เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2563 ที่ศาลาว่าการ กทม.มีตัวแทนประชาชนที่อาศัยอยู่ชุมชนหลังหมอชิตเก่า ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อคัดค้านการเวนคืนที่ดินเพื่อก่อสร้างทางยกระดับ หรือถนนลอยฟ้า เชื่อมโครงการคอมเพล็กช์ของเอกชน ที่ได้รับสัมปทานจากกรมธนารักษ์ บนพื้นที่หมอชิตเก่า โดย นางวิภารัตน์ ไชยนุกิจ เลขานุการผู้ว่าฯ กทม.เป็นตัวแทนรับหนังสือ
น.ส.วินินท์อร ปรีชาพินิจกุล ผู้แทนชุมชนหลังหมอชิตเก่า เปิดเผยว่า ที่มายื่นหนังสือวันนี้ เพื่อคัดค้านการเวนคืนที่ดินของประชาชนซอยพหลโยธิน 18/1 หลังหมอชิตเก่า เชื่อมทะลุยาวไปถึงถนนวิภาวดี ซอย 5 เพื่อนำไปสร้างทางถนนลอยฟ้า สำหรับใช้เป็นทางออกจากโครงการคอมเพล็กช์ของเอกชน เชื่อมกับทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ โดยอ้างว่าเพื่อเป็นทางเข้า - ออก ของสถานีรับส่งผู้โดยสาร หลังบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) ที่จะย้ายกลับมาอยู่ในโครงการนี้ เพราะนอกจากจะทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนต้องถูกเวนคืนที่ดินที่อยู่อาศัยแล้ว ยังขัดต่อหลักการพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนและการให้รัฐได้มาซึ่งอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ.2562 ที่ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า ต้องเป็นการเวนคืนเพื่อการเป็นสาธารณูปโภค การป้องกันประเทศ หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะอย่างอื่น แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ถนนลอยฟ้าที่จะสร้างขึ้นมานี้ น่าจะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับโครงการคอมเพล็กซ์ของเอกชนมากกว่า เพราะสัดส่วนการใช้ประโยชน์จากพื้นที่ของ บขส.เพียง 15% เท่านั้น ส่วนอีก 85% เป็นพื้นที่ที่ใช้ประโยชน์เพื่อการพาณิชย์ของเอกชน ที่จะทำเป็นศูนย์การค้า โรงแรม ศูนย์ประชุม เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ อาคารเช่าจอดรถ เป็นต้น
นอกจากนี้ การย้ายสถานีรถ บขส.กลับมาอยู่ในโครงการสัมปทานดังกล่าว น่าจะถูกนำมาใช้เป็นข้ออ้างความจำเป็นต้องมีการสร้างถนนลอยฟ้า เพื่อใช้เป็นทางเข้า-ออกจากโครงการคอมเพล็กซ์สู่ถนนวิภาวดีรังสิต และเชื่อมต่อกับทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์ สำหรับการสัญจรของรถ บขส.ทำให้ชาวบ้านที่อยู่ในแนวเขตถนนลอยฟ้า ต้องถูกเวนคืนที่ดิน ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ในท้องที่ แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร พ.ศ.2563 ประกาศไว้ ณ วันที่ 20 ส.ค.2563 จำนวน 35 แปลง รวมระยะทางกว่า 530 เมตร ซึ่งการเวนคืนที่ดินไม่เพียงแต่มีผลทำให้ประชาชนที่อยู่อาศัยตามแนวกำหนดเขตที่ดินที่จะเวนคืน ได้รับความเดือดร้อนเท่านั้น แต่ยังต้องใช้งบประมาณจากเงินภาษีของประชาชน มาเป็นค่าเวนคืนที่ดินและก่อสร้างถนนลอยฟ้า เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับโครงการเชิงพาณิชย์ของเอกชน ซึ่งอาจทำให้ต้องเสียเงินงบประมาณจากภาษีประชาชน รวมทั้งค่าเวนคืนที่ดินและค่าก่อสร้างประมาณ 2,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ชุมชนยืนยันไม่ได้คัดค้านโครงการคอมเพล็กช์ แต่คัดค้านการย้าย บขส.กลับมาที่หมอชิตเก่า และใช้เงินภาษีของประชาชนมาเวนคืนที่ดินและสร้างถนนลอยฟ้า เพื่อเอื้อเอกชนมากกว่า
น.ส.วินินท์อร ยังกล่าวอีกว่า การย้ายสถานีรับส่งผู้โดยสาร ของ บขส.กลับเข้ามากระจุกตัวบนพื้นที่หมอชิตเก่า จะสร้างความแออัดและสร้างปัญหาการจราจรให้กับพื้นที่โดยรอบบริเวณ ที่ปัจจุบันประสบปัญหาการจราจรติดขัดอย่างแสนสาหัส ทั้งในยามปกติและชั่วโมงเร่งด่วน โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลที่มีวันหยุดยาว จะมีประชาชนเดินทางเข้าเมืองจากทุกสารทิศมากระจุกตัว เพื่อมาใช้บริการรถโดยสาร บขส.เดินทางออกไปต่างจังหวัด นอกจากนี้ ยังจะสร้างมลพิษและเพิ่มปัญหาสิ่งแวดล้อมให้กับพื้นที่โดยรอบและใกล้เคียง ทั้งในระหว่างการก่อสร้าง และหลังก่อสร้างที่จะมีประชาชนแออัดเข้ามาใช้บริการ
สำหรับสถานีขนส่งหมอชิต 2 ที่ปัจจุบันตั้งอยู่บนถนนกำแพงเพชร 2 เป็นพื้นที่ที่มีความเหมาะสม กับการเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างรถโดยสาร และระบบราง ผ่านสถานีกลางบางซื่อซึ่งเป็นศูนย์กลางคมนาคมแห่งใหม่ รวมทั้งโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงที่จะเปิดบริการช่วงปี 2564 - 2565 ซึ่งอยู่ใกล้เคียงและเชื่อมต่อกับสถานี บขส.ที่หมอชิต 2 จะช่วยเพิ่มความสะดวก ลดปัญหาการจราจรที่ติดขัด และประหยัดเวลาในการเดินทาง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการขนส่งและการเดินทางของประชาชนมากกว่า โดยไม่มีเหตุผลความจำเป็นที่จะย้าย บขส.กลับมา ที่หมอชิตเก่า แต่อย่างใด ทั้งนี้ ทางชุมชนจะไปยื่นหนังสือคัดค้านยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกแห่ง หากไม่มีการดำเนินการใดๆ ท้ายสุดจะไปยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี