เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2563 ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษายกฟ้อง ในคดีที่ นายถวิล พึ่งมา อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ยื่นฟ้อง สจล.กับพวกรวม 6 คน กรณีขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่ง สจล.ที่ปลดตัวเองออกจากการเป็นพนักงาน สจล.และให้คืนสิทธิการดำรงตำแหน่งอธิการบดี หรือตำแหน่งเทียบเท่า รวมทั้งคืนสิทธิประโยชน์เกี่ยวกับราชการให้แก่ตน จากเหตุขณะดำรงตำแหน่งอธิการบดี สจล.ได้ให้อาจารย์ผู้สอนและผู้เกี่ยวข้องแก้ไขคะแนนผลการสอบและเกรดของ นายถิรกรณ์ พึ่งมา บุตรชาย จากเดิมที่ได้เกรด F เปลี่ยนเป็นเกรด C ซึ่งนายถวิล ได้มีการอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว แต่คณะกรรมการอุทธรณ์และร้องทุกข์ สจล.มีมติลงวันที่ 23 มี.ค.59 ให้ยกอุทธรณ์ของนายถวิล
ส่วนเหตุผลที่ศาลปกครองกลางยกฟ้อง ระบุว่า เหตุผลที่ศาลปกครองกลางยกฟ้องนั้น ในชั้นสอบสวนของคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างร้ายแรง ที่ สจล.มีคำสั่งตั้งขึ้น นายถวิล ให้ถ้อยคำว่าได้มีการโทรศัพท์ไปหาอาจารย์ที่สอนหนังสือ 3 รายวิชา แก่บุตรชาย คือ วิชา 01006001 ENGINEERING MATHEMATICS1 , วิชา 01006011 ENGINEERING MATERIALS และวิชา 01006012 COMPUTER PROGRAMMING เพื่อให้ช่วยสอนเสริมให้แก่บุตรชาย ไม่ได้ให้มีการแก้ไขเกรดอย่างที่มีการกล่าวหา ซึ่งอาจารย์ที่สอน 3 รายวิชาดังกล่าว ก็ให้การยืนยันในชั้นสอบหาข้อเท็จจริงว่าก่อนสั่งพิมพ์รายงานคะแนนฉบับสมบูรณ์ นายถวิล ครั้งยังดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้โทรศัพท์มาหาเพื่อให้ช่วยดูคะแนนให้บุตรชาย และอาจารย์ที่สอนทั้ง 3 รายวิชา ก็ได้มีการเพิ่มคะแนนให้กับบุตรชายของนายถวิล จนทำให้จากคะแนนเดิมที่อยู่ในเกณฑ์ได้คะแนน F ปรับขึ้นมาได้รับเกรด C โดยให้เหตุผลที่มีการเพิ่มคะแนนให้ว่าเนื่องจากเกรงใจนายถวิลที่เป็นผู้บังคับบัญชา เป็นอาจารย์ผู้ใหญ่ที่รับราชการอยู่ในสาขาวิศวกรรมโทรคมนาคม ซึ่งอาจารย์ที่สอนทั้ง 3 รายวิชา ล้วนเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของนายถวิล ไม่มีสาเหตุโกรธเคืองใดๆ กับนายถวิล จึงมีเหตุน่าเชื่อว่านายถวิลโทรศัพท์ไปหาเกี่ยวกับเกรดของบุตรชายไม่ใช่ให้ไปสอนพิเศษแก่บุตรชาย
พฤติการณ์การกระทำของนายถวิล ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแก้ไขเกรดบุตรชายใน 3 รายวิชา จึงเป็นการกระทำผิดวินัยอย่างไม่ร้ายแรงตามข้อ 6 วรรคสอง และข้อ 15 ของข้อบังคับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ว่าด้วยวินัยหลักเกณฑ์วิธีการเงื่อนไขการสอบสวน พิจารณาและการสั่งลงโทษทางวินัย 2552 และเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง ตามข้อ 18 (1) ของข้อบังคับฉบับเดียวกัน
ดังนั้น การที่อธิการบดี สจล.ผู้ถูกฟ้องที่ 2 ลงโทษปลดนายถวิล ออกจากการเป็นพนักงานสถาบันตามคำสั่ง สจล.ลับที่ 1856/2558 ลงวันที่ 5 พ.ย.58 จึงเป็นการใช้ดุลพินิจที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ส่วนที่คณะกรรมการอุทธรณ์และร้องทุกข์ สจล.มีมติยกอุทธรณ์ของนายถวิล เห็นว่าการพิจารณาอุทธรณ์ของคณะกรรมการอุทธรณ์ได้อาศัยข้อเท็จจริงข้อกฎหมายเช่นเดียวกับอธิการบดี สจล.เมื่อคำสั่งของอธิการบดี สจล.ที่สั่งลงโทษปลดนายถวิลออกจากการเป็นพนักงานสถาบันชอบแล้ว การที่คณะกรรมการอุทธรณ์มีมติยกอุทธรณ์จึงชอบด้วยกฎหมายเช่นกัน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี