วันพฤหัสบดี ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
ไล่บี้ฟัน‘ตร.-อัยการ’โยงอุ้มบอส ‘สป.ยธ.’แถลงการณ์ 2 ฉบับ จี้ให้ออก-พักราชการ

ไล่บี้ฟัน‘ตร.-อัยการ’โยงอุ้มบอส ‘สป.ยธ.’แถลงการณ์ 2 ฉบับ จี้ให้ออก-พักราชการ

วันจันทร์ ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2563, 15.36 น.
Tag : บอส อยู่วิทยา บิ๊กตู่ รื้อคดีบอส วรยุทธ อยู่วิทยา วิชา มหาคุณ สถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม สป.ยธ.
  •  

ไล่บี้ฟัน‘ตร.-อัยการ’โยงอุ้มบอส ‘สป.ยธ.’แถลงการณ์ 2 ฉบับ จี้ให้ออก-พักราชการ

14 กันยายน 2563 สถาบันเพื่อการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม (สป.ยธ.) ออกแถลงการณ์คดีบอส อยู่วิทยา (ฉบับที่ 2) เรื่อง “ขอให้นายกรัฐมนตรีสั่งให้ตำรวจผู้ร่วมขบวนการสร้างพยานหลักฐานเท็จในคดีนายวรยุทธ  อยู่วิทยา “ออกจากราชการไว้ก่อน”  ระหว่างการดำเนินคดีอาญาและวินัยร้ายแรง” มีเนื้อหาดังนี้


ตามที่นายกรัฐมนตรีได้ส่งรายงานผลการตรวจสอบของคณะกรรมการที่ ศ.ดร.วิชา  มหาคุณ เป็นประธานในการหาตัวผู้กระทำผิดกรณีที่รองอัยการสูงสุดได้มีคำสั่งไม่ฟ้องคดีนายวรยุทธ  อยู่วิทยา ขับรถประมาทชนผู้อื่นถึงแก่ความตายแล้วหลบหนี   เนื่องจากได้พบหลักฐานว่ามีบุคคลหลายฝ่ายทั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตำรวจ อัยการ เจ้าพนักงานพิสูจน์หลักฐาน และทนายความได้ร่วมมือกันสร้างพยานหลักฐานเท็จเรื่องความเร็วนำเข้าสู่สำนวนการสอบสวนเพื่อทำลายน้ำหนักพยานหลักฐานเดิมที่ถูกต้องและนำไปสู่การสั่งไม่ฟ้องของอัยการส่งให้เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) ในฐานะเลขานุการศูนย์ต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ศอตช.) ดำเนินการ และเลขาธิการ ปปท.ได้แจ้งให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินคดีอาญาและส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการทางวินัยนั้น

เนื่องจาก  ระหว่างนี้ข้าราชการตำรวจผู้เข้าไปร่วมสร้างพยานหลักฐานเท็จดังกล่าวทุกคน   ยังคงปฏิบัติราชการตามอำนาจหน้าที่ของตนกันเป็นปกติ  ทั้งที่ผลการตรวจสอบได้พบพยานหลักฐานอย่างชัดเจนว่าเป็นทั้งตัวการและผู้สนับสนุน แม้กระทั่งเป็นผู้รับผิดชอบด้านการบริหารของหน่วยงานตำรวจระดับต่างๆ ที่ปล่อยปละละเลยหรืออาจรู้เห็นเป็นใจให้มีการสอบสวนทำลายพยานหลักฐานคดีนี้มาตั้งแต่เกิดเหตุ  ไม่ว่าจะเป็นการไม่ตรวจวัดความเมา การปล่อยให้คดีขาดอายุความ หรือไม่แจ้งข้อหาเสพโคเคนนำมารวมไว้ในสำนวน

เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชนว่า  นายกรัฐมนตรีมีความจริงใจในการปราบปรามการทุจริตของชาติ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระบบงานสอบสวนคดีอาญาซึ่งส่งผลเสียหายต่อกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรงยิ่งในปัจจุบัน  จึงขอให้ดำเนินการดังนี้

1.เร่งออกคำสั่งตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงข้าราชการตำรวจทุกคนที่ไปร่วมประชุมปรึกษากับสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ อัยการ อาจารย์มหาวิทยาลัยและทนายความตามที่ปรากฏหลักฐานคลิปเสียงการสนทนาในการสร้างพยานหลักฐานเท็จคดีอาญาเพื่อช่วยให้ผู้กระทำผิดไม่ต้องรับโทษ ณ สำนักงานพิสูจน์หลักฐาน เมื่อวันที่  29 กุมภาพันธ์  2559 ตามที่คณะกรรมการฯ รายงาน ซึ่งถือเป็นพฤติกรรมกระทำผิดที่แน่ชัดในการกดดันให้ พ.ต.ท.ธนสิทธิ์ แตงจั่น นักวิทยาศาสตร์คำนวณความเร็วด้วยวิธีใหม่ของ ดร.สายประสิทธิ์  ก่อให้เกิดความสับสนได้ผลออกมาเพียง 79.23 กม.ต่อชั่วโมง ขัดต่อหลักวิชาการและมาตรฐานการปฏิบัติงานพิสูจน์หลักฐาน

ถือเป็นความผิดตามกฎหมายอาญา มาตรา 200 ตามที่ส่งให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินคดีอาญา  และเป็นการประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง ถือเป็นความผิดทางวินัยร้ายแรงตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ มาตรา 79 (5) ซึ่งผู้บังคับบัญชามีอำนาจสั่ง “ให้ออกจากราชการไว้ก่อน” ระหว่างรอผลการสอบสวนคดีอาญาและวินัยร้ายแรงเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายต่อราชการได้ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 มาตรา 95

2.สั่ง ผบ.ตร. ให้เร่งรัดการสอบสวนทางวินัยให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน โดยรายงานความคืบหน้าให้ทราบผ่านเลขานุการ ศอ.ตช. ทุก 7 วัน

3.สั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมควบคุมการปฏิบัติงานของอธิบดีสอบสวนคดีพิเศษให้เร่งสอบปากคำ พ.ต.อ.ธนสิทธิ์  แตงจั่น  ยืนยันหลักฐานคลิปเสียง  และนำไปเสนอศาลออกหมายจับผู้ร่วมกระทำผิดอาญาทุกคนที่อยู่ในการประชุมปรึกษาดังกล่าวโดยเร็วที่สุด

4.ใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ออกคำสั่งตั้งปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบเพิ่มเติมว่า  ในกรณีที่เกิดปัญหาการสอบสวนทำลายพยานหลักฐานคดีนี้มาตั้งแต่วันแรกเกิดเหตุและต่อเนื่องมาอีกหลายปี  ทั้งการที่ไม่ดำเนินการให้นายวรยุทธเป่าทดสอบความเมาทันทีที่พบตัว  การไม่ดำเนินคดีข้อหาเสพโคเคน รวมทั้งการปล่อยให้บางข้อหาขาดอายุความ  ตำรวจผู้บังคับบัญชาทุกระดับตั้งแต่สถานีไปจนถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในแต่ละช่วงเวลา  มีใครเป็นผู้รับผิดชอบทางการบริหารในการที่ไม่ตรวจสอบควบคุมหรือแม้กระทั่งรู้เห็นเป็นใจให้มีการกระทำผิดดังกล่าวบ้าง

นอกจากนี้ สป.ยธ. ยังได้ออกแถลงการณ์คดีบอส อยู่วิทยา (ฉบับที่ 3) เรื่อง “ขอให้อัยการสูงสุด “สั่งพักราชการ” พนักงานอัยการผู้ร่วมขบวนการสร้างพยานหลักฐานเท็จกับตำรวจในคดีนายวรยุทธ  อยู่วิทยา ระหว่างรอผลการดำเนินคดีอาญาและวินัยร้ายแรง” มีเนื้อหาดังนี้

ตามที่นายกรัฐมนตรีได้ส่งรายงานผลการตรวจสอบของคณะกรรมการที่ ศ.ดร.วิชา  มหาคุณ เป็นประธานในการหาตัวผู้กระทำผิดกรณีที่รองอัยการสูงสุดได้มีคำสั่งไม่ฟ้องคดีนายวรยุทธ  อยู่วิทยา ขับรถประมาทชนผู้อื่นถึงแก่ความตายแล้วหลบหนี   เนื่องจากได้พบหลักฐานว่ามีบุคคลหลายฝ่ายทั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตำรวจ อัยการ เจ้าพนักงานพิสูจน์หลักฐาน และทนายความได้ร่วมมือกันสร้างพยานหลักฐานเท็จเรื่องความเร็วนำเข้าสู่สำนวนการสอบสวนเพื่อทำลายน้ำหนักหลักฐานเดิมที่ถูกต้องและนำไปสู่การสั่งไม่ฟ้องของอัยการ ส่งให้เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ปปท.) ในฐานะเลขานุการศูนย์ต่อต้านการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ศอ.ตช.) ดำเนินการ และเลขาธิการ ปปท.ได้แจ้งให้อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินคดีอาญาและส่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมทั้งสำนักงานอัยการสูงสุดดำเนินการทางวินัยนั้น

เนื่องจากระหว่างนี้พนักงานอัยการ ช.ผู้ถูกระบุว่าได้เข้าไปร่วมสร้างพยานหลักฐานเท็จกับตำรวจในคดีดังกล่าว  ยังคงปฏิบัติราชการตามอำนาจหน้าที่อยู่เป็นปกติทั้งที่ผลการตรวจสอบได้พบพยานหลักฐานชัดเจนว่าเป็นตัวการร่วมสร้างพยานหลักฐานเท็จคดีอาญาจนนำไปสู่การสั่งไม่ฟ้องของรองอัยการสูงสุดที่สร้างความเสียหายต่อกระบวนการยุติธรรมของชาติอย่างร้ายแรงดังกล่าว

เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชนว่า  สำนักงานอัยการสูงสุดมีความจริงใจในการจัดการกับปัญหาการทุจริตของของบุคคลากรในองค์กรอย่างจริงจังจึงขอให้เร่งออกคำสั่งตั้งกรรมการตรวจสอบว่า อัยการ ช.ที่ปรากฏในหลักฐานคลิปเสียงร่วมสนทนากับสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตำรวจ อาจารย์มหาวิทยาลัยและทนายความในการสร้างพยานหลักฐานเท็จคดีอาญา ณ สำนักงานพิสูจน์หลักฐานเมื่อวันที่  29 กุมภาพันธ์ 2559 ดังกล่าวคือใคร มีตำแหน่งหน้าที่อะไร และเร่งดำเนินคดีวินัยร้ายแรงแจ้งให้ประชาชนทราบ

พร้อมทั้ง “สั่งพักราชการ” อัยการคนดังกล่าว เพื่อมิให้เกิดความเสียหายต่อราชการตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ พ.ศ. 2553 มาตรา 80 โดยเร็ว

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

'แพรรี่'เทศน์พระเอี่ยวสีกา สึกออกมาก็แค่ตาแก่คนหนึ่ง สีกาก็ร้ายไปเป็นเปรตแน่นอน

เชียงใหม่ พบผู้เสียชีวิตอีก 2 ราย จาก'โรคไข้หูดับ' หลังกินหมูดิบ

ชำแหละ 4 ข้อ 'ทักษิณ'โชว์วิสัยทัศน์! 'หลงยุค หลงตัวเอง ขายฝัน แก้ตัว'

'ยุน ซอกยอล'อดีตปธน.เกาหลีใต้ติดคุกอีกรอบ ศาลอนุมัติหมายจับหวั่นหลักฐานถูกทำลาย

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved