เตือนพายุนังกา
ทำฝนตกถล่มไทยซ้ำอีกรอบ
ปภ.เร่งช่วย14จว.จมบาดาล
อุตุชี้พายุโซนร้อน “นังกา” เคลื่อนผ่านเกาะไหหลำ ส่งผลให้ภาคอีสานฝนหนักส่วนกรุงเทพฯ ก็ไม่น้อยหน้า ฝนตกฟ้าฉ่ำทั้งวัน อุณหภูมิลดลงอีก ด้านกระทรวงกลาโหมสั่งเตรียมพร้อมและแจ้งเตือนประชาชน รับมือกับฝนตกหนักต่อเนื่อง ขณะที่ ปภ.เผย14 จังหวัด ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลัน-น้ำไหลหลาก-ดินสไลด์-วาตภัย พบมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ 7 จังหวัด
เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24ชั่วโมงข้างหน้า ว่า ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคใต้ตอนบน และภาคตะวันออก เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาวตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ยังคงมีกำลังแรง ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคใต้ ขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนักและฝนที่ตกสะสมไว้ด้วย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ขอให้ชาวเรือในบริเวณดังกล่าวควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และควรงดการเดินเรือในระยะนี้
อนึ่ง พายุระดับ 3 (พายุโซนร้อน) นังกา บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนกำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำเข้าสู่บริเวณประเทศเวียดนามตอนบนในช่วงวันที่ 14-15 ตุลาคม โดยจะมีผลกระทบต่อภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเพิ่มขึ้น
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล : เมฆมากกับมีฝน ร้อยละ 30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
ด้าน พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม(กห.) เปิดเผยว่า ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กห. ได้ประสานศูนย์บรรเทาสาธารณภัยทุกเหล่าทัพ ให้เฝ้าระวังและแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ เตรียมรับมือกับพายุดีเปรสชั่น ที่คาดว่าจะทวีความรุนแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน ระหว่าง 14-16 ตุลาคม ซึ่งจะมีผลให้ฝนตกหนักเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะภาคอีสานตอนบน ภาคตะวันออก ภาคกลางและภาคใต้ โดยขอให้หน่วยทหารในพื้นที่ ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์ในพื้นที่ ที่อาจมีมวลน้ำสะสม เกิดน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลัน
ทั้งนี้ ขอให้เตรียมพื้นที่ปลอดภัยจัดตั้งจุดอพยพและเตรียมการช่วยเหลือขนย้ายประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยงไปยังพื้นที่ปลอดภัยให้ทันกับเหตุการณ์ พร้อมทั้งให้จัดชุดเคลื่อนที่เร็วให้การช่วยเหลือเร่งด่วนกับประชาชนในพื้นที่วิกฤตอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง
ขณะที่ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานจากอิทธิพลพายุระดับ 2 (ดีเปรสชัน) ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม–ปัจจุบัน (13 ตุลาคม เวลา 06.00 น.) มีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก ดินสไลด์ และวาตภัย 14 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา สระแก้ว ฉะเชิงเทรา จันทบุรี ชลบุรี ระยอง กาญจนบุรี ชัยนาท ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ พังงา ภูเก็ต และตรัง รวม 45 อำเภอ 102 ตำบล 304 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 9,465 ครัวเรือน ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วมขังในพื้นที่ 7 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา น้ำไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่ 12 อำเภอ ได้แก่ อำเภอปากช่อง อำเภอวังน้ำเขียว อำเภอเมืองนครราชสีมา อำเภอปักธงชัย อำเภอโนนสูง อำเภอชุมพวง อำเภอห้วยแถลง อำเภอลำทะเมนชัย อำเภอพิมาย อำเภอจักราช อำเภอโนนไทย และอำเภอโชคชัย รวม 35 ตำบล 94 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 7,525 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรคาดว่าจะได้รับผลกระทบ 6,782 ไร่ ปัจจุบันมีน้ำท่วมขังในพื้นที่อำเภอปักธงชัย อำเภอเมืองนครราชสีมา อำเภอโนนสูง อำเภอโนนไทย และอำเภอโชคชัย ระดับน้ำลดลง
สระแก้ว น้ำไหลหลากเข้าท่วมในพื้นที่ 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอวังน้ำเย็น อำเภอวังสมบูรณ์ และอำเภอคลองหาด รวม 7 ตำบล 34 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 250 ครัวเรือน ปัจจุบันมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ตำบลตาหลังใน อำเภอวังน้ำเย็น ระดับน้ำลดลง ราชบุรี น้ำไหลหลากในพื้นที่ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอสวนผึ้ง อำเภอจอมบึง อำเภอปากท่อ และอำเภอบ้านคา รวม 11 ตำบล 78 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 982 ครัวเรือน ปัจจุบันมีน้ำท่วมขังในพื้นที่อำเภอสวนผึ้งและอำเภอจอมบึง ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำทางการเกษตร ระดับน้ำลดลง กาญจนบุรี น้ำไหลหลากในพื้นที่ 2 อำเภอ ได้แก่ อำเภอด่านมะขามเตี้ย และอำเภอท่ามะกา รวม 4 ตำบล 12หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 291 ครัวเรือน ปัจจุบันมีน้ำท่วมขังในพื้นที่อำเภอด่านมะขามเตี้ย ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำทางการเกษตร ระดับน้ำลดลง
เพชรบุรี น้ำไหลหลากในพื้นที่ 6 อำเภอ ได้แก่ อำเภอชะอำ อำเภอหนองหญ้าปล้อง อำเภอแก่งกระจาน อำเภอท่ายาง อำเภอเมืองเพชรบุรี และอำเภอบ้านแหลม รวม 12 ตำบล 27 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 238 ครัวเรือน ปัจจุบันมีน้ำท่วมขังในพื้นที่ตำบลท่าไม้รวก อำเภอท่ายาง ระดับน้ำลดลง
พังงา น้ำไหลหลากในพื้นที่ตำบลบางไทร อำเภอตะกั่วป่า รวม 2 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 23 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำลดลงและตรัง น้ำไหลหลากพื้นที่ 3อำเภอ ได้แก่ อ.เมืองตรัง สิเกาและอ.วังวิเศษ รวม 4 ตำบล 5 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 35 ครัวเรือน ปัจจุบันระดับน้ำเริ่มลดลง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี