วันที่ 3 ธันวาคม 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต แถลงสถานการณ์โรคติดเชื้อโควิด-19 ว่า ขณะนี้ทั่วโลกมีการติดเชื้อเกือบ 65 ล้านคน โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านไทย เช่น เมียนมามีการติดเชื้อในระยะที่ Active มีอัตราผู้ป่วยมากขึ้น และยังไม่มีแนวโน้มจะลดลง สำหรับประเทศไทยมีรายงานพบผู้ติดเชื้อวันนี้ (3 ธ.ค.) 13 ราย โดย 7 ราย เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศและอยู่ในสถานที่กักกัน ส่วนอีก 6 ราย คือคนที่ลักลอบเข้ามาในประเทศไทย โดยข้ามมาจากท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ซึ่งมีการรายงานไปแล้วเมื่อวันที่ 2 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทั้งนี้กรณีผู้ติดเชื้อหลบหนีข้ามแดนจากเมียนมาเข้ามาโดยไม่ผ่านกระบวนการกักตัวนั้น อยู่ในระบบการดูแลควบคุมป้องกันโรคทั้ง 10 ราย และสามารถระบุเส้นทางที่เกี่ยวข้องได้ มีการค้นหาผู้เสี่ยงสูงเสียงต่ำและเข้าสู่ระบบควบคุมป้องกันโรคในสถานที่ปลอดภัย
“จากการตรวจสอบ พบว่าการลักลอบเข้ามานั้นมีการอาศัยช่วงเปลี่ยนเวรพอดี ซึ่งกลุ่มนี้จับจ้องอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ฝ่ายปกครองมีการดำเนินการอย่างเข้มข้นแล้ว” นพ.เกียรติภูมิ กล่าว
ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รักษาการอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า สำหรับกรณีที่มีคนไทยลักลอบเข้าประเทศมาและตรวจเจอเชื้อโควิด-19 รวม 10 ราย ตามที่แถลงรายละเอียดไปแล้วนั้น โดยอยู่ที่เชียงใหม่ 3 ราย เชียงราย 3 ราย กรุงเทพฯ 1 ราย พิจิตร 1 ราย ราชบุรี 1 ราย และพะเยา 1 ราย ทั้งหมดจุดเริ่มต้นติดเชื้อมาจากฝั่งท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ซึ่งผู้เกี่ยวข้องจะมีการดำเนินการเอาผิดตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ 2558, พ.ร.บ.คนเข้าเมือง, และ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ขณะนี้เจ้าหน้าฝ่ายปกครองได้คุมเข้มตามแนวชายแดน สแกนทุกตารางนิ้ว แต่ก็ประสานไปยังฝั่งเมียนมาว่ามีคนไทยต้องการกลับเข้าประเทศกี่คน เพื่อให้เข้าสู่ระบบกักตัวเพื่อควบคุมป้องกันโรค ซึ่งได้รับรายงานเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (3 ธ.ค.) ว่ามี 150 ราย ที่แจ้งความประสงค์เข้ามา อย่างไรก็ตามตัวเลขอาจจะยังไม่นิ่ง
นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า สำหรับคนที่ลักลอบเข้ามาแล้วตั้งแต่เดือน พ.ย.เป็นต้นมา ขอให้รายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่เพื่อให้การดูแล ควบคุมป้องกันโรคต่อไป ขณะเดียวกันขอให้เจ้าของบ้านพัก โรงแรม คอนโดฯ ถ้าพบว่ามีคนเดินทางมาจากฝั่งเมียนมาโดยเฉพาะจากท่าขี้เหล็กให้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่บ้านเมือง หรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุข นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้สถานพยาบาลคัดกรอง ซักประวัติอย่างเข้มถ้าเป็นคนที่มาจากท่าขี้เหล็ก ให้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทุกราย รวมถึงสั่งการ อสม.ตรวจสอบเคาะประตูบ้านด้วย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ในเรื่องของการเฝ้าระวังควบคุมป้องกันโรคนั้นได้สั่งการไปยังทุกจังหวัดทั่วประเทศ ไม่เฉพาะจังหวัดชายแดนเท่านั้น
กรณีที่ตรวจพบว่ามีการติดเชื้อ 10 ราย นั้น มีการสอบสวนโรคพบผู้สัมผัสรวมทั้งหมด 699 ราย แยกเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 175 ราย เท่าที่ตรวจขณะนี้ยังให้ผลเป็นลบแต่จะตรวจสอบอีกครั้ง และกักตัวจนกว่าจะพ้นระยะฟักตัว ส่วนผู้สัมผัสเสียงต่ำ 524 คนขณะนี้อยู่ระหว่างแยกกักตัวเพื่อคุมไม่สังเกตอาการร่วมมีผู้สัมผัสทั้งหมด 699 คน และว่าขอชื่นชมศิลปินที่ยกเลิกการแสดง แล้วกักตัวเองทันที หลังได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ว่ามีการสัมผัสกับผู้ป่วย ซึ่งมาตรการป้องกันตัวเองส่วนบุคคลคือการสวมหน้ากากอนามัย และปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่นั้น เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราสามารถควบคุมสถานการณ์ ได้ ส่วนคนไทยกลุ่มอื่นใช้ชีวิตได้ตามปกติไม่ต้องกังวล เราเชื่อว่าเราสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ถ้าทุกคนช่วยกัน
นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า สำหรับที่งานฟาร์ม Festival ที่สิงห์ปาร์ค จังหวัดเชียงราย ซึ่งมีกลุ่มผู้ติดเชื้อไปเที่ยวนั้น และมีนักท่องเที่ยวไปเที่ยวเยอะจึงกังวลสอบถามเข้ามามาก โดยเฉพาะวันที่ 29 พ.ย. ทั้งนี้ แต่จากการตรวจสอบพบว่าหญิงพะเยาที่มีการติดเชื้อโควิด-19 นั้นมีการเข้าพื้นที่ดังกล่าวดังนี้ เวลา19.30 น.ไปซื้อตั๋ว เวลา 19.38 น.ไปที่จุดตรวจอาวุธ เวลา 19.41 น. ไปห้องน้ำและเข้าฟาร์ม ดังนั้นจุดสำคัญคือถ้าผู้ร่วมงานแล้วไปที่หน้าเวที ไปโซนลานเบียร์ ไปห้องน้ำในเวลาดังกล่าวนั้นขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อให้เจ้าหน้าที่ให้คำแนะนำรายละเอียดและให้การตรวจต่างๆ ที่จำเป็นกับท่าน หากท่านสงสัยสามารถติดต่อสำนักงานสาธารณสุขเชียงใหม่ โทร. 08-4805-3131 หรือ 08-4805-2121 หรือ 0-5428-1027-15, 09-1007-2384 หรือ 08-1883-0415 และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงราย โทร. 0-5391-0384, 0-5391-0385
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี