ขอนแก่น ได้ชื่อว่าเป็นเมืองหัตถกรรมโลกแห่งผ้ามัดหมี่ และ “แคนแก่นคูน” คือ ลายผ้าไหมประจำจังหวัดที่แสดงอัตลักษณ์เมืองขอนแก่น ผ้าไหมและผลิตภัณฑ์ผ้าไหมมัดหมี่ของจังหวัดขอนแก่นนั้น ได้รับการขึ้นทะเบียนสินค้าสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (Geographical Indications) จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา โดยเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2561 จังหวัดขอนแก่น ได้รับการรับรองจากสภาหัตถกรรมโลก World Craft Council (WCC)-UNESCO ให้เป็น “เมืองหัตถกรรมโลกแห่งผ้ามัดหมี่”
งานเทศกาลไหมนานาชาติ ประเพณีผูกเสี่ยวและงานกาชาด จ.ขอนแก่น ได้จัดขึ้นทุกปี ปีนี้ กำหนดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 29 พ.ย. ถึง 10 ธ.ค. 2563 (12 วัน 12 คืน) ณ สนามหน้าศาลากลาง จ.ขอนแก่น ภายใต้วิถีใหม่ ( New Normal ) เพื่อเป็นการกระตุ้นระบบเศรษฐกิจและระบบธุรกิจ ใน จ.ขอนแก่น จึงได้กำหนดจัดงานเทศกาลไหมนานาชาติฯ ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยเคร่งครัด กิจกรรมภายในงาน ชมขบวนแห่ศิลปวัฒนธรรมพื้นเมือง พิธีผูกเสี่ยว การประกวดพานบายศรี การจัดแสดงและประกวดผ้าไหม การแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน และชมการสาธิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ OTOP
ดร.สมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เปิดเผยว่า งานเทศกาลไหมนานาชาติ ประเพณีผูกเสี่ยวและงานกาชาด จังหวัดขอนแก่น ประจำปี 2563 ภายใต้วิถีใหม่ ป้องกันโควิด-19 ซึ่งเน้นการสวมหน้ากากผ้า หน้ากากอนามัยตลอดงาน การรักษาระยะห่าง และการจัดจุดล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ เพื่อความปลอดภัยของประชาชนและนักท่องเที่ยว และสืบสานศิลปวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามของชาวอีสานและชาวขอนแก่น สร้างความมั่นใจแก่นักท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ ทั้งนี้ รูปแบบการจัดงานจะมีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบันที่หลายประเทศทั่วโลกยังคงมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยบูรณาการความร่วมมือทุกภาคส่วน เพื่อสืบสานงานประเพณีที่สำคัญของจังหวัดขอนแก่น
โดยในปีนี้จะไม่มีการออกร้านธารากาชาด ของเหล่ากาชาดจังหวัดขอนแก่น จะมีเพียงการจำหน่ายสลากกาชาดสมนาคุณ ลุ้นรับรางวัลใหญ่ บ้านพร้อมที่ดิน รถยนต์ รถจักรยานยนต์ สร้อยคอทองคำ และรางวัลอื่นๆ งดการแสดงคอนเสิร์ต คงมีการแสดงกิจกรรม ณ เวทีกลาง งดกิจกรรมการประกวดนางงามไหม คงมีขบวนแห่แต่ลดจำนวนขบวนแห่ลง กิจกรรมภายในงานฯ ประกอบด้วยการแสดงศิลปวัฒนธรรมอีสาน ประเพณีการผูกเสี่ยว เป็นประเพณีเก่าแก่ประเพณีดั้งเดิมของกลุ่มวัฒนธรรมไท-ลาว โดยคำว่า “เสี่ยว” นั้น ในภาษาอีสานมีความหมายว่า “เพื่อนรัก หรือ เพื่อนตาย” ซึ่งการผูกเสี่ยว คือ การสัญญาที่จะเป็นเพื่อนรักร่วมเป็นร่วมตายกัน โดยใช้ฝ้ายมงคลผูกข้อมือของแต่ละคนเพื่อให้เป็นสิริมงคลแก่ทั้งคู่
สำหรับไฮไลท์ที่สำคัญคือ การรำบวงสรวง 10 สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองขอนแก่น ฉลอง 223 ปี ในปีผ่านมาเรามีนางรำและนายรำ เข้าร่วมในการรำบวงสรวงมากถึง 75,000 คน ในเส้นทางถนนสายต่างๆ โดยรอบศาลเจ้าพ่อหลักเมืองขอนแก่น แต่ในปีนี้ด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้น คณะทำงานจึงกำหนดนางรำและนายรำ ที่จะเข้าร่วมพิธีเพียง 25,000 คน ซึ่งนางรำและนายรำ ทุกคนจะต้องถูกตรวจคัดกรองมาตั้งแต่ต้นทาง คือจากทั้ง 26 อำเภอของจังหวัด เมื่อมาถึงบริเวณสถานที่รำตามที่กำหนด จะต้องตรวจวัดอุณหภูมิอีกครั้งเพื่อความปลอดภัยด้านสาธารณสุขอย่างเข้มงวดและการรำบวงสรวงปีนี้ มีการแต่งกายด้วยผ้าลาย “แคนแก่นคูน” ซึ่งเป็นลายผ้าประจำจังหวัดขอนแก่น นักท่องเที่ยวที่จะมาชมความสวยงามและความอลังการของการรำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจังหวัดสามารถเข้าชมได้ในจุดที่กำหนด และปีนี้กำหนดให้มีการรำแปรอักษร 223 KHONKAEN และลายผ้าขิดซึ่งสื่อถึงความเป็นเมืองขอนแก่น
ส่วนการจัดริ้วขบวนแห่ในวันพิธีเปิดงาน วันที่ 29 พฤศจิกายน 2563 จะไม่มีการจัดเคลื่อนขบวนแห่ จัดให้มีการแสดงของขบวนแห่ จำนวน 4 จุด ให้นักท่องเที่ยวจะได้ชมตามจุดที่กำหนด เพื่อลดปัญหาความแออัด/การแสดงแฟชั่นโชว์ผ้าไหม และครอบครัวไหม จากทั้ง 26 อำเภอ จังหวัดขอนแก่น/การแสดงศิลปวัฒนธรรมที่เวทีกลาง การออกร้านจำหน่ายผ้าไหม นิทรรศการหม่อนไหม กิจกรรม “ช้อป ชิม ชา”การประกวดสาวไหม/กิจกรรมภายในศาลาผูกเสี่ยว พิธีผูกเสี่ยว การแสดงศิลปวัฒนธรรมอีสาน การสาธิต การประกวดและการแข่งขัน ด้านศิลปวัฒนธรรม
สมใจ นามสุดตา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี