เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2563 นายโสภณ กมล อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากที่ตนได้เข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2561 และพึ่งเกษียณอายุฯ วันที่ 30 กันยายน ที่ผ่านมา ตนพบปัญหาที่เกิดขึ้นในโรงเรียนมากมาย จึงขอออกมาอธิบายถึงปัญหา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่คณะกรรมการสถานศึกษาฯ ที่ต้องการอยู่ในตำแหน่งต่อ ทั้งที่หมดวาระไปเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2563 ซึ่งทางโรงเรียนก็ได้ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการสถานศึกษาฯ ชุดใหม่ขึ้นมา แต่คณะกรรมการฯชุดเก่ากลับไม่ยอมรับ จึงไปร้องเรียนเรื่องการตั้งคณะกรรมการสถานศึกษาฯอาจไม่ถูกต้องกับหน่วยงานต่างๆ
นายโสภณ ยังระบุว่า พบการทุจริตการรับนักเรียน จากที่กฎหมายกำหนดให้คณะกรรมการสถานศึกษาฯ มีหน้าที่ให้ความเห็นชอบการเปิดห้องเรียนพิเศษ ลดหรือเพิ่มจำนวนนักเรียนในเขตพื้นที่บริการ เป็นต้น แต่การรับนักเรียนจะเป็นหน้าที่ของโรงเรียนและคณะกรรมการรับนักเรียน ที่ต้องดำเนินการตามระเบียบ ที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.)กำหนดเท่านั้น แต่ที่ผ่านมาพบคณะกรรมการสถานศึกษาฯ เรียกประชุมเรื่องการรับนักเรียนบ่อยมาก ซึ่งอาจจะหาช่องทางในการรับนักเรียนเงื่อนไขพิเศษเข้ามาหรือไม่
นอกจากนี้ ยังอ้างว่า ผลประโยชน์จากการรับนักเรียนในแต่ละปีไม่ต่ำกว่าร้อยล้านบาท และช่วงปี 2559-2561 ก่อนที่ตนจะมารับตำแหน่งนั้น พบว่าโรงเรียนไม่มีรายงานการรับนักเรียน และหลังจากที่ผมเข้ามารับตำแหน่งผอ.ก็ได้จัดทำรายงานการรับนักเรียน ปีการศึกษา 2562 ขึ้นมาอย่างถูกต้อง สามารถตรวจสอบได้เพราะได้ให้รายงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) และ สพฐ.รับทราบเรียบร้อย เมื่อการรับนักเรียนดำเนินการอย่างถูกต้อง จึงเกิดความตึงเครียดขึ้นในโรงเรียน เพราะคนที่เคยฝากนักเรียนก็ไม่สามารถฝากเด็กได้
"เงินที่ได้รับจากการฝากนักเรียนปีละที่มีค่ามากกว่าร้อยล้านก็หายไป ทั้งนี้ จากที่ผมเข้ามารับตำแหน่งจะพบผู้ปกครองส่งจดหมายระบุว่า ยินดีจะบริจาคเงินบำรุงการศึกษาให้โรงเรียน 1 ล้านบาท เพื่อแลกกับการรับบุตรหลานเข้าเรียน เป็นต้น" นายโสภณ กล่าว
นายโสภณ กล่าวอีกว่า ในช่วงการรับนักเรียน ปีการศึกษา 2563 ตนถูกร้องเรียนเรื่องความไม่โปร่งใส เรื่องการจัดซื้อจัดจ้าง ไม่ว่าจะเป็นที่ สำนักนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการ ศธ. สพฐ. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ป.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เป็นต้น เพื่อสร้างความปั่นป่วนและต้องการให้ตนถูกย้าย และบุคคลเหล่านี้จะได้เข้ามามีส่วนในการรับนักเรียน แต่ตนพร้อมชี้แจงให้ตรวจสอบทุกอย่าง เพราะมีหลักฐานว่าทุกอย่างที่ตนทำนั้นถูกระเบียบและถูกกฎหมาย
"จากที่มีข่าวทุจริตการรับนักเรียนในช่วงก่อนที่ผมจะเข้ามารับตำแหน่ง ผอ.นั้น ก็มีหน่วยงานต่างๆเข้ามาตรวจสอบ ซึ่งทาง ปปง.ตรวจพบบัญชีบุคคลต่าง ๆที่เกี่ยวข้อง พบว่า นาย ก.(นามสมมุติ) มีเงินเข้าออกจำนวนมากในแต่ละปี มีเงินสดมากกว่า 100 ล้านบาท และมีทรัพย์สินมากกว่า 400 ล้านบาท ซึ่ง นาย ก ได้นำเงินไปจัดซื้อรถหรู จำนวน 24 คัน และทั้งหมดถูกนำไปใช้งานในที่ ศธ.และพบ นาง ง. (นามสมมุติ) ซึ่งถึงเป็นบุคคลภายนอก มีหน้าที่ในการรับเด็ก มีเงินหมุนเวียนในบัญชี กว่า 60-70 ล้านบาท และนาง ง.ได้นำเงินเข้าสู่บัญชีของบุคคลากรในโรงเรียนอีกด้วย" นายโสภณ กล่าว
นายโสภณ กล่าวต่อว่า เมื่อ ปปง.และ ป.ป.ช.ตรวจสอบพบบัญชีต่างๆ พบบัญชีโรงเรียน 2 - 3 บัญชีที่มีครูและบุคลากร จำนวน 2 คน ทำการเบิกถอนไปใช้ส่วนตัวโดยไม่รายงาน ผอ. ซึ่งพบว่า ทำการถอนเงินหลักล้านบาท และพบบัญชีหนังสือมีผู้เกี่ยวข้องมากกว่า 3 คน ไปเบิกถอนเงินใช้ส่วนตัวและต้องถูกตรวจสอบเรื่องนี้ซึ่งการกระทำเหล่านี้ถือเป็นการยักยอกทรัพย์ และการย้ายบุคคลเหล่านี้เพื่อป้องกันการทำลายหลักฐาน
"ผมจึงมอบหมายให้รักษาการผู้อำนวยการโรงเรียนเตรียมฯ ไปแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง พร้อมกับส่งสำเนาการแจ้งความให้ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา(สพท.)เพื่อให้ สพท.ตั้งคณะกรรมการสอบสวน เพื่อสอบวินัยร้ายแรงบุคคลเหล่านี้ และรายงานเรื่องนี้ให้ สพฐ.รับทราบต่อไป"นายโสภณ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี