อธิบดีกรมอุตุฯ ออกประกาศฉบับ 3 ชี้พายุ “โนอึล”ส่อรุนแรงเป็นไต้ฝุ่นถล่มไทย 18-20 ก.ย.นี้ เตือนฝนตกหนักหลายจังหวัดตั้งวอร์รูม รับมือส่วน ปภ.เตือน 60 จว.รับมือ ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมช่วย
เมื่อวันที่ 16 กันยายน น.อ.สมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เตือนภัยลักษณะอากาศ พายุระดับ3(โซนร้อน) ‘โนอึล’ (มีผลกระทบตั้งแต่วันที่18-20กันยายน 2563) ฉบับที่ 3 ระบุว่าหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงบริเวณประเทศฟิลิปปินส์ ทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุระดับ 2 (ดีเปรสชัน) มีความเร็วลมสูงสุด 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกด้วยความเร็วประมาณ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีแนวโน้มเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลาง และเข้าสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือของประเทศไทย ช่วงวันที่ 18-20 กันยายนนี้
เมื่อประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากกับมีลมแรงบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ โดยเริ่มมีผลกระทบในภาคตะวันออกเฉียงเหนือก่อน หลังจากนั้นภาคเหนือและภาคอื่นๆจะมีผลกระทบในระยะต่อไป ขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยดังกล่าว ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลากได้ และระวังอันตรายจากลมแรง โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่และสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง
สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-3 เมตร อ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ชาวเรือควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และงดการเดินเรือในช่วงที่มีฝนฟ้าคะนอง ช่วงวันที่ 17-20 กันยายนนี้
น.อ.สมศักดิ์ เผยว่าจากกรณีพายุ‘โนอึล’ซึ่งอยู่บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง มีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 13.1 องศาเหนือ ลองจิจูด 117.2 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลาง 65 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อยด้วยความเร็วประมาณ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุระดับ 5 หรือไต้ฝุ่นเพื่อความไม่ประมาทกรมอุตุฯ ได้ตั้งวอร์รูมรับมือ 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต้องเฝ้าระวังตั้งแต่วันเดียวกันนี้เป็นต้นไป
ขณะที่ นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กล่าวว่า ได้ติดตามสภาพอากาศและปัจจัยเสี่ยงเชิงพื้นที่กับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่าพายุ ‘โนอึล’ จะเคลื่อนเข้าประเทศไทย ช่วงวันที่ 18-20 กันยายนนี้ ส่งผลให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมาก กับมีลมแรงบางพื้นที่ อาจทำให้เกิดสถานการณ์อุทกภัย จึงประสานจังหวัด เฝ้าระวังสถานการณ์ภัย ดังนี้ พื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมขัง 60 จังหวัด ประกอบด้วย ภาคเหนือ 17 จังหวัด ได้แก่ จ. แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ พิจิตร กำแพงเพชร สุโขทัย ตาก นครสวรรค์ และอุทัยธานี
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด ได้แก่ จ.เลย หนองบัวลำภู อุดรธานี หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ มุกดาหาร ชัยภูมิ ร้อยเอ็ด ยโสธร อำนาจเจริญ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ภาคกลาง 9 จังหวัด ได้แก่ จ.กาญจนบุรี ราชบุรี สุพรรณบุรี ชัยนาท ลพบุรี สระบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และนครนายก ภาคตะวันออก 7 จังหวัด ได้แก่ จ.ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา สระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด และภาคใต้ 7 จังหวัด ได้แก่ จ.ชุมพร ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
ส่วนพื้นที่เฝ้าระวังสถานการณ์คลื่นลมแรง 10 จังหวัด ประกอบด้วย ภาคตะวันออก 4 จังหวัด ได้แก่ จ.ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด และภาคใต้ 6 จังหวัด ได้แก่ จ.ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
ทั้งนี้ ปภ.จะบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมพร้อมรับมือและแผนเผชิญเหตุ รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่ให้พร้อมปฏิบัติงาน บรรเทาภัย อำนวยความสะดวก และให้ความช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง
ด้าน นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมติดตามแนวโน้มสถานการณ์น้ำและแถลงข่าวการบริหารจัดการน้ำปี 2563/2564 ที่ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ กรมชลประทาน ว่าได้สั่งการให้กรมชลประทานพร้อมรับสถานการณ์น้ำจากพายุโซนร้อน‘โนอึล’โดยปฏิบัติตามแนวทางการบริหารจัดการน้ำหลากด้วยการกำหนดพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย กำหนดคนผู้รับผิดชอบในพื้นที่ต่างๆ วิเคราะห์ ติดตามสถานการณ์น้ำ รวมทั้งประสานงานกับหน่วยงานระดับท้องถิ่น เพื่อเข้าช่วยเหลือได้ทันท่วงทีทั้งนี้ ได้เน้นย้ำให้ติดตามสถานการณ์น้ำฝนน้ำท่าอย่างใกล้ชิด บริหารจัดการน้ำให้เป็นระบบ โดยต้องเก็บกักน้ำจากฝนช่วงปลายฤดูไว้ใช้ในฤดูแล้งที่จะมาถึง พร้อมกันนี้ ได้กำชับให้เร่งดำเนินการปรับปรุงศักยภาพการเก็บกักน้ำของแหล่งเก็บน้ำที่มีอยู่เดิม
ขณะที่นายทองเปลว กองจันทร์ อธิบดีกรมชลประทานกล่าวว่า ได้กำหนดเครื่องจักรเครื่องมือได้แก่ รถขุด รถแทรกเตอร์ เครื่องสูบน้ำ พร้อมใช้งานเข้าประจำจุดเสี่ยงทั่วประเทศ รวมทั้งกำชับเจ้าหน้าที่ให้คอยติดตามตรวจสอบสภาพความปลอดภัยเขื่อน อ่างเก็บน้ำ ประตูระบายน้ำ อาคารชลประทาน ให้มีสภาพพร้อมใช้งาน ตลอดจนกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ และบริหารจัดการน้ำในอ่างเก็บน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุม ควบคู่ไปกับการเก็บกักน้ำให้ได้มากที่สุด โดยไม่ให้กระทบต่อพื้นที่ด้านท้ายอ่างเก็บน้ำ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี