ตัวสุดท้าย ที่เป็นองค์ประกอบของคำว่า ความมั่นคงทางอาหาร คือด้านการใช้ประโยชน์ของอาหาร หรือ Food Utilization ซึ่งดูกันที่เรื่องของคุณค่าของอาหารที่ได้รับต่อสุขภาพร่างกายมนุษย์ผู้ที่บริโภคเข้าไป ประเด็นนี้ค่อนข้างจะมองไปไกลทีเดียว เปรียบคำพังเพยไทยโบราณ ก็เหมือนกับว่า ได้คืบจะเอาศอก ได้ศอกจะเอาวา คือหมายถึง จัดหาอาหารมีให้กินอย่างเพียงพอแล้วก็ยังไม่พอเพียง ถึงขั้นจะเอาประเภทกินดีอยู่ดีเป็นอาหารระดับเหลาระดับหรูด้วยจึงจะพอ (พูดเล่นนะครับ)
เรื่องของเรื่องก็คือน่าจะมีนักโภชนาการเสนอเพิ่มเข้ามาในตอนหลังๆ เพื่อให้ครบถ้วนสมบูรณ์เลยเสียทีเดียว ไหนๆ ก็จะวางเป้าเพื่อแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคงทางอาหารแล้ว บางเวทีใช้คำว่า สารอาหารหรือโภชนาการ หรือ Nutrition ทั้งนี้เพราะต้องการรับประกันให้ได้ว่าถ้าจะช่วยเหลือผลักดันกันทั้งทีไม่ใช่สักแต่ว่าเอาอาหารอย่างใดอย่างหนึ่ง เช่น ข้าวไปให้คนบริโภค หากแต่มันต้องเป็นข้าวที่ดีหรือมีคุณค่าสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายอย่างครบถ้วนตามหลักโภชนาการเพิ่มเติมเข้าไปด้วย ลองย้อนกลับไปดูนิยามของคำว่า ความมั่นคงทางอาหารที่ผมเขียนไว้แต่ต้นสิครับ ว่าท้ายที่สุดแล้ว ชีวิตหรือร่างกายมนุษย์ต้องแข็งแรงกระฉับกระเฉงและมีสุขภาพที่ดี (active and healthy life) ด้วย แถมยิ่งไปกว่านั้น มีอีกคำหนึ่ง คือยังต้องสนองความชอบ หรือ Food Preferences อีก เอาเข้าไป!! ซึ่งนั่นก็เลยเถิดไปอีกขั้นหนึ่งอันเป็นที่มาของการยกคำพังเพยไทยที่ว่า ได้คืบจะเอาศอก ของผมข้างบน
ตัวอย่างในที่นี้ เช่น ถ้าอยากจะกินเป๋าฮื้อก็ต้องได้กิน หรืออีกวันอยากจะตับห่านฝรั่งเศสก็ต้องได้กิน อย่างนี้เชื่อว่าคงยากขึ้นแน่นอนถ้าจะทำให้สำเร็จ แต่กระนั้นก็เป็นที่เข้าใจได้ว่า นั่นคือเป้าประสงค์สุดท้ายที่ต้องตั้งไว้ มนุษย์ต้องใช้กำลังกายและพลังสมองในทุกวิถีทางที่จะบรรลุเป้าหมาย เพื่อจะเป็นไปหรือได้รับอย่างนั้นในที่สุด จะใช้เวลานานแสนนานเท่าใดก็ตาม สัก 10 ปี 50 ปี 1,000 ปี 1,000,000 ปี หรือชาติหน้า ก็ต้องยึดถือเป็นธงนำกันต่อไป ก็คงเป็นสเต็ปหลังๆ ละครับ ถึงตอนนั้นมนุษย์ยุคปัจจุบันอาจสูญพันธุ์ไปหมดแล้วก็ได้ ทุกวันนี้เอาแค่ว่าทำให้มีอาหารพอกินประทังชีวิตให้อยู่ได้ ไม่ตายเพราะอดอยาก ซึ่งเป็นสเต็ปขั้นแรกให้สำเร็จหรือใกล้เคียง
ก็ยังดี จะว่าไปแล้วข้อมูลจาก FAO เปิดเผยว่าในโลกของเรายังมีจำนวนประชากรที่อดอยาก ไม่มีอาหารกินอย่างเพียงพออยู่อีกเป็นจำนวนมากเกือบ 1,000 ล้านคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่คนยากจนที่กระจายอยู่ทั่วไปในประเทศด้อยและกำลังพัฒนาทั่วโลก แต่ที่หนักสุด คือในประเทศ แถบทวีปแอฟริกา ที่นอกจากจะยากจนค่นแค้นแล้วยังขาดแคลนทรัพยากรที่จำเป็นต่อการผลิตพืชอาหารอย่างยิ่ง มิหนำซ้ำ โชคร้ายเสียเหลือเกินที่ยังมีการสู้รบขัดแย้งกันทางอุดมการณ์และศาสนากันหลายจุดหลายประเทศอย่างไม่เห็นที่ท่าว่าจะจบสิ้น ผู้คนประชาชนผู้น่าสงสาร นอกจากจะไม่สามารถทำมาหากินกันอย่างเป็นปกติสุขแล้ว ยังต้องอพยพละทิ้งถิ่นฐานบ้านเรือน ที่ทำกินที่มีอยู่อย่างน้อยนิดไปอาศัยอยู่ในที่ปลอดภัยกว่า และต้องรอความช่วยเหลือจากหน่วยงานระหว่างชาติ เช่น องค์การสหประชาชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง WFP หรือ World Food Programme และ FAO ตลอดจนองค์กรเอกชนอื่นๆ แล้วอย่างนี้ ผมเองยังมองไม่เห็นหนทางเลยว่า เจ้าความมั่นคงทางอาหารแม้แต่ประเด็น หรือ เสาแรก คือ Food Availability จะประสบผลสำเร็จในเร็ววันได้อย่างไร น่าเศร้าครับ สำหรับการเกิดมาเป็นมนุษยโลกและอยู่อาศัยในดินแดนแถบนั้น
ก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนพลโลก คือ ความมั่นคงทางอาหาร และในวันที่ 23 กรกฎาคมนี้ ก็จะมีการประชุมประจำปี 2020 โดยทางวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ของคณะกรรมการสำรองอาหารเพื่อความมั่นคงแห่งภูมิภาคอาเซียน หรือ ASEAN Food SecurityReserve Board (AFSRB) ครั้งที่ 40 ที่แต่เดิมถึงคราที่ประเทศเวียดนามรับจะเป็นเจ้าภาพจัดประชุม ซึ่งความจริงเขาก็ได้วางแผนไว้แล้วว่าจะจัดขึ้นที่กรุงฮานอย เมืองหลวงของเวียดนาม แต่ทว่า เกิดภัยเจ้าโควิด-19 เสียก่อน ทำให้ทุกการประชุม จึงต้องยกเลิก และแทนด้วยการประชุมทางไกล ดังที่ผมได้เคยพูดมาแล้วครั้งหนึ่ง และถ้ามีประเด็นสำคัญอะไรที่ได้จากการประชุมคณะกรรมการดังกล่าว ผมก็จะได้สรุปนำมาเล่าให้ฟังในฉบับต่อไปนะครับ
ชาญพิทยา ฉิมพาลี
chanpithya@apterr.org
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี