6 พฤศจิกายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีการวิพากษ์วิจารณ์หลังมีผู้ใช้บริการ twitter ออกมาแฉเบื้องหลังการเลี้ยงจระเข้ของชายคนหนึ่ง ซึ่งตามข้อมูลระบุอยู่ในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองราชบุรี ที่โพสต์อ้างว่ารับเลี้ยงสุนัขจรจัด แต่สุดท้ายกับนำมาเป็นอาหารอย่างสุดเหี้ยม โยนสุนัขให้จระเข้กินทั้งที่ยังมีชีวิต หรือวางยาสลบสุนัข แล้วจับยัดกระสอบถ่วงน้ำให้ตาย ก่อนนำมาชำแหละเป็นอาหารจระเข้แทนไก่ดิบ พร้อมเล่าวิธีการเลี้ยงจระเข้ โดยระบุว่า ได้ไปซื้อลูกจระเข้มาเลี้ยง และให้อาหารเป็นไก่สดทุกวัน แต่ช่วงโควิด-19 ธุรกิจชะลอตัวลง หมุนเงินไม่ทัน จึงหาอาหารให้จระเข้ไม่ได้ จนไปเจอสุนัขจรจัดเห่าใส่ เลยเกิดไอเดียขึ้น
โดยชายคนนี้ยังมีการอ้างอีกว่า ได้ลองจับสุนัขจรจัดนำขึ้นรถกระบะกลับฟาร์ม ตอนแรกลองโยนสุนัขตัวนั้นลงบ่อจระเข้ไปทั้งตัว แต่ก็เกินคาด จระเข้แสดงท่าทีว่าชอบ สามารถกินได้ทั้งตัว ซึ่งติดปัญหาตรงที่สุนัขส่งเสียงร้อง กลัวว่าข้างบ้านจะสงสัย จึงคิดได้ว่าจะต้องทำให้หมาตายก่อน จากนั้นจึงตระเวนหาสุนัขจรจัด และผสมยาสลบใส่ในอาหาร เมื่อสุนัขสลบก็จับขึ้นรถกลับฟาร์ม ก่อนจับยัดใส่กระสอบ และถ่วงน้ำจนตาย ก่อนชำแหละเป็นชิ้นๆ ซึ่งมีการอ้างว่าสามารถลดต้นทุนได้เป็นอย่างดี โดยแต่ละวันจะเอาสุนัขที่ถูกชำแหละเตรียมไว้ ให้เป็นอาหารของจระเข้ในทุกเช้า หากวันไหนหาสุนัขจรจัดไม่ได้ ก็จะใช้แมวแทน จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงความโหดร้ายทารุณ และร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้าไปตรวจสอบ
ล่าสุดวันนี้ นายประวิทย์ ละออบุตร ประมงจังหวัดราชบุรี ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบไปฟังฟาร์มเลี้ยงจระเข้ที่ได้ขึ้นทะเบียนทั้งหมด 41 ฟาร์ม ในจังหวัดราชบุรี พร้อมทั้งตรวจสอบรายชื่อฟาร์มที่ระบุว่า “โชคชัย ราชบุรี” ตามที่ปรากฏที่เป็นข่าวหรือไม่ พร้อมทั้งนำเจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบฟาร์มเลี้ยงจระเข้ ในเขตพื้นที่อำเภอเมืองราชบุรี อำเภอดำเนินสะดวก และ อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี ซึ่งถูกระบุในพื้นที่ที่อยู่และพิกัดของชายหนุ่มเจ้าของ facebook และ twitter ที่ใช้ชื่อ “โชคชัย ใจสั่งมา” คนดังกล่าว
นายประวิทย์ ประมงจังหวัดราชบุรี เปิดเผยว่า จากการที่ให้ทางเจ้าหน้าที่ประมงทุกอำเภอตรวจสอบฟาร์มเลี้ยงจระเข้ ในจังหวัดราชบุรี ซึ่งมีเกษตรกรผู้เพราะเลี้ยงจระเข้จำนวน 41 ฟาร์ม มีจระเข้ทั้งหมด 47,000 กว่าตัว ซึ่งอยู่ในการควบคุมของเราทั้งหมด และไม่พบฟาร์มจระเข้ตามที่ปรากฏเป็นข่าวแต่อย่างใด ทางประมงจะมีการตรวจสอบเป็นระยะ เพราะเกษตรกรผู้เพราะเลี้ยงจระเข้จะต้องมีการต่ออายุทุก 3 ปี ทุกครั้งที่จะมีการต่ออายุเจ้าหน้าที่ของสำนักงานประมงจะต้องเข้าไปตรวจสอบก่อนทุกครั้ง ซึ่งฟาร์มส่วนใหญ่จะเลี้ยงด้วยไก่ และซากหมูตายเป็นส่วนใหญ่ ทั้งนี้ตนได้ให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเข้าไปยังผู้ใช้บริการ facebook และ twitter ที่ใช้ชื่อ “โชคชัย ใจสั่งมา” ก็ไม่พบข้อมูลที่ยืนยันตัวตนจริง ว่าเป็นเกษตรกรผู้เพราะเลี้ยงจระเข้ในจังหวัดราชบุรี จากหมายเลขโทรศัพท์ที่ก่อนหน้าที่ได้มีการโพสต์เพื่อรับเลี้ยงสุนัขจรจัด ซึ่งโทรติด แต่ไม่มีผู้รับสาย
ทั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่เราก็ไม่มีอำนาจในการที่จะไปขอตรวจโดยละเอียดว่าใช้บุคคลดังกล่าวจริงหรือไม่ เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความและแจ้งเรื่องมายังสำนักงานแต่อย่างไร ทำให้แต่เพียงเข้าไปตรวจสอบพากพบว่ามีการลักรอบการเพราะเลี้ยงจระเข้ก็จะสามารถดำเนินคดีตามกฎหมายได้ทันที ในกรณีที่ไม่มีใบอนุญาตครอบครองทันที เพราะจระเข้เป็นสัตว์ควบคุมต้องมีการขออนุญาตในการครอบครอง สำหรับโทษหากมีการฝ่าฝืน จะมีกฎหมาย 2 ฉบับ ตามพระราชกำหนดสัตว์ป่าสงวน มีโทษปรับไม่เกิน 100,000 บาท จำคุกไม่เกิน 1 ปี กับตามพระราชบัญญัติของกรมประมง พ.ศ.2558 และพระราชบัญญัติของกรมประมง (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 ทั้ง 2 ฉบับ ประตั้งแต่ 10,000 บาท จำคุกไม่เกิน 1 ปี
นายประวิทย์ ประมงจังหวัดราชบุรี กล่าวอีกว่า สำหรับประชาชนทั่วไทยที่จะเลี้ยงจระเข้ไว้ในครอบครองต้องมาขึ้นทะเบียนที่สำนักงานประมง และไม่ควรริทำตามที่ปรากฏอยู่ในโซเชียล เพราะเป็นเรื่องที่ทารุณกรรมสัตว์ และมีโทษตามกฎหมาย พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์ มีโทษจำคุก 2 ปี ปรับไม่เกิน 40,000 หรือทั้งจำทั้งปรับ นอกจากนี้ยังมีความผิดตามกฎหมายตามพระราชกำหนดสัตว์ป่าสงวน และพระราชบัญญัติของกรมประมง ทั้ง 2 ฉบับ ด้วย หากประชาชนพบเห็นสามารถแจ้งมาได้ที่สำนักงานประมงจังหวัดราชบุรี
ด้านนายพรชัย เตรียมพาณิชย์ เกษตรกรผู้เลี้ยงจระเข้ คู่กับการเลี้ยงสุกร ซึ่งอยู่ในพื้นที่อำเภอเมืองราชบุรี กล่าวว่า ตนเองเลี้ยงจระเข้ มากว่า 30-40 ปีแล้ว ปัจจุบันมีจระเข้ประมาณ 2000 กว่าตัว โดยเลี้ยงซากหมูที่ตายเป็นอาหารหากไม่พอก็จะซื้อโครงไก่หรือหัวมาเลี้ยงบ้าง ส่วนกรณีที่นำสุนัขจรจัดมาเป็นอาหารตนในฐานะเลี้ยงจระเข้มานานมีความคิดเห็นว่าไม่สมควร เพราะเหมือนเป็นการทารุณกรรมสัตว์ ถามว่าเลี้ยงได้ไม้ก็เลี้ยงได้เพราะจระเข้กินเนื้อสดแต่เป็นส่วนน้อยซึ่งก็ไม่ถึง 1% และไม่มีใครจะนำสุนัขมาเป็นอาหาร
อย่างไรก็ดีผู้สื่อข่าวได้พยายามตรวจสอบไปตามแหล่งข้อมูลทาง facebook และ twitter พบว่ามี ภาพดังกล่าวที่ชายหนุ่มคนดังกล่าวนำมาโพสต์นั้น ล้วนแต่นำมาจากในอินเทอร์เน็ต และเบอร์โทรที่ใส่ไว้ใน Facebook ไม่สามารถติดต่อได้ชื่อโปรไฟล์ของ Facebook ไม่มีในระบบทะเบียนราษฎร์ และภาพทั้งหมดนำมาจากอินเทอร์เน็ต พร้อมกันนี้ทางมูลนิธิเดอะวอยซ์ “thevoicefoundation” ได้รับการแจ้งข้อมูลของทางลูกเพจ เป็นเรื่องเกี่ยวกับการทารุณกรรมสัตว์ เผยแพร่ความรุนแรงผ่านทางโซเชียล
โดยทางมูลนิธิเดอะวอยซ์ ไม่ได้นิ่งนอนใจ อยากขอความร่วมมือทุกท่าน ไม่แชร์ ไม่สนับสนุนความรุนแรง นำตัวคนผิดมาทำโทษ ทางมูลนิธิได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายคดีความประจำมูลนิธิ เข้าลงบันทึกประจำวันไว้ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิด เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโน โลยี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา อาคาร B ชั้น 4 ถ.แจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ กทม. ในวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563 แล้ว หากท่านใดทราบต้น โพสต์ที่แม้จริง หรือทราบตัวคนกระทำ แจ้งเบาะแสมาที่ line id: @thevoicecenter
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี