ร.ต.อ.อรุณ สวัสดี ผู้แทนราษฎรจังหวัดสงขลา เขต 5 พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า คนในพื้นที่ 4 อำเภอ ของสงขลาในคาบสมุทรสทิงพระ คือ อ.ระโนด กระแสสินธุ์สทิงพระ และ สิงหนคร ต้องการที่จะย่นระยะทางในการเดินทางไปยัง จ.พัทลุง ด้วยสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา ระหว่าง ต.เกาะใหญ่ อ.กระแสสินธุ์-ต.จองถนน อ.เขาไชยสน จ.พัทลุง มาเป็นเวลานานแล้ว เพราะจะเป็นการย่นระยะทางจาก 90 กิโลเมตร เหลือเพียง 7-8 กิโลเมตร และจากการใช้เวลา 2 ชั่วโมง เหลือเพียง 10-15 นาทีเท่านั้น
และจากการที่ตนได้ผลักดันการสร้างสะพานเชื่อมระหว่าง 2 จังหวัดแห่งนี้ผ่านพรรคพลังประชารัฐ รวมทั้งได้รับการสนับสนุนจาก รมต.กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายพิพัฒน์รัชกิจประการ และ นางนาที รัชกิจประการอดีต สส.บัญชีรายชื่อ จ.พัทลุง และพรรคภูมิใจที่เห็นถึงความสำคัญของการคมนาคมของประชาชนใน 2 จังหวัด ซึ่งในฐานะที่เป็น สส.ต่างพรรคแต่เห็นประโยชน์ของการพัฒนาที่ตรงกัน จึงขอขอบคุณ รมต.การท่องเที่ยวและกีฬา และนางนาที รัชกิจประการ ด้วย
ในขณะที่นายไกวัลย์ โรจนานุกูล รองอธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) เปิดเผยว่า การนำคณะลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นประชาชนครั้งที่ 2 โครงการศึกษาความเหมาะสม ผลกระทบสิ่งแวดล้อมในขั้นรายละเอียด (EIA) ก่อสร้างสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา ต.เกาะใหญ่ อ.กระแสสินธุ์ จ.สงขลา-ต.จองถนน อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง
จากประชาชนรวม 7 ตำบล 5 อำเภอประกอบด้วย ต.เกาะใหญ่ ต.เชิงแส ต.กระแสสินธุ์ ต.โรง อ.กระแสสินธุ์ อ.สทิงพระ จ.สงขลา และพื้นที่ ต.จองถนนต.เขาชัยสน ต.หานโพธิ์ อ.เขาชัยสน อ.โคกม่วงอ.ควนขนุน และอ.บางแก้ว จ.พัทลุง เมื่อวันที่ 11-12 ต.ค. ที่ผ่านมา
ผลการจัดประชุมทั้ง 2 วันพบว่าประชาชน 2 พื้นที่ ทั้ง จ.สงขลา และ จ.พัทลุงส่วนใหญ่เห็นด้วยอยากให้เร่งโครงการเพราะรอคอยมากว่า 10 ปี หากแล้วเสร็จจะช่วยให้การเดินทางสะดวก รวดเร็วร่นระยะทางจาก จ.สงขลา ไปพัทลุงเดิม 90 กม. เหลือประมาณ 6-7 กม. และลดเวลาเดินทางราว 2 ชม. เหลือเพียง 10-15 นาทีเท่านั้นรวมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวรอบพื้นที่ทะเลสาบสงขลาทั้งแบบเชิงธรรมชาติและประวัติศาสตร์
นายไกวัลย์กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามประชาชนบางส่วนยังมีข้อกังวลเรื่องผลกระทบสิ่งแวดล้อมเพราะพื้นที่โครงการอยู่ใกล้เกาะสี่เกาะห้าที่อยู่อาศัยของนกนางแอ่นจำนวนมาก ซึ่งทางหลวงชนบทและที่ปรึกษาตระหนักถึงข้อกังวลของประชาชนอยู่แล้ว จะหามาตรการลดผลกระทบให้มากที่สุด จะนำความคิดเห็นไปปรับปรุงผลการศึกษาให้สมบูรณ์ที่สุด
โครงการใช้เวลาศึกษาตั้งแต่ เม.ย.2563-พ.ค.2564 ด้วยงบศึกษา 27 ล้านบาทเมื่อผลการศึกษาแล้วเสร็จจะนำเสนอสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(สผ.) พิจารณาเห็นชอบต่อไป ขณะเดียวกันจะเร่งรัดโครงการโดยของบประมาณปี 2565 วงเงินเบื้องต้นประมาณ 4,000 ล้านบาท ใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี เปิดบริการปี 2568
คาดการณ์ปริมาณจราจรที่เปิดใช้งานปีแรก 15,000 คันต่อวัน แนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเพราะสะพานเชื่อมทางหลวงทั้ง 2 จังหวัด ได้แก่ จ.สงขลา เชื่อม ทล. 408 สายนครศรีธรรมราช-ด่านประกอบ และ จ.พัทลุง เชื่อมทางหลวง 4 (เพชรเกษม) ทำให้เดินทางสะดวกขึ้น
สำหรับโครงการเป็นสะพานก่อสร้างใหม่ ข้ามทะเลสาบสงขลา ขนาด 2 ช่อง ไป-กลับไหล่ทางกว้างประมาณ 3 เมตร พร้อมถนนเชื่อมต่อถนนรอบทะเลสาบสงขลาจุดเริ่มต้นจากทางหลวงชนบท พื้นที่ 4004 ต.จองถนนอ.เขาชัยสน จ.พัทลุง ที่ประมาณกม.3+000 แนวพื้นที่ศึกษามุ่งไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือข้ามทะเลสาบสงขลา บรรจบถนน อบจ.สงขลา ต.เกาะใหญ่ อ.กระแสสินธุ์ จ.สงขลา ขนาด 2 ช่องจราจรไป-กลับ
เดิมทางหลวงชนบทประมาณค่าก่อสร้างไว้ที่ 3 พันล้านบาท สาเหตุที่วงเงินเพิ่มขึ้น 1 พันล้าน จาก 3 สาเหตุ คือแบบร่างผลการศึกษาล่าสุดพบว่าระยะทางเพิ่มจาก 6 กม. เป็น 7 กม. ต้องปรับแบบโครงสร้างช่วงข้ามทะเลสาบให้สูงขึ้นรองรับเรือลอดใต้สะพานและต้องปรับลด ตอม่อลงทะเลสาบเพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม
สส.เขต 5 พรรคพลังประชารัฐ กล่าวปิดท้ายว่า ผลจากการที่คนในพื้นที่ ตัดสินใจเปลี่ยนผู้แทนทั้งใน จ.สงขลา และ จ.พัทลุง ได้ทำให้ความฝัน ความต้องการของประชาชนเป็นความจริงเสียที หลังจากที่รอคอยมานานเป็น 10 ปี ซึ่งหากโครงการนี้แล้วเสร็จ นอกจากจะย่นระยะทางการเดินทางแล้ง ยังจะทำให้เกิดประโยชน์กับการท่องเที่ยว การค้า การลงทุน รวมทั้งคนในพื้นที่ซึ่งมีอาชีพประมง และเกษตร ก็ได้รับประโยชน์ตามไปด้วย
ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี