กรมอุตุฯ เตือน พายุ “คัลแมกี”ส่งผลให้ไทย มีฝนตกชุก 4-6 พฤศจิกายนนี้ ในหลายพื้นที่ ส่วน 10-11 พฤศจิกายน มวลอากาศเย็นเริ่มแผ่ปกคลุม ทำให้อากาศเย็นตอนเช้า

เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน กรมอุตุนิยมวิทยา รายงาน เส้นทางพายุโซนร้อน “คัลแมกี” (KALMAEGI) ตะวันตก (ทางตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์) กำลังเคลื่อนตัวทางตะวันตก คาดว่าจะเคลื่อนผ่านตอนกลางประเทศฟิลิปปินส์ ลงสู่ทะเลจีนใต้และช่วงวันที่ 6-8 พฤศจิกายน 2568 จะเคลื่อนตัวเข้าใกล้ฝั่งประเทศเวียดนาม แต่พอมาปะทะอากาศเย็น จะอ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็ว ยังต้องติดตามเป็นระยะๆ เนื่องจากทิศทางและกำลังพายุยังเปลี่ยนแปลง

สำหรับพายุ “คัลแมกี” (KALMAEGI) หมายถึง นกนางนวล ตั้งชื่อโดยสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี เป็นพายุลูกที่ 25 จากการนับจำนวนพายุของ RSMC โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

โดยช่วง 1-2 วันนี้ ยังมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณภาคเหนือด้านตะวันตก ภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก กทม. ปริมณฑล และภาคใต้ตอนบน ต้องระวังฝน ระวังรักษาสุขภาพจากอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนเกษตรกรที่กำลังเก็บเกี่ยวผลผลิต หรือตากผลผลิต ต้องเตรียมป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในระยะนี้

ขณะที่ช่วงวันที่ 4- 9 พฤศจิกายน 2568 มวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจะแผ่ลงมาปกคลุมไทยตอนบนอีกครั้ง ฝนเริ่มลดลงแต่ยังมีเกิดขึ้นบางแห่ง และติดตามพายุในมหาสมุทรแปซิฟิก กำลังเคลื่อนตัวทางตะวันตก คาดว่าจะเคลื่อนผ่านตอนกลางประเทศฟิลิปปินส์ ลงสู่ทะเลจีนใต้ และช่วงวันที่ 6-8 พฤศจิกายน 2568 จะเคลื่อนตัวเข้าใกล้ฝั่งประเทศเวียดนาม แต่พอมาปะทะอากาศเย็น จะอ่อนกำลังลงอย่างรวดเร็ว ยังต้องติดตามเป็นระยะๆ เนื่องจากทิศทางและกำลังพายุยังเปลี่ยนแปลง

ส่วนช่วงวันที่ 10 -11 พฤศจิกายน 2568 มวลอากาศเย็นเริ่มแผ่มาปกคลุมประเทศไทยตอนบน เป็นระบบมากขึ้น อากาศจะเริ่มเย็นในตอนเช้า ฝนลดลง ยังมีฝนบางแห่งในภาคกลางตอนล่าง ภาคตะวันออก รวมทั้ง กทม.และปริมณฑล

ด้าน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงสถานการณ์ฝนตกคืนที่ผ่านมา จนทำให้น้ำท่วมขังหลายพื้นที่ พร้อมรับฟังรายงานอัปเดต ว่าฝนตกหนักมาก เมื่อคืนได้มอนิเตอร์อยู่ ฝนหยุดประมาณช่วง 01.00 น.วันเดียวกันนี้ โดยศูนย์ป้องกันน้ำท่วมกรุงเทพมหานคร ดินแดง ตรวจวัดฝนที่ตก มีปริมาณฝนรวมสูงสุดที่จุดวัดศูนย์ราชการ-ถนนแจ้งวัฒนะ เขตหลักสี่ 131.5 มม.จุดวัดสำนักงานเขตบางนา 116.5 มม.จุดวัดสำนักงานเขตพระโขนง 115.5 มม.จุดวัดสถานีสูบน้ำพระโขนง เขตคลองเตย 105.5 มม.จุดวัดสถานีสูบน้ำรัชดา-วิภาวดี เขตจตุจักร 96.0 มม.จุดวัดสำนักงานเขตวังทองหลาง 89.0 มม.ซึ่งท่อระบายน้ำของ กทม.ออกแบบให้รองรับปริมาณฝนตกที่ 60 มม.เมื่อดูปริมาณฝนสะสมย้อนไป 12 ชั่วโมง พบว่าส่วนใหญ่ฝนจะตกหนักอยู่ในพื้นที่ฝั่งตะวันออก ส่วนฝั่งธนบุรี ก็มีฝนตกอยู่บ้าง แต่ไม่เท่ากับฝั่งตะวันออก

ที่ จ.ชลบุรี ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเขตเมืองพัทยา มีฝนตกอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้หลายพื้นที่น้ำท่วมขัง โดยเฉพาะถนนสุขุมวิท ช่วงพัทยาเหนือ ไปแยกพัทยาใต้ ทั้งขาเข้าและขาออก ระดับน้ำสูงเกือบถึงเอว รถยนต์เล็กไม่สามารถผ่านได้ บางรายพยายามขับฝ่า ทำให้จมน้ำเกือบครึ่งคัน โดยมีตำรวจจราจร สภ.เมืองพัทยา ได้ออกมาอำนวยความสะดวก และคอยช่วยเหลือประชาชน นอกจากนี้ทางเมืองพัทยา อยู่ระหว่างเร่งระบายน้ำอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม ระดับน้ำได้เริ่มลดลงแล้ว คาดว่าจะใช้เวลาไม่นานก็จะกลับสู่ภาวะปกติ

ส่วนที่ จ.กาญจนบุรี นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา ผวจ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้หัวหน้าส่วนราชการทุกแห่ง เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก ตามที่กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง แจ้งว่าให้เฝ้าระวังสถานการณ์ในพื้นที่ อ.ทองผาภูมิ อ.ไทรโยค อ.บ่อพลอย อ.พนมทวน อ.ศรีสวัสดิ์ อ.สังขละบุรี อ.หนองปรือ และ อ.ห้วยกระเจา โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำขนาดกลางและเล็ก ที่มีปริมาณน้ำมากกว่าร้อยละ 80 ของความจุ เสี่ยงน้ำล้นอ่างฯ ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ด้านท้ายอ่างฯ

นายศิริรัตน์ บำรุงเสนา นายอำเภอศรีสวัสดิ์ ได้เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วม เนื่องจากมีฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน จนน้ำระบายไม่ทัน เช่น รพ.ท่ากระดาน เกิดน้ำท่วมจนจำเป็นต้องย้ายผู้ป่วยบางส่วนไปรักษาต่อที่ รพ.พหลพลพยุหเสนา ขณะที่ปัญหาหม้อแปลงไฟฟ้าที่ได้รับผลกระทบจนทำให้ไฟฟ้าดับ ทางเจ้าหน้าที่การไฟฟ้าฯ ได้เร่งแก้ปัญหาแล้ว

ขณะที่นายสุนทร หงษ์ทอง นักสาธารณสุขชำนาญการ รักษาราชการแทนสาธารณสุข อ.ศรีสวัสดิ์ ฝากประชาสัมพันธ์ว่า ขณะนี้ รพ.ท่ากระดาน ประสบปัญหาน้ำท่วม บริเวณด้านหลัง และไฟฟ้าดับ จึงรับคนไข้กรณีฉุกเฉินได้ที่ห้องฉุกเฉินเท่านั้น และห้ามเข้าไปบริเวณอื่นเนื่องจากอาจเกิดกระแสไฟฟ้ารั่วได้

ต่อมา ผวจ.กาญจนบุรี พร้อมด้วยเหล่ากาชาดจังหวัด ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและมอบถุงยังชีพให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม ในพื้นที่ ต.หนองกุ่ม ต.บ่อพลอย ต.หนองรี ต.ช่องด่าน และ ต.หลุมรัง ประมาณ 30 หมู่บ้าน มีครัวเรือนที่ได้รับความเดือดร้อนประมาณ 250 ครัวเรือน จากนั้นในเวลา 12.30 น.นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ รมช.มหาดไทย พร้อมคณะ ได้เดินทางเข้าเยี่ยมและมอบสิ่งของให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัยใน อ.หนองปรือ

อีกด้านหนึ่ง ที่ จ.อุทัยธานี ได้เกิดน้ำป่าไหลหลากช่วงคืนที่ผ่ามา หลังจากมีฝนตกหนักต่อเนื่อง โดยพื้นที่ ต.ระบำ อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี สะพานขาดหลายจุดไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ส่วนที่บ้านเขาคีรีวงศ์ พบว่ามีบ้านพักชายสูงวัย ถูกกระแสน้ำพัดรุนแรงเข้าตัวบ้านจนได้รับความเสียหาย และไม่สามารถออกจากบ้านได้ จึงมีการประสานขอความช่วยเหลือ ซึ่งนายชาดา ไทยเศรษฐ สส.อุทัยธานี เขต 2 ได้เข้าช่วยเหลือชายสูงวัยดังกล่าวช่วงกลางดึก จนออกจากบ้านได้อย่างปลอดภัย

ส่วนที่บ้านท่าน้ำมะนาว ต.ระบำ อ.ลานสัก บริเวณสะพานเส้นทางสัญจรถูกกระแสน้ำป่าซัดจนขาด บ้านเรือนถูกน้ำท่วม และมีพื้นที่การเกษตรเสียหายกว่า 10 ไร่ โดยนายอนุพันธ์ สารสุวรรณ์ กำนัน ต.ระบำ พร้อมคณะ ได้เร่งลงพื้นที่จุดสะพานขาด เพื่อซ่อมแซม ปรับสภาพพื้นดิน และทำแนวกั้นชั่วคราว เพื่อแจ้งเตือนห้ามสัญจรผ่าน จนกว่าจะดำเนินการซ่อมแล้วเสร็จ