วันที่ผมนั่งเขียนบทความนี้เป็นช่วงต้นเดือนกันยายนทางสำนักเลขานุการแอปเตอร์เรามีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่อยากจะเล่าให้ท่านผู้ติดตามได้รับทราบว่า หลังจากที่แอปเตอร์เราจัดตั้งอย่างเป็นทางการ โดยการลงนามของรัฐมนตรีด้านการเกษตรของประเทศสมาชิกอาเซียนบวกสาม (จีน ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้) เมื่อปี 2554 แล้ว และจากนั้นก็ได้มีการเริ่มต้นดำเนินงานจริงในอีกปีต่อมา โดยในด้านของสถานที่งาน หลังจากที่คณะมนตรีแอปเตอร์เห็นชอบให้ประเทศไทยเป็นที่ตั้งของสำนักเลขานุการแอปเตอร์ ก็ได้อาศัยการอนุเคราะห์สนับสนุนของรัฐบาลไทย ซึ่งได้ยกชั้นสองของอาคารสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (ตึก 8 ชั้น) ภายในมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กลางบางเขน ให้เป็นที่ทำงานมากระทั่งจวบจนปัจจุบันเกือบจะ 10 ปีเข้าไปแล้ว แต่ด้วยความกรุณาเอื้อเฟื้อเพิ่มเติมของผู้บริหารของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ท่านจึงได้เสนอของบประมาณจัดสร้างอาคารที่ทำงานหลังใหม่ในบริเวณใกล้ๆ กัน เป็นอาคารทรงทันสมัยสวยงามสูงน่าจะใกล้เคียงอาคาร 8 ชั้นเดิม มีการตั้งชื่ออาคารหลังใหม่นี้ว่า อาคารนวัตกรรม หรือมีชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า Innovation Building และก็เชื้อเชิญให้สำนักเลขานุการแอปเตอร์ย้ายจากที่เดิมเข้ามาอยู่ด้วย ทั้งนี้ ท่านเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ในขณะนั้นคือ ท่านระพีภัทร์ จันทรศรีวงศ์ ท่านได้ยกชั้นที่สองของอาคารนวัตกรรมทั้งชั้นให้แอปเตอร์อยู่ร่วมกับสำนักเลขานุการ AFSIS ซึ่งเป็นองค์กรระหว่างประเทศอีกแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย นัยว่าชั้นนี้ทั้งชั้นจะว่าด้วยเรื่องกิจการอาเซียนไปทั้งหมดเลย พวกเราก็เลยโชคดีได้ที่อยู่ใหม่ที่โอ่อ่าสง่างามสมฐานะกว่าเดิม ซึ่งก็ต้องขอขอบคุณผู้บริหารสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรตั้งแต่ในอดีตมากระทั่งปัจจุบันที่ผลักดันการของบประมาณจากรัฐบาลไทยมาสนับสนุนให้แอปเตอร์ส่วนหนึ่งครับ
สำนักงานแอปเตอร์ใหม่ของพวกเรา ตอนนี้ยังปรับปรุงไม่สำเร็จสมบูรณ์ ส่วนที่ยังต้องรองบประมาณเพิ่มเติม คือ การตกแต่งภายในห้องประชุมขนาดใหญ่และการจัดตั้งป้ายชื่อ โลโก้ สัญลักษณ์ต่างๆ แต่ส่วนที่สมบูรณ์แล้วนั้น ได้แก่ ห้องทำงานซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ฝ่ายด้วยกัน และก็มีห้องผู้บริหาร ประกอบด้วยห้องผู้จัดการทั่วไป และอีก 3 ห้องสำหรับ รองผู้จัดการทั่วไปและผู้เชี่ยวชาญที่อาจมีในอนาคต แต่ตอนนี้มีผู้เชี่ยวชาญคนเดียวจากประเทศญี่ปุ่น เลยยังว่างอยู่ 2 ห้องด้วยกัน รวมทั้งโต๊ะตู้เอกสาร ตลอดจนสิ่งอำนวยความสะดวกค่อนข้างครบครันและสวยหรูทันสมัย นอกจากนี้ยังมีห้องแม่บ้านขนาดใหญ่มาก เป็นทั้งห้องเก็บของ ห้องครัว ซักล้าง และสามารถนั่งรับประทานอาหารได้จนกังวลไปว่า แม่บ้านเรามีเพียง 1 คน จะดูแลไหวไหม
ที่พิเศษที่เราขอให้กั้นเป็นห้องเพิ่มเติม คือ ห้องรับแขก เพราะทำไว้ใหญ่มาก มีโซฟาหรูตั้งอยู่ถึง 3 ชุด เผื่อแขกผู้มาเยือนมีมากถึง 3 ประเทศในคราวเดียวกัน ก็นั่งแยกกันคุยได้ ซึ่งวัสดุอุปกรณ์และสถานที่ใหม่นี้ใหญ่โตโอ่อ่ากว่าที่เดิมซึ่งค่อนข้างคับแคบมาก ห้องประชุมเดิมนั้นถ้าผู้แทนสมาชิกมาพร้อมกัน 13 ประเทศก็นั่งไม่หมดแล้ว แต่ห้องประชุมใหม่นี้พอเพียงเหลือเฟือ แถมตามแผนก็จะมีจอภาพอิเล็กทรอนิกส์ทันสมัย พร้อมห้องควบคุมครบครัน ก็ถือว่าสามารถโชว์เป็นหน้าเป็นตาแก่ประเทศเจ้าภาพ คือ ประเทศไทยได้มากทีเดียว และในโอกาสที่อาคารนวัตกรรมนี้ที่ชั้น 4 ก็เป็นห้องทำงานของท่านเลขาธิการ สศก. ผมเลยชวนผู้เชี่ยวชาญญี่ปุ่นพร้อมเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องบางท่านเดินขึ้นไปคารวะท่าน พร้อมรายงานตัวเองว่า คณะเจ้าหน้าที่แอปเตอร์ได้ย้ายเข้ามาทำงานในอาคารนี้แล้ว ท่านเลขาธิการท่านก็ดีใจมากที่ได้มาอยู่ใกล้กัน อีกทั้งยังได้เดินลงมาเยี่ยมชมพบปะพร้อมกับถ่ายรูปกับพวกเราชาวแอปเตอร์ทุกคน ก็ต้องขอกราบขอบพระคุณท่านไว้ ณ ที่นี้อีกครั้งหนึ่ง แถมท่านยังรับปากว่า ถ้ามีอะไรขาดหกตกหล่นก็ขอให้บอกท่านได้เลย ท่านยินดีจะสั่งการให้เจ้าหน้าที่มาช่วย
ก็ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีและเป็นอีกบทหนึ่งของแอปเตอร์ ที่เรากำลังก้าวเดินต่อไปอย่างไม่หยุดยั้งในการปฏิบัติหน้าที่ตามความตกลงของอาเซียนบวกสาม คือ การช่วยเหลือประชาชนในภูมิภาคนี้เพื่อขจัดซึ่งปัญหาอันมีผลกระทบต่อความมั่นคงทางอาหาร ภายใต้การสนับสนุนอย่างเต็มที่จากรัฐบาลไทยโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรครับ
ชาญพิทยา ฉิมพาลี
chanpithya@apterr.org
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี