ศาลรธน.นัดพิจารณาคลิปเสียงหลุด1ก.ค.

เขย่าขวัญ‘อุ๊งอิ๊งค์’

ลุ้น!ศาลรับ-ไม่รับพิจารณา

สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่

เจ้าตัวยอมรับมีความกังวล

‘แม้ว’ขึ้นศาลอาญาคดีม.112

จับตา“อิ๊งค์”จะอยู่หรือไป หลังศาลรัฐธรรมนูญนัดประชุมพิจารณาจะรับหรือไม่รับคำร้องสว.ยื่นถอดถอนนายกฯปมคลิปเสียงหลุดสนทนากับ“ฮุนเซน”ด้านทนายเผย“แม้ว”ไปศาลอาญาเอง 1 กรกฎาคมนี้ สืบพยานโจทก์นัดแรกคดีม.112-พ.ร.บ.คอมพ์ “ภูมิธรรม” ขออย่าจินตนาการนายกฯควบรมว.วัฒนธรรม กันถูกศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่‘วิสุทธิ์’มั่นใจมีมาตรการรองรับ หากถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ขออย่าจินตนาการ คะแนนนิยม’อิ๊ง’ตก เชื่อโพลตีกลับถ้าแก้ปัญหาปากท้องได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 1กรกฎาคม2568 มีการนัดประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ต้องจับตาดูว่า จะพิจารณารับคำร้องถอดถอน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ออกจากตำแหน่ง จากกรณีสมาชิกวุฒิสภา (สว.) จำนวน 36 คน รวบรวมรายชื่อยื่นให้ศาลพิจารณาคำร้องดังกล่าว อ้างอิงรัฐธรรมนูญมาตรา170 วรรค3 ประกอบมาตรา 82 ระบุว่า น.ส.แพทองธาร กระทำการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีคลิปเสียงสนทนากับ สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ที่อาจเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเข้าข่ายความผิดตามรัฐธรรมนูญมาตรา170วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา160 (4) และ (5) หรือไม่ วันที่1ก.ค.ถือเป็นวันสำคัญของการเมืองที่อาจเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

‘อิ๊งค์’ลุ้นศาลรับ-ไม่รับปมคลิปเสียง

ทั้งนี้ ในคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัย 3ประเด็น ประกอบด้วย 1.ความเป็นนายกรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา170วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ 2.ขอศาลรัฐธรรมนูญโปรดมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา82 วรรคสอง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 71 ประกอบข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2562 ข้อ40 (8) 3.รับทราบหรืออนุญาตให้คณะสมาชิกวุฒิสภา ผู้ร้องรวมจำนวน 36 คน มอบให้ พลเอกสวัสดิ์ ทัศนา สว.เป็นผู้มีอำนาจยื่นคำร้องเพิ่มเติมขอแก้ไขเพิ่มเติมคำร้องหรือคำร้องเพิ่มเติม ยื่นบัญชีระบุพยานต่าง ๆ ยื่นคำร้องคำแถลงการณ์เปิดและปิดคดี คำแถลงคำชี้แจงให้การให้ถ้อยคำหรือให้ถ้อยคำยืนยันข้อเท็จจริงหรือความเห็นและเบิกความต่อศาล ดำเนินกระบวนพิจารณา หรือดำเนินการใด ๆ ทั้งปวง ในคดีนี้ต่อประธานวุฒิสภาและศาลรัฐธรรมนูญแทนคณะสมาชิกวุฒิสภาทุกคนจนเสร็จการ

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ความคืบหน้าการปรับ ครม.ที่มีกระแสข่าวว่านายกฯจะนั่งควบ รมว.วัฒนธรรม ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ว่า ค่ะ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการ แต่ที่จะดูวัฒนธรรมด้วย เพราะเป็นเรื่องของซอฟต์พาวเวอร์ อยากให้รู้ว่าจริงๆแล้วกระทรวงวัฒนธรรมไม่ใช่กระทรวงที่เป็นเกรดบี เกรดซี หรือเกรดอะไรก็ตาม แต่เป็นกระทรวงที่สำคัญมากๆ ที่สามารถแนะนำวัฒนธรรมของไทยได้จริงๆและส่งออกซอฟต์พาวเวอร์ของเราได้จริง เมื่อถามว่า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกังวลเรื่องที่มีผู้ร้องศาลรัฐธรรมนูญปมคลิปเสียงสนทนากับ ฮุน เซน หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่เกี่ยว เป็นอะไรที่ต้องไปเน้นเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ไปด้วย ก็ถือว่าค่ะ ควบวัฒนธรรมด้วย

ยอมรับกังวลศาลนัดถกคลิปเสียง

น.ส.แพทองธาร ยังให้สัมภาษณ์กรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดประชุมพิจารณาคดีวันที่1ก.ค.แล้วมีการคาดการว่า อาจมีการพิจารณาคดีที่ สว.ร้องปมคลิปเสียงสนทนากับ สมเด็จฮุนเซน มีการประเมินว่า หากผลเป็นลบรัฐบาลจะเดินหน้าต่ออย่างไรหรือไม่ ว่า ก็ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการ ถามว่า กังวลหรือไม่ก็มีความกังวล เมื่อถามว่า เตรียมความพร้อมไว้อย่างไรบ้าง น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เราก็พยายามทำ และเน้นเรื่องกระบวนการทำงาน ไม่อยากให้มันสะดุด เพราะอย่างที่สื่อถามวันนี้มีเรื่องกำแพงภาษี รวมถึงมีอีกหลายอย่างที่ต้องเจรจากับต่างประเทศเยอะ เพราะฉะนั้นก็ไม่อยากสะดุด อยากทำให้มันดี

‘อิ๊งค์’เลื่อนถกครม.เร็วขึ้น1ชม.

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้แจ้งเลื่อนเวลาการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 1 ก.ค. เร็วขึ้นเป็นเวลา 09.00 น. จากเดิมประชุมเวลา 10.00 น. โดยมีรายงานว่า เนื่องจากน.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องการให้ ครม.ได้ร่วมรับฟังผลพร้อมกัน ในการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญที่นัดประชุมพิจารณาคดีประจำสัปดาห์ ในวันที่ 1 ก.ค. ที่มีการคาดการณ์ว่าจะมีการพิจารณาคดีที่ สว.ร้องปมคลิปเสียงนายกฯพูดคุยกับ สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สำหรับภารกิจของนายกฯในเดือนก.ค.นั้น ได้มีการวางงานไว้ตลอดทั้งเดือนตามปกติ

‘แม้ว’ไปเองสืบพยานนัดแรก1ก.ค.

ด้านนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯเปิดเผยว่า วันที่ 1กรกฎาคม 2568 เวลา 09.00น.นายทักษิณ จะเดินทางไปศาลอาญาด้วยตนเอง ตามนัดตรวจพยานหลักฐาน คดีที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายทักษิณ เป็นจำเลย ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112และพรบ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 กรณีเมื่อปี2558 นายทักษิณ ให้สัมภาษณ์สื่อเกาหลีใต้โดยมีเนื้อหาพาดพิงสถาบัน สำหรับการสืบพยานมีทั้งหมด 7นัด โดยฝ่ายโจทก์นัดวันที่1,2 และ3กรกฎาคม2568 นัดสืบพยานฝ่ายจำเลยวันที่15, 16, 22และ23กรกฎาคม2568 หลังจากนั้นศาลจะจัดทำคำพิพากษาต่อไป

‘อ้วน’ขออย่าจินตนาการควบ‘วธ.’

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงผลสำรวจนิด้าโพล ที่ลำดับความนิยมของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตกไปอยู่อันดับที่5 ว่า เราทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ผลโพลมันขึ้นๆลงๆตามช่วงเวลา ที่สุดแล้วประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินในวันที่มีการเลือกตั้ง วันนี้รัฐบาลยังเดินหน้าทำเต็มที่ สิ่งที่มีใครพยายามขัดขวาง สร้างเงื่อนไข พยายามทำเพื่อประโยชน์ส่วนตน ประชาชนจะค่อยๆ พิจารณาและรับรู้ เมื่อถามถึงกระแสข่าว น.ส.แพทองธาร จะควบ รมว.วัฒนธรรม เพื่อรองรับกรณีศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยังไม่โปรดเกล้าฯ รู้ได้อย่างไรว่าจะไปอยู่กระทรวงวัฒนธรรมหรือไม่ เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่า อาจเป็นลักษณะเดียวกับสมัย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ถูกหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ แต่ยังทำหน้าที่ รมว.กลาโหม ได้ นายภูมิธรรม กล่าวว่า อย่าไปจินตนาการ รอให้โปรดเกล้าฯลงมา แล้วมาวิพากษ์วิจารณ์กัน

‘วิสุทธิ์’มั่นใจพท.มีมาตรการรองรับ

นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ฐานะประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญจะมีการพิจารณาคำร้องของ 36 ส.ว.กรณีจริยธรรมของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า คงมีมาตรการเตรียมตัวอยู่แล้ว ซึ่งตนไม่ทราบเพราะเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ ส่วนที่มีการประเมินว่า อาจถึงขั้นนายกฯถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ นายวิสุทธิ์กล่าวว่า ทุกคนก็จินตนาการไปหลายอย่างเป็นธรรมดา มั่นใจว่า ไม่มีอะไร เราเชื่อมั่นอย่างนั้นเลยไม่จินตนาการไปไกล เมื่อถึงโพลความนิยม น.ส.แพทองธาร ตกลงไปอันดับที่5 นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า โพลไม่ได้ทำเมื่อวานอาจจะทำในช่วงที่มีปัญหา ขณะนี้ประชาชนเริ่มเข้าใจมากขี้น การที่นายกฯไปพูดเช่นนั้นมีความจำเป็นอะไร หลักการใหญ่ที่นายกฯเป็นห่วงกัมพูชา

‘วันนั้นถ้าตามที่ฮุนเซน ทำคือ ปิดด่านทั้งหมดคนไทยเป็นหมื่นจะกลับมาไม่ได้ ถ้าเกิดการปะทะมา จะเสียหายหรือไม่ ใครจะคุ้มครองพี่น้องที่อยู่ต่างประเทศ การเจรจาทางการทูตให้ขยายเวลาต่างๆเป็นเรื่องของทหาร ไม่ใช่หน้าที่นายกฯ การเจรจาแบบนั้น ไม่ใช่นายกฯจะต้องไปยกแผ่นดินให้ใครเหมือนกับที่มีบางคนสร้างวาทกรรม ทหารจะยอมหรือครับ นายฯเจรจาด้วยความปรารถนาดี ดึงเวลาให้ประชาชนชาวไทยกลับบ้านก่อน’ นายวิสุทธิ์ กล่าว

นายวิสุทธิ์ กล่าวอีกว่า โพลในวันนั้นทุกคนก็โพสต์กันเต็มไปหมด แต่พวกตนลงพื้นที่มาชาวบ้านก็บอกว่าเข้าใจ เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวล สิ่งที่ต้องกังวลที่สุดก็คือ ทำอย่างไรให้เกษตรกรขายข้าว ขายยางได้ราคา ไม่ได้กังวลเรื่องผลโพล ครม.ชุดใหม่ เข้ามาต้องทำงานอย่างเต็มที่ พรรคเพื่อไทยกังวลเรื่องปากเรื่องท้องของประชาชนมากกว่า ไม่ได้กังวลเรื่องผลโพล เราแก้ปัญหาให้ประชาชนได้คะแนนนิยมก็มาเอง

พท.เฝ้ามอนิเตอร์-อย่าไปคิดล่วงหน้า

นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญนัดประชุมวันที่ 1ก.ค. น.ส.แพทองธาร ได้สั่งการให้เตรียมความพร้อมหรือไม่ หากศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องและมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ว่า ไม่มี ทุกอย่างเป็นไปตามปกติ อย่างที่นายกฯให้สัมภาษณ์ ทุกอย่างต้องเดินหน้า หากถามว่า ในใจกังวลหรือไม่ นายกฯก็เป็นกังวลอยู่ แต่ทั้งหมดทั้งปวงคือ ทุกอย่างต้องเดินหน้าต่อ ถามย้ำว่า ทางพรรค พท.ได้เตรียมการไว้อย่างไรบ้าง นายสรวงศ์ กล่าวว่า ก็มอนิเตอร์ เราไม่ได้อยากตีความอะไรล่วงหน้าไว้ก่อน เราเฝ้าดูดีกว่า แต่ทุกสิ่งทุกอย่างนายกฯแสดงถึงความตั้งใจในการทำงาน ทุกอย่างเป็นไปตามปกติ เมื่อถามว่า หากถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯจริง ตามกฎหมายต้องเป็นใครมาปฏิบัติหน้าที่นายกฯ นายสรวงศ์ กล่าวว่า อย่าเพิ่งสมมุติ

พร้อมชี้แจงพูดด้วยความบริสุทธิ์ใจ

ผู้สื่อข่าวถามว่า จากข้อมูลคำร้อง มั่นใจหรือไม่ว่า ชี้แจงได้ นายสรวงศ์ กล่าวว่า ถ้ามีโอกาสชี้แจงก็ชี้แจงได้อยู่แล้ว เรายืนยันมาตลอดถึงความบริสุทธิ์ใจในการพูดคุย และทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการ แต่สิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายตามที่เรารู้กันอยู่ ตนคิดว่า เวลาผ่านไปผลมันออกมาอยู่แล้วว่า สิ่งที่เป็นผลกระทบกับกัมพูชาเองมันก็หนักหนาสากรรจ์ขึ้นเรื่อยๆ จากประเทศรอบ ๆ เพราะฉะนั้น อย่าเพิ่งอะไรเลย เราทำหน้าที่ของเราไปตามปกติ ถามว่า หากนายกฯถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ รัฐบาลสามารถทำงานได้ใช่หรือไม่ นายสรวงศ์ กล่าวว่า จริงๆ แล้วต้องดูคำสั่งว่า เป็นอย่างไร รับหรือไม่รับคำร้องก่อน แต่ตนมองว่า ถ้ายื่นมาในกระบวนการของ สว. อย่างไรศาลก็ต้องรับตามกฎหมายหรือกระบวนการที่เคยเป็นมา แต่สำหรับการจะสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ตนว่า อย่าเพิ่งไปคาดการณ์ เพราะอยู่ที่ดุลยพินิจของศาล

ผลโพลไม่ใช่ตัวชี้ขาดการเลือกตั้ง

ขณะที่นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านให้สัมภาษณ์กรณีโพลที่ออกมา ซึ่งความนิยมของตนเองมีคะแนนนำ แต่นายกรัฐมนตรีรั้งท้าย นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า รู้สึกดีใจและขอบคุณประชาชนทุกคนที่มอบความไว้วางใจให้ตนและพรรคประชาชนมากยิ่งขึ้น แต่เราไม่ได้ประมาทและเป็นห่วงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ ต้องพูดตามข้อเท็จจริงส่วนหนึ่งว่า คะแนนความนิยมส่วนหนึ่งที่ตกลงของนายกฯหรือการขาดความเชื่อมั่นต่อตัวนายกรัฐมนตรีนั้น ย่อมส่งผลอีกด้านหนึ่งที่ทำให้คะแนนนิยม ไม่ใช่แค่ของตน แต่รวมไปถึงคะแนนนิยมของตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนอื่นที่อยู่ในโพลเพิ่มขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน เพราะขาดความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลชุดปัจจุบัน

เมื่อถามว่าจะส่งผลต่อเสียงในสนามเลือกตั้งครั้งหน้าด้วยหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ผลโพลมีขึ้นมีลงตลอด ก่อนที่จะถึงสนามเลือกตั้งครั้งหน้า เชื่อว่าการสื่อสารและการปฏิบัติตัวอยู่บนหลักการ รวมถึงการนำเสนอสิ่งต่างๆ ที่เป็นทางออกในการแก้ปัญหาและประโยชน์สูงสุดของประชาชน จะนำไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งในอนาคต แต่ตั้งแต่วันนี้จนถึงการเลือกตั้ง ผลโพลต่างๆ ไม่ว่าจะของใครที่ขึ้น ถ้าเราละทิ้งหลักการของเรา แล้วเลือกสื่อสารหรือชี้นำสังคมไปในทางใดทางหนึ่ง ที่เอาผลประโยชน์ระยะสั้นของตัวเองเป็นหลัก ก็เชื่อเพราะว่าประชาชนมองออก และไม่ได้หมายความว่า ผลโพลในวันนี้จะนำไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งในอนาคต

หนุน’บิ๊กตู่’สะท้อนอยากได้ผู้นำเข้มแข็ง

เมื่อถามถึงกรณีที่ชื่อของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี อดีตนายกฯกลับมาได้ความนิยมอีกครั้งตามผลโพล เป็นสิ่งสะท้อนสถานการณ์การเมืองไทยที่เกิดขึ้นหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า การสำรวจผลโพลที่ผ่านมาไม่ได้มีชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ในโพล หากดูตามตัวเลขผิวเผินที่ขึ้นมานั้น เป็นเพราะอยู่ดีๆ ชื่อพล.อ.ประยุทธ์ ก็คือเข้ามาอยู่ในโพล แต่ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันที่เป็นอยู่ คะแนนความนิยมของตัวนายกรัฐมนตรีที่ตกลง สะท้อนถึงความไม่เชื่อมั่นของประชาชนส่วนหนึ่ง ที่จะนำมาสู่การอยากเลือกนายกรัฐมนตรีที่มีความเข้มแข็งที่มาจากฝ่ายทหาร ซึ่งเราต้องพยายามสื่อสารกับประชาชนทุกกลุ่มว่า สิ่งหนึ่งที่เราไม่อยากเห็น คือนายกฯผู้เคยทำรัฐประหารมาเสียเอง รวมถึงการใช้การเมืองนอกระบบ ฉะนั้นในสถานการณ์หัวเลี้ยวหัวต่อแบบนี้ จึงอยากเรียกร้องให้ทุกฝ่ายให้ยึดมั่นอยู่บนหลักการ ต้องปฏิเสธการปฏิวัติรัฐประหารให้หนักแน่นที่สุด ไม่ควรจะมีการเปิดช่อง

‘ภท.’ตั้งกก.สรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง

นายสิรภพ ดวงสอดศรี ผู้อำนวยการพรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 24มิ.ย.ที่ผ่านมา นายอนุทินชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค ภท.เซ็นคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคภูมิใจไทยและคณะกรรมการกลั่นกรองผู้สมัครรับเลือกตั้ง เพื่อที่จะนำเสนอให้สมาชิกพรรคในแต่ละจังหวัด พิจารณาในขั้นตอน ไพรมารีโหวต เพื่อคัดเลือกเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคภูมิใจไทย ในการเลือก ตั้งทั่วไปครั้งหน้า ซึ่งพรรคภูมิใจไทย ประเมินสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้ แล้วเห็นว่าจำเป็นต้องทำการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งแล้ว นับตั้งแต่พรรคภูมิใจไทย ออกแถลงการณ์ถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล มีปรากฎการณ์ที่น่าสนใจ คือ มีประชาชนนักการเมืองท้องถิ่นและอดีตผู้สมัครรับเลือกตั้งสส.จำนวนมาก ติดต่อมาที่พรรค ขอสมัครเป็นสมาชิกพรรค ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยปกติพรรคจะต้องไปประชาสัมพันธ์ในพื้นที่เขตเลือกตั้งเป้าหมาย แต่ครั้งนี้มีผู้สนใจติดต่อเข้ามาจำนวนมาก เป็นการยืนยันว่า การตัดสินใจถอนตัวเป็นเรื่องที่ถูกต้อง

นายสิรภพ กล่าวด้วยว่า พรรคภูมิใจไทย ขณะนี้เตรียมความพร้อมเข้าสู่การเลือกตั้งทั่วไป และขอเชิญชวนประชาชนผู้สนใจสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทุกจังหวัด สมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทย และแจ้งความจำนงลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสส.ตามคุณสมบัติที่ท่านมี ตรงตามที่พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสส.กำหนด

ย้ำรองปธ.สภาไม่ใช่ของพรรคไหน

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการเลือกรองประธานสภาฯคนที่2 ว่า ยังไม่ได้คุยกัน ซึ่งต้องให้วิปรัฐบาลและวิปฝ่ายค้านตกลงกันก่อนว่า ควรพิจารณาเลือกเมื่อไหร่ ทางสภาฯพร้อมที่จะดำเนินการให้ และคงต้องเลือกโดยเร็ว โดยรองประธานสภาคนที่ 2 เป็นเรื่องของสมาชิกที่จะตกลงกันว่าจะเลือกใคร อย่างไรก็ตาม หากมีการเลือกล่าช้าคงไม่มีผลอะไรกับฝ่ายนิติบัญญัติ เพราะมีประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯคนที่ 1 ทำหน้าที่ไปจนกว่าจะมีรองประธานสภาฯคนที่ 2 แต่เราก็จะพยายามทำให้เร็ว คาดว่าน่าจะไม่เกินเดือน ก.ค.นี้ เมื่อถามว่า ต้องรอให้ ครม.ได้รับการโปรดเกล้ามาก่อนหรือไม่ ประธานสภาฯ กล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการไปตามนั้นเมื่อฝ่ายรัฐบาลชัดเจน ฝ่ายค้านชัดเจนแล้ว เขาก็จะประชุมและกำหนดตัวบุคคลว่าแต่ละฝ่ายจะเสนอใครมาเป็นแคนดิเดต เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยระบุความต้องการตำแหน่งรองประธานสภาฯคนที่ 2 นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ทราบเพราะตำแหน่งรองประธานสภาฯคนที่ 2 ไม่ได้เป็นโควตาของพรรคการเมือง แต่เป็นเรื่องของสมาชิกสภาฯ ทั้งนี้ก็ต้องคุยกันแต่ละฝ่าย ถ้าเสนอคนเดียวก็ไม่ต้องเลือก แต่ถ้าเสนอมากกว่า 1คน ก็ต้องดำเนินการตามกติกา ต้องมีการแสดงวิสัยทัศน์ และโหวตใครเสียงข้างมากคนนั้นก็ได้เป็น