วันที่ 21 ต.ค.63 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่ช่วงค่ำวันที่ 15 ต.ค.63 ที่ผ่านมาได้เกิดเหตุการณ์ฝนตกหนักน้ำท่วมในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา ทำให้ถนนทุกสายมีน้ำท่วมขังสูง 30-50 เซนติเมตร โดยเฉพาะที่บริเวณถนนสุรนารี สามแยกโรงแรมโตเกียว มีภาพรถเก๋งคันหนึ่งวิ่งมาตกหลุมลึกที่ทางการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้ขุดดำเนินการโครงการนำสายไฟฟ้าลงดิน จนรถจมน้ำเกือบมิดทั้งคันและคนขับได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย นอกจากนี้ยังมีผู้ประสบอุบัติเป็นชายที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ตกหลุมจนทำประสบอุบัติเหตุได้รับบาดเจ็บอีก 1 คน และต้องเข้ารักษาอาการบาดเจ็บในโรงพยาบาลค่าบสุรนารีเป็นเวลาหลายวันนั้น
ล่าสุดเมื่อคืนวันที่ 20 ต.ค.63 เวลา 20.30 น. นายมนตรี ยันตรวัฒนา ผู้ช่วยผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต3 (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) จังหวัดนครราชสีมา พร้อมผู้บริหาร ลงพื้นที่ตรวจงานโครงการพัฒนาระบบไฟฟ้าในเมืองใหญ่ ระยะที่ 1 ไฟฟ้าใต้ดิน ตามโครงการ "โคราช มหานครไร้สาย" ในพื้นที่เขตเทศบาลนครนครราชสีมา ซึ่งส่งผลต่อด้านความปลอดภัยในการสัญจร พร้อมกับสั่งการระงับการทำงานก่อสร้างระบบไฟฟ้าใต้ดินทั้งหมดไว้ชั่วคราวก่อนจนกว่าสถานการณ์พายุฝนจะคลี่คลายเพื่อเน้นความปลดภัยในชีวิตของประชาชนเป็นสำคัญ รวมทั้งได้ออกมาตรการเข้มเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นมาอีก
ขณะเดียวกันช่วงสายวันที่ 21 ต.ค.63 นายมนตรี พร้อมคณะผู้บริหารได้เดินทางไปที่ รพ.ค่ายสุรนารี เพื่อเยี่ยมและมอบกระเช้าให้กำลังใจแก่หนุ่มผู้ที่ขี่รถจักรยานยนต์ตกหลุมได้รับบาดเจ็บ และได้เดินไปที่บ้านนายสุเมธ ศรีพงษ์ อดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และอดีต ส.ว.นครราชสีมา ซึ่งขับรถเก๋งตกหลุมได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย เพื่อมอบกระเช้าแสดงความห่วงใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย
นายมนตรี กล่าวว่า ตนต้องขอแสดงความห่วงใยกับผู้ที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้โดย PEA ได้เข้าเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นและติดตามเรื่องอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ PEA ไม่ได้นิ่งนอนใจและได้ตระหนักถึงความสำคัญในด้านความปลอดภัยในชีวิตเป็นสำคัญอันดับแรก จึงได้สั่งการให้หยุดการดำเนินงานก่อสร้างระบบไฟฟ้าใต้ดินในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา ไว้ทั้งหมดเป็นการชั่วคราวก่อน พร้อมกันนี้ก็ได้ออกมาตรการเข้ม โดยการนำแบริเออมาติดตั้งไว้บริเวณที่มีหลุมและติดตั้งสัญญาณไฟเตือน รวมทั้งป้ายแจ้งเตือนด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์นี้อีก เน้นกำชับการลงพื้นที่ตรวจสอบการคืนพื้นผิวจราจรทุกวัน หากพบจุดเสี่ยง PEA จะปิดกั้นพื้นที่และลงมือแก้ไขโดยทันที
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลา 60 ปีของการดำเนินงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ได้มุ่งมั่นพัฒนาระบบจำหน่ายไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง PEA จัดทำโครงการพัฒนาระบบไฟฟ้าในเมืองใหญ่ระยะที่ 1 ก่อสร้าง ปรับปรุงระบบไฟฟ้า พร้อมทั้งติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติมในพื้นที่ 4 เมืองประกอบด้วยเทศบาลนครเชียงใหม่ เทศบาลนครนครราชสีมา เมืองพัทยา และเทศบาลนครหาดใหญ่ โดยในเทศบาลนครนครราชสีมา PEA เริ่มนำสายไฟฟ้าลงใต้ดินเมื่อเดือนกันยายน 2562 บนถนน 21 สายในพื้นที่เทศบาลนครนครราชสีมา รวมระยะทาง 17.37 กิโลเมตร ช่วงที่ 1 บริเวณถนนชุมพล ถนนราชดำเนิน (รอบอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี) ถนนสุรนารี ถนนบุรินทร์ ถนนพิบูลละเอียด ถนนจอมสุรางค์ยาตร์และถนนโพธิ์กลาง แล้วเสร็จเดือนกันยายน 2563
สำหรับงานก่อสร้างส่วนที่เหลือ PEA จะทยอยดำเนินการรื้อถอนสายไฟฟ้า สายสื่อสารโทรคมนาคม และเสาไฟฟ้า ที่อยู่เหนือพื้นดินออก ในช่วงที่ 2 (ถนนราชสีมา-โชคชัย ถนนพลแสน ถนนไชยณรงค์ ถนนราชนิกูล) และช่วงที่ 3 (บริเวณถนนจักรี ถนนมนัส ถนนยมราช ถนนอัษฎางค์ ถนนจอมพล ถนนมหาดไทย ถนนสรรพสิทธิ์ ถนนกำแหงสงคราม) ช่วยเสริมสร้างความมั่นคงของระบบไฟฟ้า ลดปัญหาไฟฟ้าตกหรือไฟฟ้าดับจากภัยธรรมชาติและอุบัติภัยต่างๆ ที่ทำให้เกิดความเสียหายและอันตราย ปรับปรุงให้มีทัศนียภาพสวยงาม เพิ่มความน่าเชื่อถือและเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีสู่สายตาชาวต่างชาติ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในด้านการท่องเที่ยวของจังหวัดนครราชสีมาอย่างยั่งยืน
การดำเนินการก่อสร้างระบบจำหน่ายไฟฟ้าเป็นเคเบิลใต้ดิน PEA ได้รับความร่วมมือจากจังหวัดนครราชสีมา เทศบาลนครนครราชสีมา ตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมา คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช) บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และผู้ประกอบการสายสื่อสารโทรคมนาคมในพื้นที่เพื่อมุ่งสู่การเป็น "โคราช มหานครไร้สาย" ต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี