ศบศ.ทุ่ม5.1หมื่นล.
เติมบัตรคนจน500บ.3เดือน
แจก3พันบาท10ล้านคน
ผ่านโครงการคนละครึ่ง
คาดเปิดลงทะเบียน16ตค.
บิ๊กตู่ยันจะใช้งบประหยัด
นายกฯนั่งหัวโต๊ะถก ศบศ.เห็นชอบทุ่มงบ 5.1 หมื่นล้านออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม 2 ส่วน ไฟเขียวให้เงินบัตรคนจน เพิ่มอีก 500 บาท 3 เดือน ตั้งแต่ ตุลาคม-ธันวาคม วงเงิน 2.1 หมื่นล้าน-ให้เงิน 3,000 บาทผ่านโครงการ “คนละครึ่ง” วงเงิน 3 หมื่นล้านคาดเปิดลงทะเบียน 16 ตุลาคม จำกัด 10 ล้านคนยันนักลงทุน ตปท.ติดต่อขอมาดูกิจการ-กรอบดำเนินงาน พร้อมรับปากจะใช้งบประหยัดไม่สร้างภาระประเทศวอนอย่าปล่อยข่าวทุบนักลงทุนหอบเงินหนี
เมื่อวันที่16 กันยายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงหลังเป็นประธานประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) หรือ ศบศ. ครั้งที่ 3/2563 ว่า ที่ประชุมต้องพิจารณาวางแผนแก้ปัญหาระยะกลางและระยะยาว เพราะไม่ทราบได้ว่าสถานการณ์โควิด-19 จะสิ้นสุดเมื่อใด จึงต้องเตรียมมาตรการให้เหมาะสม ทันเวลา โดยวันนี้มีการเสนอขออนุมัติหลักการโครงการหลายลักษณะ เรื่องดูแลเศรษฐกิจฐานราก ดูแลผู้ประกอบการ โครงสร้างพื้นฐาน การลงทุนภาครัฐ และลงทุนในประเทศให้เกิดความต่อเนื่อง โดยหลายประเทศให้ความสำคัญเรื่องเหล่านี้และพยายามติดต่อขอเข้ามาดูกิจการและแผนการลงทุนของเขา โดยเฉพาะเรื่องการท่องเที่ยว นักธุรกิจ การอนุมัติวีซ่า รวมถึงการลงทุนอีอีซี ก็อยู่ในขั้นตอนเจรจาตกลงสัญญา ทุกอย่างไม่ได้หยุดนิ่ง แม้จะมีปัญหาโควิด-19 ก็ยังมีการติดต่อ ประชุมร่วม และประชุมทางไกลกันอยู่ตลอด อย่าไปพูดอะไรให้เกิดความเสียหายในกรณีที่ว่าทุกคนไม่อยากมาลงทุนในไทยแล้ว พูดแบบนี้คิดว่าไม่ค่อยเหมาะสม ขัดกับข้อเท็จจริง
นายกฯยังยืนยันด้วยว่า อยากบอกประชาชนให้เชื่อว่ารัฐบาลมีแผนลงทุนมาต่อเนื่อง โดยเฉพาะโครงสร้างพื้นฐาน ถือเป็นสิ่งสำคัญ ทั้งทางเรือ ทางบก และทางอากาศ ทุกอย่างก้าวหน้าตามลำดับ มีการลงนามสัญญาเดินหน้าต่อไป ที่สำคัญรัฐบาลดูแลผู้มีรายได้น้อย ซึ่งมี 2 สองส่วน ส่วนแรกคือ บัตรสวัสดิการของรัฐ ดูแลผู้มีรายได้น้อย และส่วนที่สองมีมาตรการเฉพาะกลุ่มออกไปให้ประชาชน และวันนี้คณะอนุกรรมการฯมีข้อเสนอหลายอย่าง ซึ่งมาจากฝ่ายธุรกิจด้วย นอกจากนี้ ยังมีอีกส่วนคือ การลงทุนระยะยาว เพื่อให้มีรายได้กลับเข้ามาประเทศ ในขณะที่รายได้เรามีเท่านี้ไม่พอ ต้องลงทุน ซึ่งต้องเข้าใจว่าการลงทุนต้องใช้เวลา 3 ปี 5 ปี ถึง 10 ปี ที่จะมีรายได้กลับเข้ามา และเพิ่มรายได้ภาครัฐ แบบนี้เป็นการทำงานแบบนิว นอร์มอล ที่ถึงเวลาแล้วที่ต้องปรับเปลี่ยน ยืนยันว่ารัฐบาลคิดตลอดเวลาจะช่วยประชาชนอย่างไร
“เงินเราน้อยกว่าต่างประเทศ ดังนั้น เราต้องเห็นใจประเทศของเรา ตนพยายามจะใช้เงินประหยัดที่สุด จะได้ไม่เป็นภาระต่อไปในอนาคต แต่อะไรที่จำเป็นก็ต้องทำ ถ้าไม่ทำประชาชนเดือดร้อนทั้งประเทศจะทำอย่างไร” นายกฯกล่าว
ด้านน.ส.กาญจนา ตั้งปกรณ์ ผู้อำนวยการส่วนนโยบายภาษีสรรพากร สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.)แถลงหลังประชุม ศบศ.ว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้เพิ่มเงินลงไปให้ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14 ล้านคน อีกเดือนละ 500 บาท เป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคม-ธันวาคม 2563 คิดเป็นเงิน 2.1 หมื่นล้านบาท และอนุมัติรายละเอียดโครงการคนละครึ่ง 10 ล้านคน โดยภาครัฐจะให้สิทธิประโยชน์โดยอาศัยวิธีร่วมจ่าย 50% ไม่เกิน 100 บาทต่อคนต่อวัน หรือไม่เกิน 3,000 บาทต่อคน วงเงิน 3 หมื่นล้านบาท โดยทั้งหมดจะเสนอครม.เห็นชอบสัปดาห์หน้า
น.ส.กาญจนากล่าวต่อว่า สำหรับโครงการคนละครึ่ง เบื้องต้นจะเปิดลงทะเบียนวันที่ 16 ตุลาคม ผ่าน www.คนละครึ่ง.com ตั้งแต่เวลา 6 โมงเช้า ถึง 5 ทุ่ม เริ่มใช้จ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 23 ตุลาคม-31 ธันวาคม 2563 เน้นให้ประชาชนจับจ่ายใช้สอยสินค้าประเภทอาหาร เครื่องดื่ม และสินค้าทั่วไป ไม่ร่วมลอตเตอรี่ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ยาสูบ และการบริการ กำหนดเงื่อนไขให้ผู้ได้รับสิทธิต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทยที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปในวันที่ลงทะเบียนและมีบัตรประจำตัวประชาชน
ส่วนร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการ ได้แก่ ผู้ประกอบการร้านอาหาร เครื่องดื่ม ร้านค้าทั่วไป ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรายย่อยที่ไม่ใช่นิติบุคคล และไม่ใช่ร้านค้าสะดวกซื้อที่เป็นธุรกิจเฟรนไชส์ มีกลุ่มเป้าหมายร้านค้าประมาณ 100,000 ร้าน โดยร้านค้าลงทะเบียน ผ่าน www.คนละครึ่ง.com หรือแจ้งผ่านสาขาธนาคารกรุงไทย
น.ส.กาญจนากล่าวอีกว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบหลักการข้อเสนอการปรับปรุงหลักเกณฑ์การอนุญาตให้ถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร (Permanent resident permit) และแนวทางการปรับปรุงมาตรการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราวเป็นกรณีพิเศษ หรือสมาร์ทวีซ่า เพื่อดึงดูดกลุ่มผู้เชี่ยวชาญ นักลงทุน ผู้บริหาร และผู้ประกอบการวิสาหกิจ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี