“ผบช.สตม.” นำแถลง “สืบ ตม.6-ตม.สงขลา” โชว์ผลงานจับกุมอินเดียเปลี่ยนพาสปอร์ตหลบ 2 แบล็คลิสต์กบดานที่ชุมพร-ขยายผลรวบเครือข่าย “โรแมนซ์สแกม”
4 พฤศจิกายน 2563 ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.สิทธิชัย โล่กันภัย รอง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง รอง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.ศิลปคมณ์ เอี่ยมวงศ์ รอง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.สุเมธ เมฆขจร ผบก.ตม.6 , พ.ต.อ.ไพรัช พุกเจริญ รอง ผบก.ตม.6 , พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รอง ผบก.ตม.1 และรองโฆษก สตม. ร่วมแถลงผลการจับกุมคดีคนต่างชาติกระทำความผิดรายสำคัญ และคดีที่น่าสนใจ
คดีแรก กก.สส.บก.ตม.6 ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.ไพรัช พุกเจริญ รอง ผบก.ตม.6 , พ.ต.อ.ภคยศ ทนงศักดิ์ ผกก.สส.บก.ตม.6 , พ.ต.ท.บัญชา ลิมปิชาติ รอง ผกก.สส.บก.ตม.6 และ พ.ต.ท.ณัฐจักร์ กสิกรเมธากุล สว.สส.บก.ตม.6 นำโดย ร.ต.ท.วิสูตร ลือชา และ ร.ต.ท.ภัทภูมิ จาตกานนท์ รอง สว.กก.สส.บก.ตม.6 ได้ร่วมกันจับกุมตัว นายอามา สัญชาติอินเดีย
สืบเนื่องจากการลงพื้นที่จัดเก็บข้อมูลเกี่ยวกับคนต่างด้าว เพื่อนำมารวบรวมเป็นสำมะโนประชากรคนต่างด้าว ตามนโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เพื่อวิเคราะห์ ต่อยอดในการบังคับใช้กฎหมายคนเข้าเมืองและกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บก.ตม.6 ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบคนต่างด้าวที่พักอาศัยอยู่ในเขตรับผิดชอบ และจากการจัดเก็บข้อมูลคนต่างด้าวของนายอามา สัญชาติอินเดีย พบข้อพิรุธสังเกตหลายประการเกี่ยวกับการเข้ามาพำนักอยู่ในประเทศไทย จึงได้สืบสวนหาข้อมูลเพิ่มเติมในระบบสารสนเทศตรวจคนเข้าเมือง (PIBICS และ Biometrics)
ทั้งนี้ พบข้อมูลที่เชื่อมโยงและน่าเชื่อว่านายอามา ได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทยครั้งแรกเมื่อปี 2555 โดยใช้ชื่อ MR.AMARNATH โดยใช้วีซ่านักท่องเที่ยว ต่อมาถูกจับกุมดำเนินคดีเกี่ยวกับการลักลอบทำงานโดยผิดกฎหมาย ถูกผลักดันส่งกลับประเทศอินเดียและลงข้อมูลในบัญชีบุคคลต้องห้ามเข้าราชอาณาจักร (BLACKLIST) ในปี 2557 ซึ่งต่อมาในปี 2558 นายอามา ได้ทำหนังสือเดินทางประเทศอินเดียเล่มใหม่ โดยใช้ชื่อ MR.AMARNATH เช่นเดิมแต่มีการเปลี่ยนข้อมูลวันเดือนปีเกิด เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบข้อมูลในระบบบัญชีบุคคลต้องห้ามฯ เดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง และได้อาศัยอยู่ในประเทศไทยเกินกว่ากำหนดอนุญาต (OVERSTAY) เป็นเวลา 453 วัน ซึ่งแม้นายอามา จะมามอบตัวเพื่อเสียค่าปรับก่อนเดินทางกลับประเทศอินเดียในวันที่ 28 ส.ค.61 แต่ตามประกาศ มท.ที่ 1/2558 ลง 27 พ.ย.58 นายอามา จะต้องถูกห้ามเข้าประเทศไทยเป็นเวลา 3 ปี (ถึงวันที่ 28 ส.ค.64)
แต่นายอามา ได้เดินทางกลับเข้ามาในปี พ.ศ.2562 โดยเปลี่ยนหนังสือเดินทางเล่มใหม่ที่ข้อมูลชื่อ สกุล วันเดือนปีเกิด ไม่ตรงกับข้อมูลในบัญชีบุคคลต้องห้ามฯ และมาอาศัยอยู่ใน จ.ชุมพร จนถูกเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบ และจับกุมได้ในข้อหา “เป็นบุคคลต่างด้าวหลีกเลี่ยงไม่ปฏิบัติตาม ขัดขืน หรือไม่ยอมรับทราบคำสั่งรัฐมนตรีฯ อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 82” ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.สส.บก.ตม.6 เพื่อดำเนินคดีและเพิกถอนการอนุญาตฯ (VISA) ตามกฎหมายต่อไป
สำหรับการตรวจสอบพบพิรุธความผิดปรกติของนายอามา เกิดจากการลงเก็บข้อมูลท้องถิ่น การสัมภาษณ์บุคคลใกล้เคียงที่พักอาศัย และทักษะการสื่อสารภาษาไทยของนายอามา ซึ่งจากข้อมูลในหนังสือเดินทางและระบบสารสนเทศฯ บ่งชี้ว่านายอามา เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรเป็นครั้งแรก แต่สามารถสื่อสารภาษาไทยได้เป็นอย่างดี และจากความร่วมมือของคนที่พักอาศัยใกล้เคียงแจ้งว่านายอามา อยู่ในประเทศไทยหลายปีแล้ว จึงนำไปสู่การรวบรวมข้อมูล และวิเคราะห์ ตรวจสอบเชิงลึกจนนำไปถึงการจับกุมในที่สุด
คดีที่ 2 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน กก.สส.บก.ตม.6 และ ตม.จว.สงขลา ได้ออกติดตามจับกุมเครือข่าย romance scam ซึ่งมีการหลอกลวงให้โอนเงินเข้าบัญชีของนายชาตรี ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้สืบทราบว่า นายชาตรี ทำงานอยู่ที่เกสท์เฮาส์ใน ต.หาดใหญ่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งเมื่อพบตัว นายชาตรีได้แจ้งแก่เจ้าหน้าที่ว่ามีคนผิวดำซึ่งเป็นลูกค้าของเกสเฮ้าท์ ซึ่งตนทำงานอยู่นั้นขอช่วยให้ตนเปิดบัญชีให้ และขณะตรวจสอบชายผิวดำยังคงอยู่ในห้อง จึงได้นำเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุม พบคือ นายคูทลัง สัญชาติเลโซโท เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย จึงได้จับกุมในข้อหา เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ นำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่เพื่อดำเนินคดี
จากการสืบสวนขยายผล พบว่า ห้องพักดังกล่าวมีชาวผิวดำคนหนึ่ง ชื่อ นายมาลากาชี่ ทราบชื่อภายหลังคือ นายออสชุควู อายุ 19 ปี สัญชาติไนจีเรีย และ นางสาวจริยา เป็นผู้ขอเปิดห้องพักเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2563 และประมาณต้นเดือนกรกฎาคม 2563 ผู้ต้องหาทั้งสองจึงได้รับ MR.KHUTLANG เข้าพักอาศัย ตม.จว.สงขลา จึงได้กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน กก.สส.บก.ตม.6 เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหาทั้งสองในความผิดฐาน ร่วมกันให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม
จากนั้น พนักงานสอบสวนได้ขออนุมัติศาลจังหวัดออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสอง และศาลอนุมัติตามหมายจับ ที่ 416/2563 และ 430/2563 ภายหลังศาลอนุมัติหมายจับ เจ้าหน้าที่ได้ติดตามจับกุมผู้ต้องหาทั้งสอง และมีผลการปฏิบัติ คือ 1. นายออสชุควู พบตัวที่ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ขณะพบตัว ทราบว่าเป็นบุคคลต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด จึงได้จับกุมแจ้งข้อหานำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ป่าตอง จ.ภูเก็ต ดำเนินคดี ขณะนี้อยู่ระหว่างผัดฟ้องฝากขัง พนักงานสอบสวนได้นำหมายจับอายัดตัวคนต่างด้าวไปยังเรือนจำจังหวัดภูเก็ตแล้ว
2. น.ส.จริยา ได้ติดตามจับกุมตัวได้ที่ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหา ร่วมกันให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยผิดกฎหมายพ้นจากการจับกุม ตามหมายจับของศาลจังหวัดสงขลา และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.สส.บก.ตม.6 ดำเนินคดี
ทั้งสองคดีอยู่ระหว่างการขยายผลเพิ่มเติมถึงความรู้เห็น เกี่ยวพันกับการให้นายชาตรี เปิดบัญชีเพื่อหลอกลวงผู้อื่นให้โอนเงินให้ ขณะนี้พบว่า ในการกดเงินจากเอทีเอ็มที่ได้ให้นายชาตรีกดเงินนั้น มีภาพของ นายมาลากาชี่ เป็นผู้นำเอทีเอ็ม ไปกดเงิน ซึ่งคดีฉ้อโกงอยู่ในความรับผิดชอบ พนักงานสอบสวน สภ.หาดใหญ่ และจะได้ดำเนินการติดตามผู้เสียหายเพื่อดำเนินคดีต่อไป
สำหรับการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาเพื่อท่องเที่ยวในประเทศไทย โดย พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีหมายจับตำรวจสากล หรือพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตราย ต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรม ข้ามชาติ ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี