ไทยพบป่วยโควิดใหม่ 2 รายเป็นเด็กหญิงวัย 5 เดือน จากอินเดีย–ชายชาวปากีฯ หมอยงเผยวัคซีนโควิดเริ่มเห็นแสงสว่างชัดขึ้น หลัง 13 บริษัทกำลังวิจัยเฟสสาม มี 3 บริษัทโชว์ศักยภาพผลการรักษาที่เกือบ 100% ด้านฝ่ายปกครองเมืองกาญจน์คุมเข้มตลอดแนวชายแดน จับ 21 ต่างด้าวเมียนมาลอบเข้าไทยได้กลางป่าสังขละ สารภาพหวังไปขุดทองที่สมุทรสงคราม – สมุทรสาคร- นครปฐม ส่วนผู้ว่าฯตากสั่งเฝ้าระวังเข้มงวดศูนย์อพยพฯอีก 2 แห่งในอ.ท่าสองยาง-อุ้มผาง สถานการณ์ต่างประเทศโควิดยังแรง ทางการมาเลย์สั่งปิดโรงงานท็อปโกลฟ ผู้ผลิตถุงมือยางใหญ่ที่สุดในโลก หลังผลตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิดพนักงานกว่า 2 พันคน ผลเป็นบวก เร่งคัดกรองทุกสาขา ญี่ปุ่นระงับท่องเที่ยวโอซากา-ซัปโปโร หลังป่วยพุ่งต่อเนื่อง
ศูนย์ข้อมูล COVID-19 รายงานสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 หรือโควิด-19 ในประเทศไทย ประจำวันที่ 24 พฤศจิกายนว่า สถานการณ์ติดเชื้อโควิด-19 มีผู้ป่วยใหม่ 2 ราย เดินทางมาจากต่างประเทศ ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่มเป็น 3,922 ราย แบ่งเป็นติดเชื้อในประเทศ 2,454 ราย และเป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 1,468 ราย รักษาหายป่วยแล้ว 3,772 ราย ยังรักษาในโรงพยาบาล (รพ.) 90 ราย เสียชีวิตสะสม 60 ราย ทั้งนี้ ในจำนวนผู้ป่วยสะสม 3,920 ราย รักษาในกรุงเทพมหานคร (กทม.)และนนทบุรี 2,149 ราย ภาคเหนือ 116 ราย ภาคกลาง 798 ราย ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 112 ราย ภาคใต้ 747 ราย
ป่วยโควิด2มีทารก5เดือนจากอินเดีย
ทั้งนี้ ผู้เดินทางมาจากต่างประเทศและเข้าพักในสถานกักกันโรค (Quarantine) 2 ราย โดยรายแรกเป็นทารกเพศหญิง สัญชาติอินเดีย อายุ 5 เดือน วันที่ 5 ของการกักตัว ผลตรวจพบเชื้อ มีไข้และอาเจียน เข้ารักษาที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี รายที่ 2 เป็นชายชาวปากีสถาน 1 ราย สัญชาติปากีสถาน อายุ 31 ปี อาชีพค้าขาย วันที่ 5 ของการกักตัว ผลตรวจพบเชื้อไม่แสดงอาการ
หมอยงชี้วัคซีนเสงสว่างปลายทาง
ด้านศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก Yong Poovorawan ถึงความคืบหน้าการศึกษาวิจัยผลิตวัคซีนโควิด-19ว่า แสงสว่างปลายทางเริ่มมองเห็นชัดเจนขึ้น หลังบริษัทวัคซีนแสดงให้เห็นประสิทธิภาพป้องกันโรคได้มากกว่าที่เคยตั้งไว้ ขณะนี้มีวัคซีนถึง 13 บริษัท ที่ศึกษาอยู่ในระยะที่ 3 ประกาศผลออกมาแล้ว 3 บริษัท มีประสิทธิภาพป้องกันดีทีเดียว
ไทยสกัดเซรุ่มจากพลามาสำเร็จ
นอกจากนี้ ในการป้องกันและรักษา ยังใช้ภูมิต้านทานที่สร้างขึ้นมา monoclonal antibody มาใช้ป้องกันและรักษาระยะแรก ในกลุ่มเสี่ยงเพื่อไม่ให้โรครุนแรง มีประสิทธิภาพลดปริมาณไวรัสได้ แอนติบอดี้ที่สร้างขึ้นมา จะจำเพาะกับตัวไวรัส เช่นเดียวกับพลาสมาที่ได้รับจากผู้ที่หายจากโรคและมีภูมิต้านทานสูงจะมีแอนติบอดี้ แต่ต้องให้ระยะแรกที่ผู้ป่วยยังไม่ได้สร้างภูมิต้านทานด้วยตัวเอง และมีอาการรุนแรง
การนำเอาพลาสม่ามาทำเป็นเซรุ่ม ที่สกัดจากพลาสมาผู้หายป่วยและมีภูมิต้านทานสูง เซรุ่มฉีดเข้ากล้ามเนื้อได้ ไม่ต้องให้ทางหลอดเลือดแบบให้พลาสม่า เก็บได้นานกว่าการเก็บ Plasma และถูกบรรจุเป็นขวดเล็กๆไม่เหมือนPlasma ที่ต้องเก็บเป็นถุง ขณะนี้ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ ที่ได้รับบริจาคพลาสม่าจากผู้ที่หายป่วยและมีภูมิต้านทานสูงได้นำเอาพลาสม่ามาทำเป็นเซรุ่มเรียบร้อยแล้ว ข้อมูลปัจจุบันในการต่อสู้กับโควิด 19 เริ่มเห็นชัดขึ้น อย่างไรก็ตาม วัคซีนที่จะเข้ามาถึงไทย อย่างเร็วต้องใช้เวลา อีกหลายเดือนนับจากนี้เราต้องช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการระบาดในประเทศไทย รอเวลามีวัคซีนและยารักษาที่มีประสิทธิภาพ
จับ21เมียนมาเข้าไทยที่กาญจน์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการระบาดของไวรัสโควิด 19 ในเมียนมา ทำให้กระทรวงมหาดไทยสั่ง 10 จังหวัดมีชายแดนติดเมียนมาปิดด่านชายแดนชั่วคราวป้องกันลักลอบเข้าราชอาณาจักร ซึ่งฝ่ายปกครองจ.กาญจนบุรีสนธิกำลังร่วมเฝ้าระวังเข้มข้นต่อเนื่อง กระทั่งเวลา 04.00 น.วันเดียวกัน ร.ท.ศุภกฤต ทรัพย์เจริญ ผู้บังคับหมวดลาดตระเวนระยะไกล หน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ ร.ต.เลิศชัย นากงามและทหาร ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ ออกลาดตระเวนตามช่องทางธรรมชาติ เมื่อถึงป่าหลังศูนย์ส่งเสริมเกษตรที่สูง ต.หนองลูอ.สังขละบุรีพบแรงงานต่างด้าวเมียนมา เดินเท้าลัดเลาะในสวนยางพารา เจ้าหน้าที่จึงจับกุมไปตรวจสอบทั้งหมด 21 คน เป็นชาย 9 คน เด็กชาย 1 คน และหญิง 11 คน และส่งตำรวจ สภ.สังขละบุรีดำเนินคดี ข้อหาฝ่าฝืนพ.ร.บ.ควบคุมโรค พ.ศ.2558 มาตรา 52 คำสั่งคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อ จ.กาญจนบุรีและเป็นบุคคลต่างด้าวหนีเข้าเมืองผิดกฎหมายวงสาธารณสุข ป้องกันการระบาดของโควิด-19
สารภาพไปทำงานที่สมุทรสงคราม
หญิงชาวเมียนมารายหนึ่งยอมรับว่า แรงงานทั้งหมดลักลอบเข้าไทยตามช่องทางธรรมชาติบ้านบ่อญี่ปุ่นช่วง 03.00 น.เพื่อไปขึ้นรถยนต์ที่มีคนนำมาจอดรอรับในจุดนัดหมายอ.สังขละบุรี แต่ถูกจับได้ก่อน ส่วนคนนำทางหลบหนีไปได้ สำหรับจุดหมายคือ งไปทำงานในจ.สมุทรสงคราม จ.สมุทรสาคร และจ.นครปฐม ทุกคนต้องเสียค่าใช้จ่ายให้คนนำพาหัวละ 15,000-18,000 บาท ขึ้นอยู่กับระยะทางว่าใกล้หรือไกล
หญิงสาวรายดังกล่าวกล่าวอีกว่า ส่วนตนเป็นชาวเมืองเย ประเทศเมียนมา เมื่อทราบข่าวว่ากลุ่มเพื่อนจะเดินทางเข้ามาทำงานที่ประเทศไทย ตนจึงเดินทางมาจากเมืองเยตั้งแต่ช่วงหัวค่ำของวันที่ 23 พ.ย.ที่ผ่านมา ครั้งแรกตนเข้าใจว่าสามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้ตามปกติโดยไม่คิดว่าจำลำบากเช่นนี้ ถ้ารู้มาก่อนว่าลำบากก็คงจะไม่ร่วมเดินทางมาด้วยอย่างแน่นอน
ผู้ว่าฯตากสั่งคุมเข้มอีก2ศูนย์อพยพ
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการตรวจสอบสถานการณ์ระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่อ.พบพระ จ.ตากว่า นอกจากศูนย์อพยพบ้านอุ้มเปี้ยม อ.พบพระแล้ว นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก สั่งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองเพิ่มความเข้มงวดตรวจคัดกรองบุคคลทุกคนที่เข้า-ออกในศูนย์อพยพอีก 2 แห่งเช่นเดียวกับศูนย์อพยพบ้านอุ้มเปี้ยมคือ ศูนย์อพยพบ้านนุโพ ในอ.อุ้มผางและศูนย์อพยพบ้านแม่หละ อ.ท่าสองยาง ซึ่งศูนย์อพยพทั้ง 3 ศูนย์นี้รวมแล้วมียอดผู้หนีภัยสู้รบพักอาศัยรวมกว่า 50,000 คน โดยให้ใช้มาตรการป้องกันเข้มงวด โดยเฉพาะผู้อพยพทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัยเคร่งครัด รวมถึงเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์อพยพทั้ง 3 ศูนย์ และชาวบ้านในพื้นที่ใกล้ศูนย์อพยพต้องปฏิบัติเข้มงวด
ตรวจเข้มชายแดนปิดช่องล่อแหลม
ด้านแนวชายแดนมีการคุมเข้มเช่นกัน หลังพบคนต่างด้าวติดเชื้อโควิด-19 ลักลอบข้ามชายแดนผ่านจุดช่องทางธรรมชาติผิดกฎหมาย โดยทหารหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 กองกำลังนเรศวรสนธิกำลังกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองใน 5 อำเภอแนวชายแดนจ.ตาก เพิ่มการตรวจลาดตระเวนในพื้นที่ล่อแหลมมากขึ้นตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งตอนนี้พบว่าแม่น้ำเมยที่กั้นแนวพรมแดนไทย-เมียนมาน้ำแห้งขอดทำให้คนต่างด้าวเดินข้ามาได้ง่ายกว่าเดิม เจ้าหน้าที่ต้องเสริมแนวรั้วลวดหนามและกำลังเจ้าหน้าที่ อาสาสมัครภาคประชาชนเข้าไปในทุกจุดล่อแหลมทั่วพื้นที่แนวชายแดนจังหวัดตาก
ทั่วโลกติดเชื้อสะสมเฉียด60ล้าน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานสถานการณ์ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกว่า มีผู้ติดเชื้อใหม่เพิ่มขึ้นในรอบ 24 ชั่วโมงอย่างน้อย 503,724 ราย ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 59,605,778 ราย รักษาหายแล้ว 41,240,095 ราย เสียชีวิต 1,403,683 ราย อันดับประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุด ได้แก่ สหรัฐอเมริกา 12,777,371 ราย เป็นรายใหม่ 172,103 ราย เสียชีวิตสะสม 263,687 ราย อันดับ 2 อินเดียมีผู้ติดเชื้อสะสม 9,177,840 ราย เสียชีวิตสะสม 134,254 ราย อันดับ 3 บราซิล ผู้ติดเชื้อสะสม 6,088,004 ราย เสียชีวิตสะสม 169,541 ราย อันดับ 4 ฝรั่งเศส ติดเชื้อสะสม 2,144,660 ราย เสียชีวิตสะสม 49,232 ราย และอันดับ 5.รัสเซียติดเชื้อสะสม 2,138,828 ราย เสียชีวิตสะสม 37,031 ราย ส่วนประเทศไทยอยู่อันดับ 151 ของโลก ขณะที่เมียนมามีผู้ป่วยใหม่เพิ่ม 1,259 ราย ยอดสะสมรวม 80,505 ราย
มาเลยเซียสั่งปิดรง.ผลิตถุงมือ
ส่วนนายนูร์ ฮิชัม อับดุลลาห์ อธิบดีสาธารณสุขของมาเลเซีย แถลงสถานการณ์ระบาดของโควิด -19 ในมาเลเซียว่า พบผู้ป่วยเพิ่มขึ้นมากในพื้นที่ที่ตั้งโรงงานและหอพักพนักงานของบริษัท ท้อปโกลฟ ผลตรวจพนักงาน 5,767 คน มีผลเป็นบวก 2,543 คน มีทั้งชาวมาเลเซียและชาวต่างชาติ รัฐบาลจึงสั่งปิดโรงงานของบริษัท 28โรง พนักงานที่มีผลตรวจเป็นบวกถูกส่งไปรักษาตัวในโรงพยาบาล ส่วนคนใกล้ชิดถูกกักตัว 14 วัน ป้องกันการแพร่เชื้อ โดยนายอิสมาอิล ซาบรี ยาคอบ รัฐมนตรีความมั่นคงอาวุโสเผยว่า รัฐบาลเห็นด้วยและปฎิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุขว่าควรทยอยปิดโรงงานบริษัทท้อปโกลฟ เพื่อคัดกรองและกักตัวผู้ติดเชื้อ สัปดาห์ที่แล้วรัฐบาลสั่งใช้มาตรการจำกัด 14 วันถึงวันที่ 30 พฤศจิกายนหลายพื้นที่ในเขตห่างจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ที่ตั้งของโรงงานและหอพักของบริษัท
วันเดียวกัน บริษัท ท้อปโกลฟ ผู้ผลิตถุงมือยางรายใหญ่ที่สุดในโลก และปีนี้มีรายได้มากเป็นประวัติการณ์จากการระบาดของโควิด-19 แจ้งคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ว่า ระงับการผลิตชั่วคราวที่โรงงาน 16 แห่ง และลดกำลังผลิตที่โรงงานอีก 12 โรง ข่าวทยอยปิดโรงงานทำให้ราคาหุ้นลดลงถึงร้อยละ7.5 เมื่อเปิดการซื้อขายเช้าวันที่ 24 พฤศจิกายน
ญี่ปุ่นระงับเที่ยวโอซากา-ซัปโปโร
นายยาสุโตชิ นิชิมูระ รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจของญี่ปุ่นแถลงหลังประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ญี่ปุ่นลงมติถอดนครโอซากาและเมืองซัปโปโรออกจากโครงการโก ทู ทราเวล (Go To Travel) ชั่วคราว เพราะจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อพุ่งสูงขึ้น และโรงพยาบาลต้องรับมือกับสถานการณ์ระบาดที่รุนแรงต่อเนื่อง การตัดสินใจเร่งด่วนในประเด็นดังกล่าวส่งผลดีต่อทุกคน คาดว่าจะใช้คำสั่งระงับท่องเที่ยวในนครโอซากาและเมืองซัปโปโรนาน 3 สัปดาห์ ทั้งนี้ ทางการนครโอซาการายงานยอดผู้ป่วยติดเชื้อใหม่มี 171 คน ทางการเมืองซัปโปโรพบผู้ป่วยติดเชื้อใหม่ 140 คน ลดลงจากยอดผู้ป่วยสูงสุด 197 คนเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
เกาหลีใต้คาดโทษขรก.การ์ดหย่อน
ขณะที่นายกรัฐมนตรีชุง เซคยุนของเกาหลีใต้กล่าวระหว่างประชุมคณะรัฐมนตรี ขอให้ข้าราชการยังเตรียมพร้อมรับมือโรคติดเชื้อโควิด-19 ระดับสูงสุด พร้อมเตือนว่าผู้ใดติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพราะไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันจะถูกลงโทษทางวินัยสถานหนัก กรณีเกิดความหย่อนยานทางวินัยในภาครัฐ เช่น ข้าราชการติดเชื้อเพราะไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน ทางการจะลงโทษทางวินัยสถานหนัก ซึ่งช่วงวันหยุดสิ้นปี ภาครัฐอาจตกเป็นเหยื่อความหย่อนยาน โดยเฉพาะความเหนื่อยล้าสะสมจากการรับมือกับการระบาดตลอดปี นายกฯยังสั่งการให้ภาครัฐปรับใช้วิธีทำงานจากบ้านอย่างจริงจัง งดประชุมแบบพบหน้า งดสังสรรค์หลังเลิกงาน พร้อมย้ำเรื่องระดมศักยภาพควบคุมโรคเต็มกำลัง เพื่อให้การเข้าสอบมหาวิทยาลัยทั่วประเทศในต้นเดือนหน้าดำเนินไปอย่างปลอดภัย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี