ก.ค.ศ.เปิดรับฟังความคิดเห็นกลุ่มผู้นำทางความคิด ผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย ผอ.สพท. ผู้นำองค์กรครู ศึกษานิเทศก์ ผอ.กศน.จังหวัด ผอ.โรงเรียนในเมืองและพื้นที่ห่างไกล ก่อนปรับปรุงระบบการประเมินวิทยฐานะ
เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2563 ที่ห้องประชุมจรูญ มิลินทร์ ชั้น 7 สำนักงาน ก.ค.ศ. อาคารรัชมังคลาภิเษก กระทรวงศึกษาธิการ นายประวิต เอราวรรณ์ รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (เลขาธิการ ก.ค.ศ.) เป็นประธานการประชุมรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับการปรับปรุงระบบมาตรฐานการประเมินวิทยฐานะ โดยมีกลุ่มผู้นำทางความคิด และผู้ที่เกี่ยวข้องผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย อาทิ ผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา ผู้นำองค์กรครู ศึกษานิเทศก์ ผู้อำนวยการ กศน.จังหวัด ผู้อำนวยการโรงเรียนทั้งโรงเรียนในเมืองและพื้นที่ห่างไกล เข้าร่วม
นายประวิต กล่าวภายหลังการประชุม ว่า ผู้เข้าร่วมประชุมส่วนใหญ่เห็นด้วยกับกรอบแนวคิดที่ ก.ค.ศ.พัฒนาหลักเกณฑ์การประเมินวิทยฐานะ และให้ข้อสังเกตุที่ดีว่าระบบวิทยฐานะใหม่จะสร้างแรงจูงใจให้กับครูในการที่จะพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง และนำไปสู่การพัฒนาตามที่ ก.ค.ศ.วางเจตนารมย์ในการพัฒนาลงไปที่คุณภาพผู้เรียนในหลักการ 4 ข้อ เช่น การลดความซ้ำซ้อน การประเมินผ่านระบบออนไลน์ การดูผลลับที่ผู้เรียน และดูการปฏิบัติงานจริง ซึ่งกรอบแนวคิดนี้ในที่ประชุมเห็นด้วย แต่ทั้งนี้ ที่ประชุมมีข้อสังเกตุที่อยากให้ ก.ค.ศ.พิจารณาอีกครั้ง คือขอให้ลดระยะเวลาลงมาจาก 5 ปี เพราะเห็นว่าเป็นระยะเวลาที่ยาวนานเกินไปอาจจะทำให้ไม่กระตุ้นแรงจูงใจให้เกิดการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
เลขาธิการ ก.ค.ศ.กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมเสนอให้หาวิธีการให้ครูที่มีความสามารถสูง หรือครูที่ทำงานอยู่ในภาวะยากลำบากและในพื้นที่ห่างไกลหรือถิ่นทุรกันดาร ครูที่มีสภาวะการทำงานไม่เหมือนกับครูปกติทั่วไป โดยเฉพาะครูที่ต้องดูแลเด็กในโรงเรียนพักนอน ครูในโรงเรียนการศึกษาพิเศษ ครู กศน.ซึ่งที่ประชุมเห็นว่าครูเหล่านี้ควรได้รับการลดระยะเวลาในการประเมิน ซึ่งทั้ง 2 ประเด็นนี้ ก.ค.ศ.เห็นด้วยและจะนำข้อเสนอนี้มาพิจารณาและอาจจะเป็นไปได้ที่จะลดระยะเวลาการประเมินลงมา
เลขาธิการ ก.ค.ศ.กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องผลลับผู้เรียน ซึ่งที่ประชุมเห็นด้วยว่าผลลับผู้เรียนไม่ใช่ดูที่ผลสัมฤทธิ์เพียงอย่างเดียว แต่ต้องดูทักษะในศตวรรษใหม่ และทักษะที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน ซึ่งเป็นทักษะในอนาคตที่จำเป็นต่อการจัดการศึกษา และที่ประชุมอยากให้เพิ่มเรื่องคุณธรรมจริยธรรม ซึ่งตนก็เห็นด้วยว่าจะต้องดูว่าครูผู้สอนได้สร้างคุณธรณมจริยธรรมให้กับเด็กมากน้อยเพียงใดด้วย ดังนั้น ก.ค.ศ.จึงมั่นใจมากขึ้นว่าหลักคิดและกรอบที่ ก.ค.ศ.กำลังวางนี้จะเป็นกรอบปฏิบัติเรื่องกรอบวิทยฐานะ จะเป็นที่ยอมรับ เพราะมีหลายๆ ภาคส่วนเข้ามาร่วมกันคิดในเบื้องต้น ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีในการพัฒนาระบบ
เลขาธิการ ก.ค.ศ.กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมได้หารือถึงการโยกย้ายผู้บริหารสถานศึกษาที่ผ่านมามีหลายจุดที่เกณฑ์การโยกย้ายผู้บริหารต้องการประปรุง เช่น เรื่องขนาดของโรงเรียน ตัวบ่งชี้การประเมินศักยภาพของผู้บริหาร ประสบการณ์ในการทำงาน ซึ่ง ก.ค.ศ.กำลังเก็บข้อมูลในประเด็นเหล่านี้เพื่อนำไปสู้การปรับปรุง ดังนั้น ข้อเสนอแนะจึงสอดคล้องกับ ก.ค.ศ.
"การประชุมวันนี้บรรยากาศดีมาก โดยส่วนตัวผมก็อยากให้ ก.ค.ศ.เราทำงานแบบเปิด คือมีการรับฟังความเห็นแล้วนำมาหาจุดที่ลงตัวเพื่อจะทำให้การยกระดับคุณภาพครูซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการยกระดับคุณภาพการศึกษาตามนโยบายของ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่อยากเห็นการศึกษายกกำลังสอง และหัวใจสำคัญก็คือครู ซึ่งถือเป็นหัวใจสำเร็จของความสำเร็จ ก.ค.ศ.จึงพยายามนำนโยบายนี้มาหาวิธีการในการดำเนินงานให้ดีที่สุด" เลขาธิการ ก.ค.ศ.กล่าว
นายประวิต กล่าวถึงการโยกย้ายผู้บริหารในรอบที่ผ่านมา ซึ่งที่ประชุมส่วนใหญ่เห็นด้วยกับหลักเกณฑ์ แต่มีจุดที่จะต้องปรับแก้ คือ เรื่องการกำหนดขนาดของสถานศึกษา ให้สามารถย้ายข้ามขนาดได้ กรณีไม่มีคนสมัครเข้าไป และตัวชี้วัดในการประเมินศักยภาพ นอกนั้น ทุกคนไม่คิดว่าจะเป็นปัญหา ส่วนการสอบครูผู้ช่วยในครั้งหน้า ยังคงใช้หลักเกณฑ์เดิม เพราะการปรับหลักเกณฑ์การสอบครูผู้ช่วยที่จะเป็นระบบใหญ่จริงๆ และเป็นระบบที่เราอยากเห็นการปฏิรูปจึงต้องใช้เวลา หากทำอย่างเร่งด่วนอาจจะมีจุดบกพร่อง จึงอยากรับฟังความคิดเห็น ผลวิเคราะ และมีข้อมูลงานวิจัยรองรับ และมีข้อมูลจากพื้นที่เข้ามา ซึ่งคิดว่าจะเป็นการสอบในรอบปลายปี 2564 ส่วนรอบที่ สพฐ.กำลังจะดำเนินการขอจัดสอบในรอบที่จะถึงนี้ เพื่อให้ได้ครูครบขั้นการเปิดภาคเรียนใหม่นี้ ยังคงใช้หลักเกณฑ์การสอบเดิม ซึ่งหลักเกณฑ์เดิมก็ไม่มีจุดบกพร่องถือเป็นเกณฑ์ที่ดีมาก เพียงแต่ ก.ค.ศ.อยากปรับปรุงพัฒนาระบบการบรรจุครูในอนาคต ที่อยากให้เชื่อมโยงกับการสอบใบอนุญาต ซึ่งตรงนี้ต้องใช้เวลา เกณฑ์ใหม่นี้อาจจะใช้ได้ในปี 2564
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี