เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2563 ที่อาคารราชวัลลภ กระทรวงศึกษาธิการ คณะกรรมการพิจารณาข้อร้องเรียนของนักเรียน นักศึกษา ครั้งที่ 1 ที่มี นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) เป็นประธานคณะกรรมการพิจารณาข้อร้องเรียนของนักเรียน นักศึกษา ครั้งที่ 1 ได้ประชุมเพื่อกำหนดนโยบายและแนวทางในการพัฒนาระบบการศึกษาจากการเปิดรับฟังความเห็นของนักเรียน นักศึกษา ในประเด็นที่เกี่ยวกับการพัฒนาระบบการศึกษาและการเมืองครั้งแรก
นายณัฏฐพล ทีปสูวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวว่า ศธ.จัดตั้งคณะกรรมการพิจารณาข้อเรียกร้องของนักเรียน นักศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ขึ้นมาเพื่อพิจารณาข้อเรียกร้องของนักเรียน นักศึกษา โดยคณะกรรมการประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิในแต่ละด้าน ที่เป็นตัวแทนจากหน่วยงานต่างๆ ตัวแทนมหาวิทยาลัย ตัวแทนนักเรียน นักศึกษา เพื่อจะนำข้อเสนอของกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ที่เสนอให้ ศธ.ปฏิรูปการศึกษา การพัฒนาการศึกษา และข้อมูลจากที่ ศธ.มีการเปิดรับฟังความคิดเห็น มาจัดกลุ่มแก้ไขปัญหา ทั้งเรื่องเครื่องแบบนักเรียน ทรงผมนักเรียน การจัดการเรียนการสอน การปรับหลักสูตรการเรียนการสอน เพื่อนำมาประชุมเพื่อรวบรวมปัญหาข้อร้องเรียนทั้งหมด มาหาทางออกที่เหมาะสม ส่วนทางออกจะเป็นอย่างไร ทางคณะกรรมการฯก็จะบอก ศธ.ได้ว่าจะสามารถแก้ไขเรื่องใดได้ก่อนเรื่องใดหลัง เพื่อตอบโจทย์และแก้ไขปัญหาให้เป็นรูปธรรม
ด้าน นายสมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDBI) ในฐานะประธานคณะกรรมการพิจารณาข้อเรียกร้องของนักเรียน นักศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการพิจารณาฯ ว่า คณะกรรมการฯ ได้อภิปรายหาทางการแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนของนักเรียน นักศึกษา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องเครื่องแบบนักเรียน เรื่องทรงผม การละเมิดและการกระทำความรุนแรงในโรงเรียน กฏระเบียบที่ล้าหลัง การปรับปรุงหลักสูตร และเรื่องสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมืองในโรงเรียน ซึ่งที่ประชุมหารือกันและมีข้อคิดเห็นเป็นหลักการเบื้องต้นในการทำงาน 3 เรื่อง ดังนี้ 1.โรงเรียนเป็นพื้นที่ปลอดภัย ไม่เกิดการรังแกกัน ไม่บูลลี่ นักเรียนมีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกได้ การจำกัดสิทธิเสรีภาพจะทำให้นักเรียนเกิดความไม่ปลอดภัย หรือการลวงละเมิดทางเพศ การลงโทษอย่างรุนแรง มีผลกระทบต่อการเรียนการสอน 2.นักเรียน เยาวชนมีศักยภาพ มีหลักคิดในเชิงวิพากษ์ที่ดี เชื่อว่าหากหาทางออกร่วมกันจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ และ 3.ต้องวางกลไกแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ ไม่ใช่แก้ไขเฉพาะเรื่องๆไปแล้วปัญหาก็เกิดขึ้นไม่จบ ต้องนำเทคโนโลยี หญ่ๆมาช่วยในการแก้ไขปัญหาและให้เป็นช่องทางให้นักเรียนร้องเรียนเข้ามาได้โดยตรง และมีการใช้กลไกลของคณะกรรมการนักเรียน คณะกรรมการสถานศึกษา และอยากแก้ไขกฏระเบียบที่กระทบกับนักเรียน กระทบกับครู สุดท้ายก็มากระทบกับนักเรียน
นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า เนื่องจากคณะกรรมการฯชุดนี้อยากเห็นผลการดำเนินงานของคณะกรรมการชุดนี้ และมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นจริง จึงตั้งคณะทำงานขึ้น 4 คณะ โดยมีตัวแทนจากภาครัฐ อาจารย์มหาวิทยาลัย นักวิชาการ ตัวแทนครู นักเรียน เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ดังนี้ 1.คณะทำงานด้านการละเมิด การกระทำความรุนแรง และความปลอดภัยในสถานศึกษา 2.คณะทำงานด้านกฎระเบียบที่ล้าหลังของสถานศึกษา ที่กระทบต่อนักเรียน นักศึกษา 3.คณะทำงานด้านการแสดงออกทางการเมืองและเสรีภาพทางการเมืองในสถานศึกษา และ 4.คณะกรรมการพิจารณาฯ ชุดใหญ่ ซึ่งจะพิจารณาแก้ไขปัญหาในประเด็น เครื่องแบบนักเรียน ทรงผมนักเรียน นัดประชุมอีกครั้งในวันที่ 26 ตุลาคมนี้ เวลา 13.30 น.
"คณะกรรมการฯ จะเร่งทำในเรื่องนี้ให้เร็ว โดยเฉพาะเรื่องการแต่งกายนักเรียน และเรื่องทรงผม จะทำก่อนเพราะเป็นเรื่องที่กวนใจนักเรียนจำนวนหนึ่งจึงต้องนำมาแก้ไขก่อนให้เร็ว ส่วนเรื่องบางเรื่องที่ซับซ้อนก็ต้องใช้เวลาอาจจะช้าออกไปอีกนิสหนึ่ง แต่ก็อยากจะทำทุกเรื่องให้เร็วขึ้น เพราะเข้าใจว่าน้องๆนักเรียนตื่นตัวกันมาก ส่วนเรื่องการแสดงออกทางการเมือง แบ่งเป็นการแสดงออกทั่วไป ก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับสิทธิมนุษยชนตามปกติในฐานะประชาชนแสดงออกได้ แต่เรื่องสิทธิเสรีภาพการแสดงออกในโรงเรียน ซึ่งโรงเรียนและกระทรวงศึกษาฯจะเกี่ยวข้องโดยตรง ดังนั้น ก็มีเรื่องกฏระเบียบเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงต้องจัดการเรื่องกฏระเบียบ ส่วนถ้ากฏระเบียบดีอยู่แล้ว แต่การปฏิบัติมีปัญหาก็อาจจะต้องมีกลไกลในการสื่อสาร และทำแนวทางปฏิบัติให้ชัดเจน เพราะเรื่องสิทธิเสรีภาพของนักเรียนทำให้เกิดเรื่องความปลอดภัยในการเรียนรู้ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่มาก" นายสมเกียรติ กล่าว
ด้าน รศ.ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ ประธานกรรมการในณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านการศึกษา ในฐานะที่ปรึกษา คณะกรรมการพิจารณาข้อร้องเรียนของนักเรียน นักศึกษา ครั้งที่ 1 กล่าวว่า ผลการประมวลความเห็นของนักเรียน นักศึกษา หลายเรื่องเกี่ยวข้องกับการเรียนการสอน การพัฒนาครู หลักสูตร ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการแก้ไข ซึ่งขณะนี้ก็มีการแก้ไขอยู่แล้ว รวมถึงการปฏิรูปการศึกษา ซึ่งจะต้องทำให้แล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย.2564 รวมถึงการพัฒนาอาชีวศึกษา และการอุดมศึกษา การวิจัย โดยเฉพาะการปฏิรูปการผลิตครู การพัฒนาครู และการพัฒนาระบบการเรียนการสอน การพัฒนาระบบดาต้าเพื่อให้ระบบข้อมูลการศึกษาสามารถเชื่อมต่อกันได้ และกาาปฏิรูปการศึกษาเพราะอยากให้ประชาชนเป็นเจ้าของการศึกษาไม่ใช่กระทรวงศึกษาฯ เป็นเจ้าของ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี