พายุหว่ามก๋อจ่อถล่มไทย
เตือน9จว.ภาคใต้ฝนหนัก
อุตุฯเตือนพายุโซนร้อน “หว่ามก๋อ” เคลื่อนเข้าเวียดนาม15 พฤศจิกายน ก่อนกระทบถึงไทย ให้พร้อมเฝ้าระวัง ส่วนสภาพอากาศทั่วไทยหนาวเย็น อุณหภูมิลดลง 1-3 องศาฯ กทม.-ปริมณฑลวัดได้ 21 องศาฯ
เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเรื่องพายุโซนร้อนรุนแรง‘หว่ามก๋อ’ (พายุระดับ 4) ฉบับที่1 ว่าพายุโซนร้อนรุนแรงหว่ามก๋อ บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 100กิโลเมตรต่อชั่วโมง กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกด้วยความเร็วประมาณ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะทวีกำลังแรงขึ้นและเคลื่อนเข้าใกล้ชายฝั่งประเทศเวียดนามประมาณวันที่ 15พฤศจิกายนนี้ จากนั้นจะอ่อนกำลังลงตามลำดับ จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา
ส่วนพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนแผ่ปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลงอีก 1-3 องศาเซลเซียส ส่วนบริเวณยอดดอยและยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด ขอให้ประชาชนบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือดูแลสุขภาพเนื่องจากอากาศที่หนาวเย็น
สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณอ่าวไทยและภาคใต้ ส่งผลทำให้บริเวณภาคใต้มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรง คลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 3เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่ง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองในช่วงวันที่ 12-14 พฤศจิกายนนี้
ทั้งนี้ ภาคเหนือ อากาศเย็นถึงหนาว กับมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลง 1-3องศาเซลเซียส โดยมีฝนร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ จ.สุโขทัย พิจิตรกำแพงเพชร ตาก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 12-19องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส ยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-12องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็นกับมีลมแรง โดยมีฝนร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ จ.นครราชสีมา บุรีรัมย์ และสุรินทร์ อุณหภูมิต่ำสุด 18-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26-29 องศาเซลเซียส ยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภาคกลาง อากาศเย็นกับมีลมแรง โดยมีฝนร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ จ.สระบุรี ลพบุรี พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สุพรรณบุรี ราชบุรี และนครปฐม อุณหภูมิต่ำสุด 19-21 องศาเซลเซียส
อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ภาคตะวันออก อากาศเย็นกับมีลมแรง โดยมีฝนร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณ จ.นครนายก ปราจีนบุรี ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-30 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงกว่า 2เมตร ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) เมฆมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 3เมตร ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) เมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กิโลเมตร/ชั่วโมง ทะเลมีคลื่นสูง 1-2เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2เมตร กทม.และปริมณฑล อากาศเย็นกับมีลมแรง โดยมีฝนร้อยละ20ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 21-22องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ขณะที่น.ส.พะเยาว์ เมืองงาม ผอ.ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก จ.สงขลา เปิดเผยว่า ทางศูนย์อุตุนิยมวิทยาฯ ได้ออกประกาศฉบับที่ 4 (63/2563) เรื่อง ฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออก เนื่องจากความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้มีกำลังแรงประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณอ่าวไทย ทำให้ช่วงวันที่ 12-13พฤศจิกายนนี้ บริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกมีฝนเกือบทั่วไปและมีฝนหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลาและนราธิวาส ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณจังหวัดดังกล่าวระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและปริมาณน้ำฝนตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง คลื่นลมอ่าวไทยจะมีกำลังแรง ทะเลมีคลื่นสูง 2-3เมตร ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 12-13พฤศจิกายนนี้
ด้าน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำไหลหลาก ดินสไลด์ และวาตภัย ในพื้นที่ 36จังหวัด รวม 162อำเภอ 582ตำบล 2,549หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 93,928 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิต 11ราย บาดเจ็บ 4ราย ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วมขังใน 2 จังหวัด ได้แก่ จ.นครราชสีมา และสุพรรณบุรี ซึ่ง ปภ.ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยและคลี่คลายสถานการณ์ โดยเร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขัง และสำรวจความเสียหายครอบคลุมทุกด้าน เพื่อให้การช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลัง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี