คุณหญิงกัลยา โสภณพนิชรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ทุ่มสุดตัวกระตุ้นแนะนำให้ผู้บริหารด้านการศึกษา ต้องนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมหรือรวมอักษรย่อ ทั้ง 3 อย่างว่า STIมาใช้ประกอบกับ “สติ” ของแต่ละคนเพื่อใช้ในการจัดการพัฒนาการศึกษาไทยในยุคดิจิทัล โดยยึดประโยชน์ถึงการ “พึงได้” และ “พึงมี” ใน 4 ประการคือ 1.นักเรียนมีความสุข 2.ครูมีศักดิ์ศรี 3.ผู้ปกครองมีความสบายใจ 4.สังคมมีส่วนร่วม
คุณหญิงกัลยา โสภณพนิชรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้กล่าวถึง “Codingและการศึกษาเพื่อชีวิต” ซึ่งเป็นของใหม่ในยุคนี้ ว่า “ปัจจุบันแนวโน้มการจัดการศึกษาได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว และไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนไปในทิศทางใดบ้าง เมื่อนักเรียนจบไปแล้วจะยังเป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานอยู่หรือไม่ ศธ. จึงต้องนำวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (STI) ประกอบกับสติ มาใช้ในการจัดการศึกษาในยุคดิจิทัล ว่าจะทำอย่างไร ให้การศึกษามีความโดดเด่น สอดคล้องกับบริบทของแต่ละพื้นที่ ควบคู่ไปกับหลัก 4 มี สำหรับ “Coding และการศึกษาเพื่อชีวิต” เท่าที่ผ่านมาได้มีการบรรจุหลักสูตร Coding ไว้ในนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลปีแรกโดยให้จัดการสอน Unplug Codingสำหรับเด็กทุกชั้นปี เพื่อสร้างทักษะที่จำเป็นในศตวรรษที่ 21 และเมื่อถึงระดับที่สูงขึ้นก็สามารถต่อยอดไปเรียนภาษาคอมพิวเตอร์ตามความถนัด นอกจากนี้ได้มีการจัดอบรมครูออนไลน์ หลักสูตรการจัดการเรียนรู้วิทยาการคำนวณสำหรับครู Coding for Teacher (C4T) ภายใต้นโยบาย “การขับเคลื่อนการจัดการเรียนรู้โค้ดดิ้งในโรงเรียน” โดยมีครูเข้าร่วมอบรมกว่า 2 แสนคน และในระยะต่อไปจะดำเนินการจัดอบรมหลักสูตรการอบรมการจัดการเรียนรู้วิทยาการคำนวณสำหรับครู ขั้นสูง (Coding On line for Teacher Plus : C4T Plus) ขณะที่คณะกรรมการ Coding แห่งชาติ ก็ได้
พิจารณาต่อยอดหลักสูตร Coding ให้ครอบคลุมประชากรไทยทุกคน อาทิ Coding สำหรับผู้ตกงาน Coding ในการเกษตร เป็นต้น เพื่อเป็นการ UpskillReskill ให้สอดคล้องกับตลาดแรงงานยุคใหม่สามารถติดต่อสื่อสารกับคนทั้งโลกได้ตามแนวทาง Coding for all, All for coding
ทั้งนี้ คุณหญิงกัลยา โสภณพนิชได้กล่าวปิดท้ายไว้ว่า การจัดการศึกษาให้สำเร็จตามหลัก 4 มี นักเรียนทุกคนต้องได้เรียนสิ่งที่อยากเรียน ดังนั้นผู้อำนวยการ ครู มีหน้าที่สร้างบรรยากาศให้เอื้อต่อการเรียนสิ่งที่นักเรียนสนใจและครูจะทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงคอยประคับ ประคองให้เด็กเรียนสิ่งที่ชอบ ไม่ว่าจะยากแค่ไหนเด็กจะสามารถเรียนรู้ได้อย่างแน่นอน ขณะเดียวกันขอให้ดึงภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาด้วย ไม่ว่าจะเป็นหอการค้าจังหวัด สภาอุตสาหกรรมจังหวัด ผู้ประกอบการในจังหวัด ทั้งในด้านเงินทุน เครื่องจักร เทคโนโลยีบุคลากร องค์ความรู้ ตามความเหมาะสมหรืออาจจัดเป็นหลักสูตรทวิภาคี เพื่อให้เด็กมีทักษะตรงกับที่ภาคอุตสาหกรรมต้องการ และขอย้ำว่า การศึกษายุคใหม่เด็กเรียนจบแล้วต้องมีงานทำ ทำงานเป็น สามารถนำองค์ความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน ช่วยเหลือครอบครัวและสังคมต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี