อีกครั้งที่ต้องกล่าวถึงการปกป้องดูแลภาคการเกษตรของไทยด้วยมาตรการทางกฎหมายและข้อตกลงระหว่างประเทศ เพราะปรากฏชัดเจนว่าเกิดความเข้าใจไม่ถูกต้องและมักจะพาดพิงไปบวกกับเรื่องอื่นๆมาประกอบ จนปัจจุบันมีการนำไปใช้ผิดจากวัตถุประสงค์เดิมที่มีมาตั้งแต่เริ่ม
การเคลื่อนย้ายพืช ส่วนต่างๆของพืชที่อาจกลายเป็นศัตรูพืช หรือแม้แต่ศัตรูพืชเอง รวมทั้งพาหะนำศัตรูพืช ได้ถูกหยิบยกนำมาเป็นประเด็นสำคัญ และหารือร่วมกันในระดับนานาชาติ เกิดข้อตกลงสำหรับการกำหนดมาตรการต่างๆ นำมาเป็นมาตรฐานระหว่างประเทศ เพื่อเป็นการปกป้องและป้องกันตัวเองของประเทศต่างๆ ที่ทำการเกษตร เพื่อเป็นแหล่งอาหาร กลายเป็นอนุสัญญาระหว่างประเทศที่ชื่อว่า International Plant Protection Convention หรืออนุสัญญาว่าด้วยการอารักขาพืชระหว่างประเทศ (IPPC) ซึ่งมีหน่วยงานที่กำกับดูแลการดำเนินการตามอนุสัญญาดังกล่าว ประเทศที่เป็นภาคีสมาชิกทุกคนต้องร่วมกันในการกำหนดมาตรการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการอารักขาพืช ไม่ว่าจะเป็นพืชปลูกหรือไม่ก็ตาม และต้องดำเนินการให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด หลักสำคัญคือ เพื่อเป็นการป้องกันการเข้ามาและการระบาดทำลายของศัตรูพืชที่มีต่อพืชเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อมทางการเกษตร และความมั่นคงทางอาหารของประเทศตนเอง และต่อมามาตรฐานที่กำหนดภายใต้อนุสัญญาดังกล่าว ถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือสร้างความมั่นใจในมาตรฐานทางการค้าระหว่างประเทศในการนำเข้า-ส่งออกพืชและผลิตผล ภายใต้ความตกลงการค้าของ WTO ในส่วนของความตกลงว่าด้วยการใช้บังคับมาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช หรือ ความตกลงว่าด้วย SPS ซึ่งเป็นมาตรการที่มิใช่ภาษี
ในส่วนของประเทศไทย มีการตราพระราชบัญญัติป้องกันโรคและศัตรูพืชขึ้นในปี 2495 และพัฒนาต่อเนื่องมาเป็นพระราชบัญญัติกักพืช ฉบับแรกในปี 2507 และมีการแก้ไขครั้งแรกในปี 2542 และแก้ไขครั้งล่าสุดในปี 2551 ซึ่งอาจต้องมีการแก้ไขกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดรับกับข้อตกลงระหว่างประเทศที่ไทยได้ไปผูกพันไว้และมาตรการต่างๆ ที่จำเป็นกับสถานการณ์การป้องกันการระบาดของศัตรูพืชในยุคที่มีการเคลื่อนย้ายกันอย่างเสรีและรวดเร็ว
จากมาตรฐานระหว่างประเทศและกฎหมายภายในประเทศของเรา หลักสำคัญจะเป็นการควบคุม ดูแล ด้วยวิธีการที่ได้รับการยอมรับทางวิชาการ มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ และไม่เป็นการสร้างภาระทางการค้า หรือถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการกีดกันทางการค้าของประเทศสมาชิก ขณะเดียวกันก็สร้างความมั่นคงและมั่นใจต่อภาคการเกษตร ซึ่งเป็นภาคเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ ในส่วนของข้อตกลงทางการค้าที่ประเทศไทยยังต้องพึ่งพารายได้จากการส่งออกจากภาคการเกษตร การค้าขายระหว่างประเทศจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องกำหนดมาตรการต่างๆเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ประเทศคู่ค้า ในการนำเข้าสินค้าเกษตรเข้าไปยังประเทศคู่ค้าปลายทาง ขณะเดียวกันประเทศไทยก็ต้องมีมาตรการเป็นมาตรฐานในการดำเนินการที่จะสร้างความเชื่อมั่นว่าสามารถคุ้มครองภาคการเกษตรของเราได้เช่นกันเรียกได้ว่าต้องทัดเทียมกันทั้งสองฝ่าย และอิงกับมาตรฐานระหว่างประเทศ
มาตรการที่นำมาใช้ต้องมีการปรับเปลี่ยนให้เกิดความเหมาะสม ทั้งข้อตกลงตามอนุสัญญา IPPC หรือความตกลงว่าด้วย SPS ภายใต้ WTO แม้แต่ผู้เจรจาการค้าของเรา จึงจะเห็นการเสนอเพื่อการแก้ไข หลักเกณฑ์ วิธีการปฏิบัติ ข้อบัญญัติต่างๆ ทั้งกฎหมายระดับพระราชบัญญัติ และกฎหมายลำดับรอง ที่จะทำให้หน่วยงานสามารถนำไปดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และข้อตกลงได้ สำคัญที่สุด คือ การปกป้องตนเองและสร้างมูลค่าส่งเสริม สนับสนุนให้เกิดการค้า การนำเข้า-การส่งออก อย่างยั่งยืน ต่อเนื่อง ดังนั้น จำเป็นที่ระดับนโยบายและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะต้องมีความเข้าใจและดำเนินการให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประเทศ มิเช่นนั้น ความล่าหลังของการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ย่อมกระทบต่อผลประโยชน์ที่ประเทศชาติจะได้รับ แทนที่ประเทศจะได้ประโยชน์กับการเปลี่ยนแปลง กลับกลายเป็นว่าเกิดผลเสียเกิดขึ้นแทน และอาจส่งผลรุนแรงสร้างหายนะให้เกิดขึ้นกับภาคการเกษตรและเศรษฐกิจโดยรวมได้ จากความไม่เข้าใจของคนไม่กี่คน ยุทธศาสตร์ชาติที่กำหนดไว้ หากผู้เกี่ยวข้องในระดับนโยบายไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้แล้วคงยากที่จะหาความสำเร็จได้
สมชาย ชาญณรงค์กุล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี