สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) จัดการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 1 (ปฐมนิเทศโครงการ)โครงการจัดทำผังน้ำลุ่มน้ำมูล โดยมี นายดำรงชัย เนรมิตตกพงศ์รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นประธานเปิด มีนายปรีชา สุขกล่ำ ที่ปรึกษาเลขาธิการ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ สทนช. คณะกรรมการลุ่มน้ำสาขา ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน สื่อมวลชน และประชาชนในพื้นที่ เข้าร่วมประชุม ที่ห้องคูเมือง โรงแรมเทพนคร อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์
เพื่อจัดทำผังน้ำลุ่มน้ำมูล ตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำพ.ศ.2561 ให้มีข้อมูลผังน้ำลุ่มน้ำมูลประกอบเป็นข้อมูลในการพิจารณาการใช้ประโยชน์ที่ดินที่อยู่ในระบบทางน้ำตามที่กำหนดในผังน้ำให้เป็นไปตามมาตรา 56 ของพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 อีกทั้งเพื่อจัดทำแผนปรับปรุง ฟื้นฟูทางน้ำและแหล่งน้ำตามธรรมชาติที่เชื่อมโยงกับทางน้ำสายหลัก รวมทั้งเสนอแนะขนาดของช่องเปิดของอาคารในลำน้ำ จัดทำแนวทางการบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำมูลทั้งฤดูน้ำหลากและฤดูแล้ง และเพื่อเป็นมาตรฐานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ใช้ข้อมูลผังน้ำที่สอดคล้องเชื่อมโยงกัน
นายปรีชา สุขกล่ำ ที่ปรึกษาด้านบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ สทนช. กล่าวว่า จัดการประชุมการจัดทำผังน้ำลุ่มน้ำมูล ครั้งนี้ เพื่อประชาสัมพันธ์การจัดทำผังน้ำให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้รับทราบถึงความเป็นมา วัตถุประสงค์ และแนวคิดแนวทางในการจัดทำผังน้ำ พร้อมทั้งรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะสภาพปัญหาและข้อวิตกกังวลต่างๆ จากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะไปช่วยชี้แจง และเผยแพร่กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนประชาชนในพื้นที่ ให้มีความเข้าใจอย่างถูกต้องและเหมาะสมต่อไป
โดยจะทำการศึกษาครอบคลุม 10 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ยโสธร อำนาจเจริญ มหาสารคาม ขอนแก่น และร้อยเอ็ด เพื่อเป็นแนวทางในการจัดทำผังน้ำและรายการประกอบผังน้ำให้สอดคล้องตามพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ และเพื่อให้การดำเนินการจัดทำผังน้ำเป็นไปตามที่กำหนด จึงได้ว่าจ้างมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นสถาบันที่ปรึกษาดำเนินงานโครงการจัดทำผังน้ำลุ่มน้ำมูล เพื่อกำหนดกรอบแนวทางวิธีการศึกษาการจัดทำผังน้ำที่เหมาะสมกับพื้นที่ลุ่มน้ำมูล และกำหนดรูปแบบการใช้ประโยชน์ที่ดินในระบบทางน้ำ และกำหนดแผนที่ผังน้ำที่มีมาตรฐานและใช้ประโยชน์ได้ อีกทั้งเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำข้อมูลไปใช้อย่างสอดคล้องเชื่อมโยงกัน
สำหรับแนวทางการดำเนินโครงการจะดำเนินการศึกษาอย่างรอบด้าน ทั้งจะทำการศึกษารวบรวมข้อมูลและทบทวนข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับองค์ประกอบของผังน้ำ สาเหตุของการเกิดอุทกภัยและภัยแล้ง ข้อมูลน้ำท่วมและน้ำแล้ง พื้นที่น้ำท่วมและประสบปัญหาภัยแล้ง ความเสียหายจากอุทกภัยและภัยแล้งที่ผ่านมา พื้นที่เสี่ยงอุทกภัยและภัยแล้งของพื้นที่ลุ่มน้ำทั้งในอดีตและปัจจุบัน และรวบรวมข้อมูลทะเบียนแหล่งน้ำ รวบรวมแผนการบริหารจัดการน้ำช่วงฤดูน้ำหลาก แผนบริหารจัดการอุทกภัย และระบบป้องกันน้ำท่วม จากหน่วยงานต่างๆ ประกอบการศึกษาอย่างละเอียดรอบด้าน ทั้งนี้ในการศึกษาจะให้ความสำคัญกับกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยมีระยะเวลาการศึกษาโครงการ 480 วัน เริ่มดำเนินการตั้งแต่ 28 พฤษภาคม 2563 และจะแล้วเสร็จภายใน 20 กันยายน 2564
เมื่อการศึกษาโครงการจัดทำผังน้ำลุ่มน้ำมูล แล้วเสร็จจะทำให้เกิดการใช้ประโยชน์จากที่ดินที่ไม่กีดขวางระบบทางน้ำ และเป็นแนวทางในการบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำมูลทั้งฤดูน้ำหลากและฤดูแล้งอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยลดความเสียหายต่อพื้นที่และทรัพย์สินของประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ทางน้ำ และเพิ่มความมั่นคงในการใช้ประโยชน์จากที่ดินและน้ำให้กับประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ลุ่มน้ำมูลอย่างยั่งยืน
“ทั้งนี้ สทนช. คาดว่า โครงการจะทำการศึกษาแล้วเสร็จในเดือนกันยายน 2564 โดยผลการศึกษาจะเกิดประโยชน์อย่างมหาศาล โดยจะเป็นแนวทางการใช้ประโยชน์จากที่ดินที่ไม่กีดขวางระบบทางน้ำ และเป็นแนวทางในการบริหารจัดการน้ำในฤดูน้ำหลากและฤดูแล้งอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยลดความเสียหายต่อพื้นที่และทรัพย์สินของประชาชนลง” นายปรีชา กล่าว
ขวัญชัย หาญประโคน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี