กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) ร่วมกับโรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี่ และบริษัท JD CENTRAL จัดโครงการพัฒนานวัตกรรมเครือข่ายสถานศึกษาเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (Equity Partnership’s School Network) รุ่น 2 โดยมีครูและนักเรียนจากโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) 11 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนทาเหนือวิทยา โรงเรียนบ้านขุนแปะ โรงเรียนอนุบาลเกาะคา โรงเรียนบ้านห้วยต้มชัยยะวงษาอุปถัมภ์ โรงเรียนบ้านดงหม้อทอง โรงเรียนสมาคมพยาบาลไทย โรงเรียนบ้านเจริญสุข โรงเรียนเสนศิริอนุสรณ์ โรงเรียนวัดท่ายาง โรงเรียนบ้านชัฏฝาง และโรงเรียนบ้านห้วยเปล้า และโรงเรียนนานาชาติ 6 แห่ง ได้แก่ โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี่ (Shrewsbury International School) โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย (Bangkok Christian College)โรงเรียนนานาชาติบางกอกพัฒนา (Bangkok Patana School) โรงเรียนนานาชาติบางกอกเพรพ (Bangkok Prep) โรงเรียนนานาชาติบางกอกพัฒนา (BangkokPatana School) และโรงเรียนนานาชาติฮาร์โรว์ (Harrow InternationalSchool) ข้าร่วมกิจกรรม
ดร.ไกรยส ภัทราวาท รองผู้จัดการกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา กล่าวว่า จากการดำเนินโครงการ รุ่นที่ 1 เมื่อปีการศึกษา 2562 ที่ผ่านมา นักเรียนจากโรงเรียนนานาชาติได้ร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นของโรงเรียนในต่างจังหวัดให้ตอบสนองความต้องการของตลาดโลกออนไลน์ในปัจจุบัน เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าในตลาดออนไลน์ผ่านช่องทาง JD CENTRAL พบว่าโครงการดังกล่าวมีความก้าวหน้าอย่างเห็นได้ชัดผลิตภัณฑ์ของโรงเรียนจากต่างจังหวัด เกิดการเปลี่ยนแปลงจากสินค้าที่จำหน่ายอยู่เพียงในชุมชน เมื่อเด็กทั้ง 2 ฝ่าย ทำงานร่วมกันสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างสร้างสรรค์ให้ทันสมัยสวยงาม และจำหน่ายในตลาดออนไลน์ได้กว้างขวาง สร้างยอดขายและกำไรได้มากขึ้น จนเกิดเป็นโครงการฯ รุ่นที่ 2 ขึ้นโดยมีเครือข่ายโรงเรียนนานาชาติเข้าร่วมเพิ่มขึ้นเป็น 6 แห่ง เพราะมีความมั่นใจ และต้องการทำงานร่วมกับโรงเรียนไทยในระยะยาวเพื่อช่วยพัฒนาสังคม โดยเบื้องต้นการพัฒนาผลิตภัณฑ์เป็นกลไกในการสร้างความร่วมมือระหว่างเด็กนักเรียนโรงเรียนนานาชาติและโรงเรียนจากต่างจังหวัด แต่เป้าหมายสำคัญคือการให้เด็กทั้ง 2 กลุ่มได้มีโอกาสได้ทำงานร่วมกันเพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมทางสังคมรองรับการขยายผลเพื่อสร้างประโยชน์แก่โรงเรียนในพื้นที่อื่นๆ ในอนาคต นอกจากนั้นเยาวชนจากโรงเรียนนานาชาติล้วนต้องการเป็นส่วนหนึ่งของการช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา โครงการพัฒนานวัตกรรมเครือข่ายสถานศึกษาเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา จึงเป็นการสร้างนวัตกรรมทางสังคมที่มีประโยชน์ และสามารถขยายผลออกไปได้จนเป็นที่ยอมรับในสังคมไทย มีคนใจดีจำนวนมากที่พร้อมให้การช่วยเหลือ และมีคนที่ต้องการความช่วยเหลือจำนวนมาก แต่คนสองคนนี้หากันไม่เจอ กสศ. จึงเป็นสะพานเชื่อมให้เยาวชนซึ่งเป็นอนาคตของชาติสองกลุ่มนี้ได้พบกัน ซึ่งจะช่วยให้สังคมไทยเกิดการพัฒนา และสร้างความเสมอภาคทางการศึกษาให้เกิดขึ้นในสังคมไทยได้ด้วยฝีมือของเยาวชนไทย-นานาชาติ
Mr.Greg Threlfall ผู้อำนวยการฝ่ายเผยแพร่องค์ความรู้ (Director of Outreach) โรงเรียนนานาชาติโชรส์เบอรี่ กล่าวว่า โรงเรียนเข้าร่วมโครงการ ในรุ่นที่ 2 โดยนำเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของ SustainableDevelopment Goals (SDGs) ซึ่งจะเน้นการพัฒนาใน 5 เรื่อง คือ 1.NoPoverty การขจัดความยากจนทุกรูปแบบ2.Quality Education การศึกษาที่เท่าเทียมและทั่วถึง รวมถึงส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตแก่ทุกคน3.Reduced Inequalities การลดความเหลื่อมล้ำทั้งภายในและระหว่างประเทศ 4.Responsible Consumption and Production การรับรองแผนการบริโภคและการผลิตที่ยั่งยืนและ 5.Partnerships for the Goals คือการสร้างพลังแห่งการเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือระดับสากลต่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยทุกเรื่องจะนำไปสู่การจัดกิจกรรมการเรียนรู้ที่ความแตกต่างจากในห้องเรียน เกิดการทำกิจกรรมร่วมกันระหว่างนักเรียนทั้ง 2 ฝ่าย เน้นให้เกิดการใช้ความคิดนอกกรอบและความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งสามารถหาได้จากประสบการณ์นอกห้องเรียน และการดำเนินโครงการเพื่อนำไปสู่ความเสมอภาคของการศึกษาที่ยั่งยืน
นางนาถฤดี หมายมั่น อาจารย์ผู้รับผิดชอบโครงการนวัตกรรมเครือข่ายโรงเรียนบ้านดงหม้อทอง อำเภอบ้านม่วง จังหวัดสกลนคร กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ของโรงเรียนคือผ้าย้อมครามที่จะนำมาพัฒนาเป็นสินค้าจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งการได้ร่วมโครงการครั้งนี้สร้างประโยชน์ให้กับทั้งนักเรียน ชุมชน และคนในชุมชน โดยเด็กๆจะได้รับการพัฒนาทักษะด้านอาชีพเพิ่มขึ้น ขณะที่ภูมิปัญญาของชุมชนถูกนำมาสืบสานและต่อยอด ส่วนคนในชุมชนจะมีรายได้เพิ่มมากขึ้นจากการจำหน่ายสินค้าด้วย การที่ กสศ.จัดโครงการนวัตกรรมเครือข่าย ถือเป็นการเปิดโอกาสให้เด็กโรงเรียนนานาชาติและเด็กนักเรียนจากต่างจังหวัดได้พบกันนักเรียนจากต่างจังหวัดมีโอกาสได้สร้างมิตรภาพใหม่ๆ ได้เรียนรู้เรื่องการตลาด การวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ และได้ทำงานร่วมกับพี่ๆ ซึ่งความรู้และทักษะที่ได้รับ เด็กๆ สามารถนำไปต่อยอด เพื่อประกอบอาชีพได้ในอนาคต ขณะเดียวกันนักเรียนจากโรงเรียนนานาชาติก็มีโอกาสได้รับความรู้เรื่องภูมิปัญญาท้องถิ่นจากชุมชนของโรงเรียน และหากผลิตภัณฑ์ได้รับการพัฒนาสามารถจำหน่ายได้อย่างต่อเนื่องในอนาคตก็จะช่วยสร้างรายได้และโอกาสทางการศึกษาให้กับเด็กๆ ในโรงเรียนได้ด้วย ซึ่งจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาได้อย่างยั่งยืน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี