ครอบครัว “บังบัส” เหยื่อวิสามัญ พร้อมชาวบ้าน เตรียมพร้อมบุกศาลากลางจังหวัด ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมผู้ว่าฯ หลังครบข้อตกลง 15 วันคลี่คลายคดีกลับไม่คืบหน้า มีเพียงหนังสือขอยืดเวลาเพิ่มอีก 15 วัน หวั่นเงียบหายพี่ชายตายฟรี ลั่นขอเปลี่ยนชุดทำคดี ไม่ขอเคลียร์ คนผิดต้องติดคุก
น.ส.เมนี่ รัชพูมาด เปิดเผยความคืบหน้าคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจวิสามัญฆาตกรรม นายเจริญศักดิ์ รัชพูมาด หรือ บังบัส (พี่ชาย) เมื่อเย็นวันที่ 1 พ.ย.63 ภายในสวนยางพารา หมู่ที่ 3 ต.หินตก อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช โดยย้ำว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการกระทำที่โหดร้ายทารุณของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ รักษากฎหมาย ดูแลและปกป้องความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน แต่กลับปฏิบัติอย่างไร้มนุษยธรรม
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 5 พ.ย.63 ที่ผ่านมา ตนเองพร้อมครอบครัว และพยานผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ ได้เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.ร่อนพิบูลย์ เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ด.ต.วิทยา เอกบุตร พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดวิสามัญ โดยทางพนักงานสอบสวนได้รับแจ้งความพร้อมสอบพยาน 4 ปาก รวมถึงให้ระบุยืนยันชี้ตัวบุคคลตามภาพถ่ายอ้างอิงของผู้ต้องหาที่ก่อเหตุ ซึ่งตรงกันว่าเป็น ด.ต.วิทยา เอกบุตร ซึ่งพนักงานสอบสวนขอระยะเวลาสืบสวนสอบสวนทำคดี 15 วัน มีกำหนดครบในวันนี้ (20 พ.ย.63) แต่คดีกลับไม่มีความคืบหน้า มีเพียงหนังสือฉบับเดียวที่ส่งมาจาก พ.ต.อ.สงบ จันทร์สิงห์ ผกก.สภ.ร่อนพิบูลย์ ที่ขอยืดระยะเวลาให้เจ้าหน้าที่ชุดสอบสวนทำงานต่อไปอีก 15 วัน และจะแจ้งผลให้ทราบอีกครั้งในวันที่ 1 ธ.ค.63 ทำให้หวั่นเกรงว่าคดีของพี่ชายจะไม่ได้รับความเป็นธรรม และจะค่อย ๆ เงียบหายไปในที่สุด
น.ส.เมนี่ รัชพูมาด เปิดเผยต่อว่า ตอนนี้ครอบครัวได้แต่งตั้งทนายความที่มีฝีมือให้เข้ามาดูแล เพื่อฟ้องร้องเอาผิดทั้งในทางแพ่งและอาญา ขอยืนยันว่าจะเดินหน้าต่อสู้คดีให้ถึงที่สุด จะทวงความเป็นธรรมกลับคืนมาให้พี่ชายและครอบครัวให้จงได้ จะไม่มีการเจรจาต่อรองหรือเคลียร์ในทุกรูปแบบ โดยเฉพาะเงินที่ครอบครัวไม่ต้องการ สิ่งเดียวที่จะเดินหน้าคือ 'ความถูกต้องและความเป็นธรรม' คนผิดต้องได้รับกรรม คนกระทำต้องได้รับโทษ แม้ที่ผ่านมา มีผู้ไม่พึงประสงค์มากหน้าหลายตา ทั้งที่มีตัวตนและบุคคลลึกลับพยายามติดต่อขอเจราจาพูดคุย พร้อมแนะนำช่องทางต่าง ๆ เพื่อให้คดียุติลงด้วยดีก็ตาม แต่จะขอเดินเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมจนถึงที่สุด
น้องสาวบังบัส เหยื่อตำรวจวิสามัญฆาตกรรม กล่าวต่อว่า ขณะนี้กำลังเตรียมความพร้อมที่จะเข้าขอความเป็นธรรมต่อผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช และผู้บังคับการตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช โดยมีกลุ่มญาติและพี่น้องชาวบ้านที่เห็นอกเห็นใจจำนวนมาก รวมถึงครอบครัวของผู้เสียชีวิตอีกราย ที่ได้รับผลจากการกระทำของตำรวจชุดปราบปรามยาเสพติด สภ.เมืองนครศรีธรรมราช หลังบุกเข้าจับกุมกลุ่มวัยรุ่นที่ตั้งวงเสพน้ำพืชกระท่อมกันอยู่ ในทาวน์เฮ้าส์ เลขที่ 48/7 ซอยทิพย์จักษุ ถนนพัฒนาการคูขวาง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 6 พ.ย.63 ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้นายทรงพล หรือนิว กิตติบูรณพันธ์ หนุ่ม "ฟู้ดแพนด้า” เสียหลักพลัดตกลงมาจากชั้น 2 ของอาคาร และถูกเหล็กรั้วแหลมของประตูเสียบเข้าที่หน้าอกเสียชีวิต หลังเกิดความกลัวและตกใจวิ่งหนีการจับกุม
ซึ่งทางครอบครัวมองว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุของตำรวจเช่นกัน จึงต้องการจะเข้าร่วมแสดงพลังเรียกร้องทวงความเป็นธรรมคืนสู่สังคมและครอบครัว โดยหยิบยกทั้ง 2 คดีมาเป็นคดีตัวอย่าง ระหว่างผู้รักษากฎหมาย กับชาวบ้านตาดำ ๆ ที่ไม่อาจต่อกลอนกับอำนาจและอิทธิพลใด ๆ ได้เลย รวมถึงความรู้และขั้นตอนการปฏิบัติหน้าที่อย่างถูกวิธี ต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ซึ่งผลจากคดีต่าง ๆ ที่เกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ โดยเฉพาะตำรวจ มักได้รับการช่วยเหลือจากผู้บังคับบัญชาในสังกัด จนเกิดความเหลื่อมล้ำในสังคม ท้ายที่สุดคดีก็เงียบหายไป ผู้คนต่างตายฟรี แถมถูกสาดสีแปดเปื้อนไปด้วยมลทิน ด้วยอำนาจของเจ้าหน้าที่ที่จัดฉากเตรียมไว้ให้
"พวกเราจะขอพึ่งบารมีท่านผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อขอความเป็นธรรม โดยเฉพาะจะขอเปลี่ยนชุดสอบสวนทำคดีใหม่ เนื่องจากขาดความมั่นใจว่าจะมีการช่วยเหลือพวกพ้องด้วยกันเอง เพราะที่ผ่านมาได้เห็นถึงความไม่ชอบมาพากล และผิดปกติหลายอย่าง ทั้งข้อมูลที่ถูกบิดเบือน การพยายามสร้างหลักฐานเท็จในที่เกิดเหตุ รวมถึงการแสดงความรับผิดชอบ ความจริงใจ ของตำรวจชั้นสอบสวนและผู้บังคับบัญชา รวมทั้งระยะเวลาของการทำงาน จะร้องขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหาแนวทางกำชับดูแลและเร่งรัดอย่าให้คดีเงียบหาย ให้ผู้เสียหายได้รับความเป็นธรรม และอย่าให้เกิดความเหลื่อมล้ำขึ้นในสังคม จากการกระทำของตำรวจผู้ถือกฎหมาย ซึ่งเต็มไปด้วยเจตนาไม่บริสุทธิ์ แต่กลับไม่เป็นไปตามแผน เพราะหลังสิ้นเสียงปืน ชาวบ้านต่างพากันเข้ามามุงดูเหตุการณ์กันอย่างรวดเร็ว และทุกการกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุ ถูกบันทึกไว้ได้ด้วยกล้องวงจรปิดที่ติดไว้หน้าบ้าน ซึ่งเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญ ยืนยันจะเดินหน้าต่อสู้ตามขั้นตอนของกฎหมายทุกอย่าง จนกว่าจะได้รับความเป็นธรรม" น.ส.เมนี่ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี