วันที่ 26 พฤศจิกายน 2563 จากกรณีที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เกี่ยวกับเรื่องกลุ่มผู้ชุมนุมม็อบราษฎรเมื่อวันที่ 25 พ.ย. ที่บริเวณ ธนาคารไทยพาณิชย์สำนักงานใหญ่ ถนนรัชดาภิเษก โดยในม็อบได้มีการแจก “คูปองเป็ดเหลือง” หรือ “ธนบัตรของราษฎร” สามารถนำไปใช้ซื้อสินค้ากับร้านรถเข็นต่างๆ หรือที่ผู้ชุมนุมเรียกว่าซีไอเอ ซึ่งการกระทำดังกล่าว เป็นการกระทำความผิดฐานปลอมเงินตรา มีโทษจำคุกตลอดชีวิต ตำรวจจับกุมดำเนินคดีได้ทันที ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 26 พ.ย. นายเกิดผล แก้วเกิด ทนายชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีดังกล่าวโดยระบุว่า ในส่วนตัวผมๆ คิดว่าการออกแบงก์เป็ดของกลุ่มนักศึกษา ยังไม่น่าจะเป็นความผิดตามกฎมายอาญา มาตรา 240 เพราะ การปลอมเงินตรา ตามมาตรา 240 ผู้กระทำต้องมีเจตนาทำ หรือลวงให้บุคคลอื่น หรือผู้พบเห็นเชื่อหรือเข้าใจได้ว่า เป็นเงินตรา ที่ใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายจริงๆ
แต่จากภาพและข้อความด้านล่าง ที่เขียนว่า “ข้าพระพุทธเจ้า ราษฎรผู้อิ่มแก๊สน้ำตาและน้ำสารเคมีจากภาษีประชาชน” ยิ่งทำให้เห็นชัดเจนว่า ไม่มีข้อความหรือส่วนใด ทำให้ประชาชนเชื่อว่า แบงก์เป็ด เป็นธนบัตรที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย ประกอบกับเป็นการแจกจ่ายในกลุ่ม แทนเงินตราจริงๆ เพราะเมื่อนำไปซื้อของ (แลก) แล้ว พ่อค้าแม่ค้า ยังต้องนำแบงก์เป็ดไปแลกธนบัตรของจริง ในมูลค่าใบละ 10 บาท
หาก คนใช้ คนรับไว้ เชื่อหรือเข้าใจว่า ใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย ก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องไปแลกเงิน 10 บาทกับผู้ที่นำมาแจก แต่คงจะนำไปใช้สอยหรือซื้อขายต่อๆ กันไปครับ ผมดูที่เจตนาของผู้กระทำมากกว่า ผมมองว่า กลุ่มนักศึกษา เจตนาทำแบงก์เป็ด เพื่อล้อเลียนทางการเมือง มากกว่าเจตนาปลอมเงินตรา ครับ ในส่วนการล้อเลียน มีข้อความ “ข้าพระพุทธเจ้า ราษฎรผู้อิ่มแก๊สน้ำตาและน้ำสารเคมีจากภาษีประชาชน” น่าจะเป็นการล้อเลียน ประชดประชัน รัฐบาล ตรงๆ และกระทบไปถึงสถาบัน ซึ่งพอจะเข้าใจในนัยได้ แต่ยังไม่อาจสรุปได้ว่า ผิดกฎหมายมาตรา 112 หรือไม่ เพราะไม่เคยมีแนวคำพิพากษาฎีกาครับ
#ปลอมเงินตรา ฎ.4930/2557 ป.อ. มาตรา 240 บัญญัติว่า “ผู้ใดทำปลอมขึ้นซึ่งเงินตรา ไม่ว่าจะปลอมขึ้นเพื่อให้เป็นเหรียญกษาปณ์ ธนบัตร หรือสิ่งอื่นใดซึ่งรัฐบาลออกใช้หรือให้อำนาจให้ออกใช้ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานปลอมเงินตรา” คำว่า “#ทำปลอมขึ้น” #หมายความถึงทำโดยตั้งใจให้เหมือนของจริง จึงต้องทำในประการที่จะให้มีลักษณะอย่างเดียวกับเงินตราที่รัฐบาลกำหนด เช่น มีลวดลาย สี ขนาด ลักษณะของกระดาษอย่างเดียวกัน #ซึ่งจะต้องพอที่จะลวงตาให้เห็นว่าเป็นเงินตรา แต่ไม่จำต้องถึงกับต้องพิจารณาจึงจะรู้ว่าปลอม เพียงแต่ลวงตาซึ่งถ้าไม่พิจารณาให้ดีอาจหลงเข้าใจว่าเป็นเงินตราได้ ก็ถือว่าเป็นการทำปลอมขึ้นแล้ว
และการทำปลอมย่อมจะเหมือนของจริงไปทุกอย่างไม่มีผิดกันเลยไม่ได้ ย่อมต้องมีบางสิ่งบางอย่างผิดจากของจริงบ้างไม่มากก็น้อย ฉะนั้น การปลอมจะผิดจากของจริงที่ตั้งใจทำให้เหมือนมากน้อยเพียงใดจึงไม่สำคัญ การที่จำเลยนำธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท ซึ่งเป็นเงินตราที่รัฐบาลไทยออกใช้จำนวน 46 ฉบับ มาตัดออกเป็น 2 ท่อนทุกฉบับ ท่อนหนึ่งยาวเกินครึ่งฉบับ อีกท่อนหนึ่งยาวไม่ถึงครึ่งฉบับ แล้วนำท่อนซ้ายที่สั้นมาต่อสลับท่อนเข้ากับท่อนขวาที่สั้นของอีกฉบับหนึ่งด้วยเทปใส ย่อมเป็นการทำธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท ขึ้นใหม่อีก 23 ฉบับ โดยตั้งใจให้เหมือนของจริง จึงเป็นการทำปลอมขึ้นซึ่งธนบัตรฉบับละ 1,000 บาท ที่รัฐบาลออกไว้
การที่ธนบัตรของกลางเป็นธนบัตรชำรุดตาม พ.ร.บ.เงินตรา พ.ศ.2501 มาตรา 18 ประเภทต่อท่อนผิด ทำให้ไม่เป็นเงินที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย ไม่ทำให้การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานปลอมเงินตรา เพราะหากธนบัตรดังกล่าวเป็นเงินที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย ธนบัตรดังกล่าวย่อมไม่เป็นของปลอม การที่ใช้ชำระหนี้ไม่ได้ตามกฎหมายแสดงว่าเป็นของปลอม จำเลยจึงมีความผิดฐานปลอมเงินตราและมีเงินตราปลอมเพื่อนำออกใช้โดยรู้ว่าเป็นเงินตราปลอมตาม ป.อ. มาตรา 240 และ 244
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี