โคราชจมบาดาล
ฝนถล่มข้ามคืนหนักสุดรอบ10ปี
อุตุเตือน51จว.รับมือ‘ดีเปรสชั่น’
กรมอุตุนิยมวิทยา เตือน 51 จังหวัด รวมทั้งกทม.และปริมณฑล รับมือฝนตกหนักถึง 18 ตุลาคม จากอิทธิพล “ดีเปรสชั่น” ปภ.ประสาน 49 จังหวัด ระวังน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก ดินสไลด์ ยังมีน้ำท่วมขัง7 จว. ส่วน “โคราช” อ่วมน้ำท่วมหนัก หลังฝนตกหนักตลอดคืน วัดได้ 141 มม.หนักสุดรอบ 10 ปี เตือนท้ายเขื่อนลำพระเพลิง รับมือน้ำล้นไหลบ่าท่วม
เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม น.ส.กรรวี สิทธิชีวภาค รองอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา รักษาราชการแทน อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา พายุดีเปรสชัน(ระดับ2) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง (มีผลกระทบวันที่ 16-18ต.ค.2563) ฉบับที่4 ระบุว่า เวลา 04.00น.วันที่ 16ตุลาคม พายุดีเปรสชัน (ระดับ 2) บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกด้วยความเร็วประมาณ 18กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศเวียดนามตอนกลางในช่วงวันที่ 17-18ตุลาคม จะทำให้ภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางและภาคตะวันออก มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง กับมีลมแรง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้
จังหวัดที่คาดว่าจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง มีดังนี้ วันที่ 16-17ตุลาคม ภาคเหนือ จ.กำแพงเพชร สุโขทัย อุตรดิตถ์ พิษณุโลก พิจิตร เพชรบูรณ์และจ.ตาก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: จ.ชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ยโสธร มุกดาหาร นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานีและจ.อำนาจเจริญ ภาคกลาง จ.นครสวรรค์ อุทัยธานี ชัยนาท ลพบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง สระบุรี พระนครศรีอยุธยา ราชบุรีและจ.นครปฐม รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก จ.นครนายก ปราจีนบุรี ฉะเชิงเทรา สระแก้ว ชลบุรี ระยอง จันทบุรีและจ.ตราด ภาคใต้ จ.เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรังและจ.สตูล
ในวันที่ 18 ตุลาคม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.ชัยภูมิ ขอนแก่น นครราชสีมาและบุรีรัมย์ ภาคกลาง: จังหวัดกาญจนบุรี ราชบุรีและจ.นครปฐม ภาคตะวันออก จ.ชลบุรี ระยอง จันทบุรีและจ.ตราด ภาคใต้ จ.ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่และจ.ตรัง
อนึ่ง ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคกลาง ภาคใต้ตอนบนและภาคตะวันออกเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศกัมพูชา ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยยังคงมีกำลังแรง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันมีคลื่นสูง 2-3เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3เมตร ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งภาคใต้ฝั่งตะวันออกและภาคตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งไว้ด้วย ส่วนชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและเรือเล็กควรงดการเดินเรือในระยะนี้ จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือสายด่วนพยากรณ์อากาศ1182 ได้ตลอด24ชั่วโมง
ด้าน นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในฐานะผู้อำนวยการกลาง กล่าวว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้ติดตามสภาพอากาศ ปัจจัยเสี่ยงเชิงพื้นที่ และปริมาณฝนสะสมกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า พายุดีเปรสชัน (ระดับ 2) กำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนืออย่างช้า ๆ คาดว่าจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน (ระดับ 3) และมีแนวโน้มจะเคลื่อนขึ้นฝั่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามตอนกลางในช่วงวันที่ 17-18ตุลาคม2563 ประกอบกับร่องมรสุมกำลังแรงที่พาดผ่านภาคกลาง ภาคใต้ตอนบนและมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยยังคงมีกำลังแรง ทำให้บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่กับมีลมแรง
กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ปภ.จึงประสาน 49จังหวัดเตรียมพร้อมรับมือน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และน้ำท่วมขัง ช่วงวันที่ 16-19ตุลาคม2563 ดังนี้ ภาคเหนือ 2จังหวัด ได้แก่ นครสวรรค์และอุทัยธานี
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 13จังหวัด ได้แก่ ชัยภูมิ ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ยโสธร มุกดาหาร นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี และอำนาจเจริญ ภาคกลางและภาคตะวันออก 25 จังหวัด ได้แก่ ชัยนาท ลพบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง สระบุรี พระนครศรีอยุธยา ราชบุรี นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรปราการ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสงคราม นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ภาคใต้ 9 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล
รวมถึงสั่งการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัยเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยในช่วงดังกล่าว โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน พร้อมวิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงและแนวโน้มสถานการณ์ภัยต่อเนื่องตลอด 24ชั่วโมง โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำ พื้นที่ชุมชนเมือง พื้นที่ริมแม่น้ำลำคลอง และที่ลาดเชิงเขา ที่อาจได้รับผลกระทบ ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยติดตามพยากรณ์อากาศ และสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด
นอกจากนี้ ปภ.ยังรายงานสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก ดินสไลด์และวาตภัย ในพื้นที่ 20 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา ศรีสะเกษ สระแก้ว ฉะเชิงเทรา จันทบุรี ชลบุรี ระยอง กาญจนบุรี ชัยนาท ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี พังงา กระบี่ ภูเก็ต ตรัง สตูล และสงขลา รวม 69 อำเภอ 189 ตำบล 659 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 16,936ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 1 ราย (จันทบุรี) ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วมขังในพื้นที่ 7จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา สระแก้ว ฉะเชิงเทรา สุราษฎร์ธานี ตรัง สตูล และนครศรีธรรมราช ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยทหาร จังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขัง รวมถึงสำรวจความเสียหายครอบคลุมทุกด้าน เพื่อให้การช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ
ที่ จ.นครราชสีมา ช่วงเช้าวันที่ 16ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีน้ำท่วมขังหลายพื้นที่ของเขตเทศบาลนครนครราชสี หลังฝนตกหนักตลอดคืน โดยสถานีอุตุนิยมวิทยานครราชสีมาวัดปริมาณน้ำฝนสะสมถึง 141มิลลิเมตร ส่งผลให้การสัญจรแต่ละเส้นทางไม่สะดวก เพราะมีน้ำขัง 30ซม.เช่น ถนนราชดำเนิน บริเวณหน้าทางเข้าค่ายสุรนารี ระดับน้ำประมาณ 30-40 เซนติเมตร เป็นระยะทางยาว 100 เมตร การสัญจรรถเล็กผ่านไม่ได้ และรถยนต์เครื่องดับไปหลายคัน ขณะที่ชุมชนเบญจรงค์และชุมชนท้าวสุระยังมีน้ำรอการระบาย ส่วนซอยท้าวสุระ25 ต้องเผชิญน้ำท่วมเป็นรอบที่ 6 เดือดร้อนกว่า 50 หลังคาเรือน บางจุดน้ำสูงมาก บางครัวเรือนย้ายครอบครัวไปเช่าอพาร์ทเมนท์ชั่วคราวในตัวเมืองหรือตามบ้านญาติ อย่างไรก็ตาม หากไม่มีฝนตกเพิ่มคาดว่าอีก 1-2วัน ทุกพื้นที่จะคืนสู่สภาพปกติ ซึ่งเป็นภัยที่รุนแรงที่สุดในรอบ 10ปี
นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า จากอิทธิพลของพายุนังกาทำให้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่ จ.นครราชสีมา ส่งผลให้อ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง มีปริมาณน้ำเต็มอ่างฯ อยู่ในระดับเก็บกัก 155ล้าน ลบ.ม. (100 % ของความจุอ่างฯ) มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างฯ รวมประมาณ 10ล้าน ลบ.ม.และยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้น โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำพระเพลิง ได้ทำการระบายน้ำผ่านคลองธรรมชาติ และทางระบายน้ำล้นฉุกเฉิน (Spillway ) ประมาณ 3ล้าน ลบ.ม.พร้อมแจ้งเตือนพื้นที่ด้านอ่างฯแล้ว ขอให้ประชาชนที่อาศ้ยอยู่บริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำ ริมตลิ่ง ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ ยังได้ประสานหน่วยงานท้องถิ่นเพื่อแจ้งเตือนให้ประชาชน ห้างร้าน ที่อยู่ริมตลิ่งให้ขนของขึ้นที่สูง เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นซึ่งประชาชนหรือหน่วยงานหากต้องการความช่วยเหลือสามารถประสานโครงการชลประทานใกล้บ้าน หรือโทรสายด่วย กรมชลประทาน1460 ได้ตลอดเวลา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี