารสายสีแดงภายใน 7 วัน พร้อมเปิดบริการ พ.ย.นี้
17:34 น. ‘วิษณุ’ชี้ช่อง!สถาบันฯอภิปรายในสภาได้ เตือนระมัดระวังพูดเฉพาะที่เกี่ยวกับ‘รมต.’
17:32 น. อบต.เร่งทำรายงานชี้แจงข้อเท็จจริง 'ยายบวน'รับเงินซ้ำซ้อน ยันยังไม่ได้ทวงคืน
17:30 น. 'จุรินทร์'เผยปชป.เตรียมประชุมพรุ่งนี้ เคาะส่งคนสู้ศึกเสียบแทน'เทพไท'
ดูทั้งหมด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ฟันไม่เลี้ยง! \'ผบ.ทร.\'สั่งสอบด่วน 16 ทหารขนยาเสพติด หากผิดจริงดำเนินคดีถึงที่สุด

ฟันไม่เลี้ยง! 'ผบ.ทร.'สั่งสอบด่วน 16 ทหารขนยาเสพติด หากผิดจริงดำเนินคดีถึงที่สุด

25 ม.ค. 2564

วันที่ 25 มกราคม 2564 พลเรือโท เชษฐา ใจเปี่ยม โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า ตามที่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้แจ้งความร้องทุก

\'อัจฉริยะ\'บุกร้อง ป.ป.ป.เอาผิดอ้างเป็นทหารเรือ ปล้นยาเสพติดของกลางฝ่ายปกครอง

'อัจฉริยะ'บุกร้อง ป.ป.ป.เอาผิดอ้างเป็นทหารเรือ ปล้นยาเสพติดของกลางฝ่ายปกครอง

25 ม.ค. 2564

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 25 มกราคม 2564 ที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญา

\'ลุงพล\'ขาลง! องค์กรวิชาชีพสื่อฯ แถลงการณ์ประณามคุกคามสื่อขณะปฏิบัติหน้าที่

'ลุงพล'ขาลง! องค์กรวิชาชีพสื่อฯ แถลงการณ์ประณามคุกคามสื่อขณะปฏิบัติหน้าที่

19 ม.ค. 2564

"ลุงพล"ตกอยู่ในช่วงขาลง ล่าสุดองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนออกแถลงการณ์กรณีโดนคุกคาม ขณะลงพื้นที่ทำข่าว ระบุเป็นการกระทำรุนแรง ขัดขวางการทำหน้าที่

\'บิ๊กเด่น\'รับมีจนท.เกี่ยวข้องจริง!  หลัง\'อัจฉริยะ​\'แฉกระบวนการลักลอบขนต่างด้าวเข้าเมือง

'บิ๊กเด่น'รับมีจนท.เกี่ยวข้องจริง! หลัง'อัจฉริยะ​'แฉกระบวนการลักลอบขนต่างด้าวเข้าเมือง

7 ม.ค. 2564

วันที่ 7 มกราคม 2564 เวลา​ 11.40  น.​ พล.ต.อ.สุวัฒน์​ แจ้งยอดสุข​ ผบ.ตร.​ มอบหมายให้​ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์​ กิตติประภัสร์​ รอง​ ผบ.ตร.​ และ​ พล.ต.ท.จา

ยกฟ้องคดี กฤษณ์ ณรงค์เดช  ฟ้อง อดีตซีอีโอ แจ้งความเท็จ

ยกฟ้องคดี กฤษณ์ ณรงค์เดช ฟ้อง อดีตซีอีโอ แจ้งความเท็จ

17 ธ.ค. 2563

เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2563  ที่ ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก​  มีคำพิพากษาในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 2973/2561 ระหว่าง นายกฤษณ์ ณรงค์เดช โจทก์ นายณัฐวุฒิ เภาโบ

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนคุก 20 ปี \'อดีต ผอ.พศ.\' พร้อมร่วมชดใช้ 12 ล้านคดีเงินทอนวัด

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนคุก 20 ปี 'อดีต ผอ.พศ.' พร้อมร่วมชดใช้ 12 ล้านคดีเงินทอนวัด

20 พ.ย. 2563

วันที่ 20 พฤศจิกายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 21 ต.ค. 2563 ศาลอุทธรณ์แผนกคดีอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ ได้มีคำพิพากษาคดีทุจริตจัดสรรเงินงบประ

ศาลจังหวัดนนทบุรียกฟ้องคดีซ่องโจรแก๊งบ้านปาร์ตี้ 7 คน รื้อทิ้งแล้วห้องเกิดเหตุ

ศาลจังหวัดนนทบุรียกฟ้องคดีซ่องโจรแก๊งบ้านปาร์ตี้ 7 คน รื้อทิ้งแล้วห้องเกิดเหตุ

3 พ.ย. 2563

ศาลจังหวัดนนทบุรียกฟ้องคดีซ่องโจรแก๊งบ้านปาร์ตี้ 7 คน รื้อทิ้งแล้วห้องเกิดเหตุ

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนคุก 5 ปี \'นายดาบตำรวจ\'ยักยอก\'ปืนเอ็ม16\' 9 กระบอก

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนคุก 5 ปี 'นายดาบตำรวจ'ยักยอก'ปืนเอ็ม16' 9 กระบอก

30 ต.ค. 2563

เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2563 สำนักงานคณะกรรมการปัองกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เปิดเผยว่าคณะกรรมการ ป.ป.ท.พิจารณา กรณีศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืน ตาม

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายประพันธ์ สุขทะใจ ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved