วันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 นายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวถึงกรณีที่มีกลุ่มนักเรียนเลวออกมาเชิญชวนนักเรียนให้ใส่ชุดไปรเวทมาโรงเรียนในวันที่ 1 ธ.ค. ซึ่งเป็นเปิดภาคเรียนวันแรกของเทอม 2 นั้น ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) มีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดการศึกษาของโรงเรียน จึงอยากชี้แจงถึงการทำงานในบทบาทหน้าที่ข้าราชการ ซึ่งต้องยึดถือปฏิบัติตามกฏหมายเพื่อเป็นเครื่องมือในการทำงาน จึงอยากทำความเข้าใจเรื่องการแต่กาย ตาม พ.ร.บ.เครื่องแบบนักเรียน 2551 และมีระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียน ที่รองรับ พ.ร.บ.ปี 2551 ซึ่งตนเข้าใจว่า เจตนารมย์ที่มี พ.ร.บ.และมีระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียนขึ้นมานี้ ไม่ต้องการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของนักเรียน แต่ต้องการให้เกิดความปลอดภัยกับตัวนักเรียนซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ เพราะถ้านักเรียนใส่ชุดนักเรียนก็จะแตกต่างจากคนทั่วไป ผู้ใหญ่ก็จะได้ดูแลเด็กที่อยู่ในชุดเครื่องแบบนักเรียน หรือขึ้นรถเมย์ก็ได้ลดครึ่งราคา หรือนักเรียนที่โตเมื่อเห็นคนแก่ขึ้นรถมานักเรียนก็จะลุกให้คนแก่นั่ง ซึ่งก็จะเห็นบทบาทของนักเรียนที่มีคุณธรรมมีความเอื้ออาทร
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวต่อว่า ในการสร้างคนให้มีระเบียบวินัยก็ต้องสร้างผ่านกิจกรรมหรือวิถีชีวิตประจำวัน ซึ่งการแต่งกายก็เป็นอีกวิธีหนึ่งในการสร้างคนให้มีระเบียบ มีวินัย มีความรับผิดชอบ ที่สามารถดูได้ว่าถูกระเบียบ หรือผิดระเบียบ เป็นการเริ่มต้นสร้างวินัยของคนในชาติได้ จึงเป็นที่มาของ พ.ร.บ.และระเบียบการแต่งชุดนักเรียน นอกจากนี้ การแต่ชุดนักเรียนยังเป็นการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ได้ เพราะทุกคนแต่งชุดนักเรียนเหมือนกันทั้งหมด ถ้าไม่กำหนดระเบียบการใส่ชุดนักเรียนไว้ นักเรียนที่มีฐานะดีก็อาจจะใส่ชุดไปรเวทที่มีราคาแพงๆ ส่วนเพื่อนที่ไม่มีเงินก็ต้องพยายามหาก็จะกลายเป็นความเหลื่อมล้ำเกิดขึ้น
ดังนั้น ที่มาของระเบียบการแต่กายของนักเรียน คงไม่มีเจตนาที่จะมุ่งทำร้ายหรือลิดรอนสิทธิ์ของนักเรียน แต่เป็นการมุ่งที่จะคุ้มครองดูและนักเรียน หรือเป็นกลไกลการฝึกความมีวินัยให้กับนักเรียนมากกว่า ฉะนั้น เมื่อระเบียบกำหนดไว้ ก็เป็นธรรมดาของคนที่อยู่ในสังคมไม่ว่าประเทศไหน ก็มีรัฐธรรมนูญ และมีกฏหมายของประเทศนั้น แม้แต่ในครอบครัวก็มีกฤลฏกติกาของครอบครัวในการอยู่ร่วมกัน เพราะฉะนั้น ถ้าโรงเรียนไม่มีระเบียบ ไม่มีกฏกติกา เพราะเด็กมาจากครอบครัว พ่อแม่ที่แตกต่างกันทั้งเชื้อชาติ ศาสนา และความเชื่อต่าง ๆ เมื่อมาอยู่รวมกันก็ต้องมีกติกากลาง เพื่อให้การใช้ชีวิตในการอยู่ร่วมกันที่แต่ละคนต้องรู้ว่าทำอะไรได้ ทำอะไรไม่ได้ ทำอะไรถูก ทำอะไรผิด เพื่อให้อยู่ร่วมกันได้ในสังคม ซึ่งโรงเรียนก็เป็นสังคมหนึ่ง ที่ทุกคนมาจากครอบครัวที่แตกต่างกันแล้วมาอยู่ในที่เดียวกัน ฉะนั้น ถ้าแต่งชุดนักเรียนเหมือนกัน มีตราสัญลักษณ์เหมือนกัน ก็จะเป็นการบ่งบอกว่าเราคือสมาชิกของโรงเรียนนี้สังคมนี้ ตนจึงคิดว่าเป็นเรื่องปกติที่ต้องมีระเบียบว่าด้วยการแต่ชุดนักเรียนขึ้นมา
“ที่ผ่านมาทุกโรงเรียนก็ได้ถือปฏิบัติ และนักเรียนก็ได้ทำหน้าที่ของตนเองไปตามระเบียบและกฏกติกา อย่างไม่มีปัญหาใดๆ และผมก็เชื่อว่าโรงเรียน ครู รวมถึงผู้ปกครองก็ยังไม่มีการเรียกร้องว่าไม่ให้เด็กใส่ชุดนักเรียน ส่วนที่วันนี้มีน้องๆกลุ่มหนึ่ง มาเรียกร้องว่า อยากใส่ชุดตามสบายไปรเวทไปโรงเรียนได้ ผมว่าก็เป็นสิทธิ์ที่น้องๆจะเสนอความต้องการที่มีความเห็นต่างไปจากระเบียบที่มีอยู่ แต่การเสนอความเห็นจะต้องเข้าสู่ขบวนการแก้ไขกฏหมายหรือระเบียบซึ่งเป็นข้อปฏิบัติที่ถูกต้อง การคิดต่างไม่เป็นไร แต่ว่าวิธีการต้องถูกต้อง เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นโดยระเบียบ โดยกฏหมาย
เพราะถ้าจะให้มีการเปลี่ยนแปลงก็ต้องนำสู่ขบวนการแก้ไขปรับปรุงระเบียบ เมื่อปรับปรุงระเบียบเสร็จเรียบร้อยแล้ว ถ้าเสียงคนส่วนใหญ่เห็นพ้องด้วยว่าการใส่ชุดไปรเวทไปเรียนเป็นสิ่งที่ชอบ ที่ดี และคนในประเทศเห็นด้วย ก็เข้าสู้ขบวนการแก้ไข และเมื่อแก้ไขระเบียบแล้ว ก็ปฏิบัติตามนั้น ผมว่านั้นคือขบวนการที่ชอบและถูกต้อง แต่วันนี้น้องๆเชิญชวนในลักษณะที่ระเบียบยังไม่ได้แก้ไข ก็เท่ากับเป็นการเชิญชวนให้น้องๆคนอื่นไม่ปฏิบัติตามระเบียบ กติกา ซึ่งผมเองมีความเชื่อว่าน้องๆนักเรียนที่อยู่ในโรงเรียนคงมีวิจารณญาณที่จะวินิจฉัยว่า เขาจะปฏิบัติตามระเบียบหรือเขาจะปฏิบัติตามคำเชิญชวน ผมคิดว่าถ้าเขาได้ใช้วินิจฉัยตรงนี้แล้ว ก็ควรจะปฏิบัติตามระเบียบ เพราะเป็นข้อบังคับซึ่งกำหนดไว้ให้ปฏิบัติ ถ้าไม่ปฏิบัติก็จะหมายความว่ามีบกพ่องต่อระเบียบนั้น ก็จะมีผลต่อคะแนนความประพฤติ ซึ่งก็จะมีผลกระทบต่อน้องๆนักเรียน ดังนั้น น้องๆนักเรียนควรใช้วิจารณะญาณในการคิดไต่ตรองว่าจะเลือกปฏิบัติตามระเบียบ หรือจะเลือกตามคำเชิญชวน ถ้าเห็นด้วยกับการใส่เครื่องแบบนักเรียน หรือถ้าไม่เห็นด้วยกับการใส่เครื่องแบบนักเรียน ก็แสดงความเห็นได้ แต่ก็ควรรอการเปลี่ยนแปลงระเบียบก่อน ไม่ควรไปปฏิบัติซึ่งขัดต่อระเบียบที่ยังไม่ได้มีการแก้ไข เพราะน้องๆทุกคนต้องการอยู่ในสังคมที่มีระเบียบ มีวินัย ซึ่งเกี่ยวกับความรับผิดชอบต่อตนเองและต่อสังคมในการอยู่ร่วมกัน เพราะถ้าทุกคนปฏิบัติตามระเบียบกฏกติกาก็จะทำให้เกิดความสุขสงบในสังคมได้ ซึ่งกลุ่มน้อง ๆเชิญชวนได้ เพราะเป็นสิทธิ แต่การปฏิบัติเป็นสิ่งที่น้อง ๆต้องวินิจฉัยว่าจะเลือกปฏิบัติแบบไหนที่เป็นคุณ หรือเป็นความสุขกับน้อง ๆในระยะยาวในการอยู่ร่วมกัน” เลขาธิการ กพฐ. กล่าว
นายอัมพร กล่าวอีกว่า ขณะนี้ตนได้สื่อสารกับผู้อำนวยการโรงเรียนต่าง ๆไปแล้ว ว่า ถ้ามีนักเรียนแต่งชุดไปรเวทไปเรียนจะทำอย่างไร ณ วันนี้ ตนยังไม่อยากให้คาดเดาว่าเหตุการนี้จะเกิดขึ้นที่โรงเรียนใดบ้าง แต่ยังเชื่อว่านักเรียนจะมีวิจารณญาณในการที่จะตัดสินใจ และทางโรงเรียนคงต้องถือปฏิบัติตามระเบียบกติกาที่ถือปฏิบัติร่วมกันมา เพราะเป็นกติกากลาง ที่ตกลงร่วมกันระหว่างผู้ปกครอง นักเรียน คุณครู และกรรมการสถานศึกษาในแต่ละโรงเรียนที่ยึดถือเป็นแนวปฏิบัติ แต่ถ้าในอนาคตต้องการแก้ไขกฏระเบียบ ก็ต้องนำเข้าสู่ขบวนการปรับปรุงแก้ไขกติกา แล้วค่อยปฏิบัติตามกติกาใหม่ แต่ในตอนนี้คงต้องถือปฏิบัติตามกติกาที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน แต่เราก็ไม่ละเลยเสียงสะท้อนของน้อง ๆที่ว่าการแต่ไปรเวทจะดีกว่าอย่างไร เพราะปัจจุบันนี้โรงเรียนก็เปิดให้นักเรียนแต่ชุดไปรเวทซึ่งเป็นชุดประจำท้องถิ่นมาเรียนสัปดาห์ละ 1 วัน อยู่แล้ว บางวันก็ใส่ชุดกีฬา จึงไม่ได้กำหนดตายตัวว่าทุกคนจะต้องใส่ชุดนักเรียนตลอดทุกวัน เป็นการเปิดโอกาสให้นักเรียนทดลงใส่ชุดที่หลากหลายเพื่อความแตกต่างของแต่ละโรงเรียน
“ส่วนที่กลุ่มนักเรียนนัดใส่ชุดไปรเวท ไปเรียนในวันที่ 1 ธ.ค.เพื่อแสดงเชิงสัญลักษณ์ นั้น ผมมองว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะทุกวันก็มีนักเรียนแต่งกายผิดระเบียบอยู่แล้ว ครูคงไม่ไปหมายหัว หรือมองว่าคนทำผิดคือโจรผู้ร้าย ครูคงไม่มีจิตใจแบบนั้นแนนอน ครูทำบนพื้นฐานความเอื้ออาทร เพราะครูมีหน้าที่อบรมดูแลนักเรียนให้เป็นนคนดี ถ้าเด็กไม่ปฏิบัติตามระเบียบครูก็ต้องชี้ให้เห็นว่าเขาทำผิดกติกาสังคมอย่างไร การลงโทษนักเรียนก็มีระเบียบว่าด้วยการลงโทษนักเรียนอยู่แล้ว คุณครูทำเกินกว่าระเบียบการลงโทษนักเรียนก็ทำไม่ได้อยู่แล้ว จะกลายเป็นการละเมิดสิทธิ์ ซึ่งระหว่างคุณครูกับนักเรียนก็ต่างมีกฏหมายคุ้มครองอยู่แล้ว ก็ต้องถือปฏิบัติตามกติกา ดังนั้น ก็ให้ดูที่เจตนา เพราะบางคนมีชุดนักเรียนชุดเดียวฝนตกเปียกจึงต้องใส่ชุดปกติมาโรงเรียนได้ แต่ถามว่า กับการที่เขาไม่มาโรงเรียนสิ่งไหนจะเสียหายมากกว่ากัน ดังนั้น จึงให้ครูดูว่าเด็กเขามีปัญหาอะไรจึงไม่ใส่ชุดนักเรียนมา อยากให้มองแยกว่าการมาโรงเรียนก็เป็นเรื่องหนึ่ง ส่วนการแต่กายก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ส่วนถ้าไม่ใส่ชุดนักเรียนมาในวันที่โรงเรียนกำหนด ครูก็คงให้เด็กเข้าเรียนปกติ แต่ทางโรงเรียนก็ต้องชี้แจ้งว่าเขาไม่ปฏิบัติตามระเบียบอย่างไร และถามว่าทำไมจึงไม่ใส่ชุดนักเรียนมา และผู้ปกครองก็ต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการหาแนวทางพูดคุยกับน้องๆนักเรียน หากผิดระเบียบการแต่งกายก็ว่าด้วยความผิดระเบียบการแต่งกาย มีโทษอย่างไรก็ว่าไปตามระเบียบ แต่ต้องดูที่เจตนา ความจำเป็น ไม่ใครใส่ชุดไปรเวทมาเรียนถือเป็นความผิดหมด ส่วนเรื่องชุดนักเรียนทาง สพฐ.ได้จัดสรรงบเรียนฟรีให้นักเรียน 5 อย่าง เช่น ฟรีค่าเล่าเรียน หนังสือเรียน อุปกรณ์การเรียน เครื่องแบบ ชุดนักเรียน และกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ให้กับนักเรียนทุกคนอยู่แล้ว”
เลขาธิการ กพฐ. กล่าวถึงกรณีที่กลุ่มนักเรียนอ้างว่ากฏระเบียบในทางกฏหมายศักดิ์น้อยกว่าข้อกำหนดในรัฐธรรมนูญ นั้น ตนเข้าใจว่าในรัฐธรรมนูญคือสูงสุด และ พ.ร.บ.รองลงมา แต่สุดท้ายโดยกฏหมายลูกจะขัดต่อกฏหมายแม่ไม่ได้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ระเบียบที่กระทรวงศึกษาธิการ ออกมาจะต้องไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว เพราะรัฐธรรมนูญเปิดช่องทางให้จึงสามารถออกระเบียบกติกาได้ ซึ่งรัฐธรรมนูญอาจพูดไว้กว้าง ๆ แต่เวลาลงรายละเอียดเชิงลึกก็ต้องมีการเฉพาะ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี