วันที่ 30 ตุลาคม 2563 พ.ต.ท.ภูวดล วิริยวรางกูล สารวัตรตำรวจท่องเที่ยวเกาะสมุย ได้เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจท่องเที่ยวประจำอำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี มีนักท่องเที่ยวหลายสัญชาติประกอบด้วยสัญชาติเยอรมัน,อเมริกา,ฝรั่งเศส,รัสเซีย และอังกฤษได้มาขอความช่วยเหลือว่าได้ถูกหลอกลวงให้ทำวีซ่านักเรียนเพื่อให้สามารถพักอาศัยอยู่ในประเทศไทยได้ 1 ปี โดยมีนักท่องเที่ยวได้รับความเดือดร้อนจำนวน 20 คน ซึ่งทั้งหมดได้เสียค่าสมัครกับโรงเรียนวีชาชีพ เกาะพะงัน หรือ Koh Phangan Vocational Schoolตั้งอยู่เลขที่ 84/4 หมู่ที่ 8 ตำบลเกาะพะงัน อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี
โดยโรงเรียนวิชาชีพ เกาะพะงัน แห่งนี้ได้เรียกเก็บเงินค่าสมัครและค่าดำเนินการทำวีซ่าเป็นเงินรายละ 30,000 บาท จากราคาจริง54,000บาท โดยให้แบ่งจ่ายเงินเป็นสองงวดละ15000 บาทของการสมัครในแต่ละหลักสูตรซึ่งแต่ละหลักสูตรจะมีราคาไม่เท่ากัน สำหรับโรงเรียนวิชาชีพ เกาะพะงัน โดยมีนางสาวสุพัตรา บรรจงกะเสนา ณ อยุธยา เป็นกรรมการ ตำรวจท่องเที่ยวได้นำชาวต่างชาติทั้งหมดมาแจ้งความกับ สภ.เกาะพะงัน โดยมี พ.ต.อ.พิศิษฐ์ วิเศษวงศ์ ผกก.สภ.เกาะพะงัน พร้อมด้วยนายพูลศักดิ์ โสภณปทุมรักษ์ นายอำเภอเกาะพะงัน พ.ต.ท.จิรชาติ ร่มสายหยุด รอง ผกก.ด่านตรวจคนเข้าเมืองสุราษฎร์ธานี เกาะสมุย , เจ้าหน้าที่ศูนย์ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวเกาะพะงัน ได้เข้าให้การช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าว
จากการสอบสวนทราบว่าโรงเรียนวิชาชีพ เกาะพะงัน มีนางสาวสุพัตรา บรรจงกะเสนา ณ อยุธยา เป็นกรรมการ โดย น.ส.จิรารักษ์ บรรจงกะเสนา ณ อยุธยา หรือที่นักท่องเที่ยวรู้จักในชื่อ ครูเมอร์รี่ ได้ชักชวนให้นักท่องเที่ยวซึ่งเป็นผู้เสียหายในคดีนี้ สมัครเรียนในโรงเรียน โดยอ้างว่าหากสมัครเรียนที่โรงเรียนดังกล่าว ทางโรงเรียนจะดำเนินการต่อวีซ่าให้โดยจะเปลี่ยนวีซ่าเป็นวีซ่านักเรียนED-Visaให้ซึ่งสามารถทำให้นักท่องเที่ยวพักอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทยได้เป็นเวลา 1 ปี ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ในขณะนั้นมีวีซ่าแบบอนุญาตให้ทำงานในราชอาณาจักรไทย ได้ หรือ นอน-บี (Non-B) โดย น.ส.จิรารักษ์ บรรจงกะเสนา ณ อยุธยา ได้บอกกับผู้เสียหายว่าสามารถประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเพื่อออกวีซ่าได้
โดยผู้เสียหายไม่ต้องเดินทางไปที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองสุราษฎร์ธานี เกาะสมุย หากตกลงสมัครทำวีซ่ากับทางโรงเรียนจะต้องจ่ายค่าดำเนินการพร้อมค่าสมัครเรียน ทั้งหมดเป็นเงิน 40,000 บาท ทำให้นักท่องเที่ยวผู้เสียหายทั้งหมดหลงเชื่อ จึงได้ตกลงให้ทางโรงเรียนดำเนินการ โดยมอบหนังสือเดินทางให้ และมอบเงินให้งวดแรกเป็นเงิน 20,000 บาท และได้รับใบเสร็จรับเงินเพื่อยืนยันการสมัครเรียน ทางโรงเรียนแจ้งแก่นักท่องเที่ยวว่าจะดำเนินการให้เสร็จสิ้นก่อนวันที่ 26 กันยายน 2563
ต่อมาผู้เสียหายได้สอบถามทางน.ส.จิรารักษ์ บรรจงกะเสนา ณ อยุธยา ซึ่งเป็นผู้ชักชวนแต่ไม่มีความคืบหน้าที่ดำเนินการให้กับผู้เสียหายใดๆ นักท่องเที่ยวทั้งหมดจึงได้เดินทางไปสอบถามที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี ผลปรากฏว่าทางด่านตรวจคนเข้าเมืองแจ้งกับผู้เสียหายว่าไม่สามารถเปลี่ยนวีซ่า นอน-บี (Non-B) ให้เป็นวีซ่านักเรียน หรือ (ED-Visa)ได้ และให้เดินทางกลับมาที่เกาะพะงัน เพื่อเรียกขอเงินคืนจากทางโรงเรียนวิชาชีพ เกาะพะงัน เมื่อผู้เสียหายทั้งหมดเดินทางมายังโรงเรียนเพื่อขอเงินคืนทางน.ส.จิรารักษ์ บรรจงกะเสนา ณ อยุธยา บอกว่า ไม่สามารถคืนเงินให้ได้ โดยอ้างว่าได้ดำเนินการไปแล้ว ซึ่งในเบื้องต้นเรื่องทั้งหมดไม่เป็นความจริง จึงเชื่อว่าทางโรงเรียนแห่งนี้
โดยน.ส.จิรารักษ์ บรรจงกะเสนา ณ อยุธยา มีเจตนาหลอกลวงเอาเงินของนักท่องเที่ยวซึ่งเป็นผู้เสียหายไป สำหรับการแจ้งข้อกล่าวหานั้นเจ้าหน้าที่สอบสวน สภ.เกาะพะงัน อยู่ระหว่างสอบปากคำและรอหลักฐาน โดยจะเรียกน.ส.จิรารักษ์ บรรจงกะเสนา ณ อยุธยา คู่กรณีมาสอบปากคำ และจะประสานเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อตรวจเอกสารทั้งหมดเพื่อใช้ในการประกอบสำนวนคดี ก่อนที่จะแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี