วันที่ 30 ตุลาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านอุ้มลูกหลานวิ่งหนีตายเอาตัวรอด จากอุบัติเหตุรถบรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิงประมาณ 40,000 ลิตร พุ่งชนรถพ่วง 18 ล้อบรรทุกสินค้าเบ็ดเตล็ด   ขณะจอดติดไฟแดงที่บริเวณสี่แยกเทศบาลตำบลหนองกี่  อำเภอหนองกี่  จ.บุรีรัมย์  เมื่อเวลาประมาณ 23.30 น. คืนวันที่ 28 ต.ค.ที่ผ่านมา    จนเกิดระเบิดเสียงดังสนั่นก่อนจะมีเปลวไฟลุกท่วมรถทั้งสองคัน ทั้งน้ำมันยังรั่วไหลไปตามพื้นถนน และท่อระบายน้ำ  ทำให้เกิดเปลวไฟลุกลามไหม้อาคาร  บ้านเรือน  ร้านค้าของประชาชนที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุได้รับความเสียหาย 19 คูหา   ทั้งยังไหม้รถยนต์  รถจักรยายนต์ ที่จอดไว้หน้าบ้านเสียหายอีกจำนวน 6  คัน

โดยจะเห็นชาวบ้านทั้งชายหญิง ซึ่งน่าจะเป็นผู้สูงอายุจำนวน 4 คน และอุ้มเด็กมาด้วย วิ่งหนีในลักษณะตื่นตกใจ  โดยในภาพมีชายสูงอายุคนหนึ่งลื่นล้มกับพื้นแล้วพยายามประคองตัวลุกขึ้น ซึ่งหลังจากลุกขึ้นได้ไม่ไม่ถึงนาทีก็เกิดเพลิงลุกไหม้เป็นทางยาว เพราะน้ำมันที่รั่วไหลออกจากรถที่เกิดอุบัติเหตุไหลผสมกับฝนที่ตกเป็นทางยาว ก่อนที่เปลวเพลิงจะลุกไหม้รถเก๋ง 3 คัน และรถจักรยานยนต์ 1 คันจนได้รับความเสียหายทั้งหมด 

ขณะที่ พล.ต.ต.รุทธพล เนาวรัตน์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ นายอำเภอ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็ได้ลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย และให้กำลังใจชาวบ้านที่ถูกไฟไหม้ จากนั้นก็จะได้นำข้อมูลรายงานทางจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ความช่วยเหลือในอีกทางหนึ่ง ซึ่งเบื้องต้นทางบริษัทรถบรรทุกน้ำดังกล่าวก็รับปากจะชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น  

ด้านนายวิชัย  ประจงกร อายุ 47 ปี เจ้าร้านวัสดุก่อสร้าง แสงทองพานิชย์ บอกว่า ตอนเกิดตนกับภรรยานอนอยู่ในบ้าน ได้ยินเสียงดังและเห็นไฟไหม้ ก็ลงมาดูตอนนั้นเห็นไฟลุกไหม้เป็นทางยาวเหมือนทะเลเพลิงน่ากลัวมาก  จึงรีบเก็บของและถอยรถออกจากบ้าน ซึ่งแม้ว่าบ้านตนเองจะเสียหายเพียงบางส่วน แต่ก็ไม่สามารถเปิดทำการค้าขายได้ร้องรอให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบและเคลียร์พื้นที่ให้เรียบร้อยก่อน จึงจะให้ช่างมาทำการรื้อถอนเศษซากที่พังเสียหาย และทำการซ่อมแซมก่อนถึงจะเปิดค้าขายได้ตามปกติ แต่ก็ยังไม่ทราบจะตอนไหน ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้นก็รอทางบริษัท และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือก็ไม่รู้จะไปเรียกร้องยังไง เพราะมันเป็นอุบัติเหตุ