นายกฯกำชับคุมเข้ม
ป้องกันลักลอบนำเข้า
น้ำมันปาล์มจากตปท.
เดินหน้าผลักดันราคา
นายกฯสั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ป้องกันการลักลอบนำน้ำมันปาล์มเข้ามาจากต่างประเทศ ผ่านด่านชายแดน หวั่นกระทบผลผลิต-รายได้เกษตรกร ย้ำรัฐบาลผนึกกำลังดันราคาให้ขยับสูงขึ้น เพื่อการพัฒนาระยะยาวและยั่งยืน
เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากที่ระดับราคาปาล์มน้ำมันตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมาขยับตัวสูงขึ้น สูงกว่าราคาที่รัฐบาลประกันรายได้ที่กิโลกรัมละ 4 บาท ปัจจัยสำคัญมาจากการดำเนินการของภาครัฐที่ออกมาตรการดูดซับน้ำมันปาล์มดิบล้นตลาด ได้แก่ กำหนดให้น้ำมันไบโอดีเซล B 10 เป็นน้ำมันมาตรฐาน แทน B7 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมที่ผ่านมา คาดว่าจะช่วยดูดซับปริมาณน้ำมันปาล์มดิบได้ประมาณปีละ 2.2 ล้านตัน และส่งเสริม B20 ให้เป็นพลังงานทางเลือก รวมถึงให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) รับซื้อน้ำมันปาล์มดิบ 3.6 แสนตัน ซึ่งดำเนินการครบแล้ว ผลักดันการส่งออกน้ำมันปาล์มส่วนเกิน 3 แสนตัน ภายในปี 2564 และ เดินหน้าติดตั้งมิเตอร์วัดปริมาณน้ำมันปาล์มดิบของโรงงาน เพื่อทราบปริมาณน้ำมันที่มีอยู่จริง ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญต่อการบริหารสต็อกให้มีเสถียรภาพ
น.ส.รัชดา กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการป้องกันการลักลอบนำเข้าน้ำมันปาล์มเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่รัฐบาลให้ความสำคัญ เพราะเป็นปัจจัยที่จะทำให้ราคาพืชผลเกษตรลดลง และชาวสวนปาล์มกังวลอยู่ ทั้งนี้ รัฐบาลได้มีมาตรการป้องกันไว้คือ กำหนดด่านเฉพาะ 3 ด่าน ที่อนุญาตให้นำเข้าสินค้าน้ำมันปาล์ม ได้แก่ ด่านศุลกากรมาบตาพุด สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ และสำนักงานศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง สำหรับการนำผ่านสินค้าน้ำมันปาล์มไปยังประเทศอื่น อนุญาตให้มีด่านต้นทางเพียงแห่งเดียว คือ สำนักงานศุลกากรท่าเรือกรุงเทพ มีด่านปลายทาง 3 แห่ง ได้แก่ ด่านศุลกากรจันทบุรี ด่านศุลกากรหนองคาย และ ด่านศุลกากรแม่สอด ไม่เพียงเท่านั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรียังสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กวดขันเรื่องการตรวจสอบการนำเข้าสินค้าตามด่านสินค้าชายแดน มีหน่วยงานหลัก อาทิ กรมการค้าภายใน กรมศุลกากร สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ประสานการทำงานอย่างเต็มที่เพื่อสกัดกั้นมิให้มีการลักลอบนำเข้าสินค้าและผลิตผลทางการเกษตร ไม่ว่าจะผ่านทางด่านหรือช่องทางตามธรรมชาติ
น.ส.รัชดากล่าวอีกว่า ระยะยาว รัฐบาลกำหนดยุทธศาสตร์ที่ให้ความสำคัญกับการเพิ่มผลผลิตโดยไม่ขยายพื้นที่ปลูก การเพิ่มเปอร์เซ็นต์น้ำมันให้ไม่ต่ำกว่า 18% การเพิ่มนวัตกรรมการผลิตและแปรรูปปาล์มน้ำมัน โดยเฉพาะเพิ่มมูลค่าในอุตสาหกรรมโอลิโอเคมิคอล ซึ่งเน้นใช้ปาล์มน้ำมันเป็นวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น การผลิตเครื่องสำอาง เคมีภัณฑ์ กลีเซอรีน สบู่ น้ำยาซักล้าง
“ขอให้ประชาชนมั่นใจว่า รัฐบาลมีมาตรการดูแลเกษตรกรชาวสวนปาล์มทั้งระยะสั้นและระยะยาวครบทั้งระบบ เพียงแต่หลายเรื่องต้องใช้เวลากว่าจะเห็นผลลัพธ์ตามที่ตั้งเป้าไว้ ส่วนการดูแลเรื่องผลกระทบจากการผันผวนของราคาปาล์ม รัฐบาลต่ออายุโครงการประกันรายได้ผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน จากสิ้นสุดเดือนกันยายนเป็นสิ้นสุดเดือนธันวาคม ซึ่งโครงการฯในรอบปี 62/63 อนุมัติกรอบวงเงินไว้ 13,000 ล้านบาท แต่จ่ายชดเชยส่วนต่างราคาตลาดกับราคาประกันเพียง ประมาณ 6,000 ล้านบาท เนื่องจากราคาปาล์มอยู่ในเกณฑ์ดี และเมื่อสิ้นสุดเดือนธันวาคม รัฐบาลจะพิจารณาเรื่องโครงการการประกันรายได้ต่อไป”น.ส.รัชดา กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี