“สธ.” ชี้ “4 พยาบาลสาว” ติดโควิดเข้าข่ายเป็นกลุ่มก้อน เร่งถอดรหัสพันธุกรรม-รอสอบสวนโรค “สบส.” ย้ำการติดเชื้อใน ASQ ไม่สูง เมื่อเทียบกับการติดเชื้อภาพรวมทั้งประเทศ ยังไม่ต้องสั่งห้าม ASQ ดังกล่าวรับคนเข้ากักตัวเพิ่ม
8 ธันวาคม 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข นพ.จักรรัฐ พิทยาวงศ์อานนท์ ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์และแผนงาน กรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศ ซึ่งเป็นบุคลากรการแพทย์ (พยาบาล) (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ด่วน!!! ศบค.รายงานพบติด‘โควิด’ใหม่ 19 ราย เป็น‘บุคลากรทางการแพทย์’ 4 รายใน กทม.) ว่า ทั้ง 4 รายนั้นเป็นเพื่อนกันและเป็นเพื่อนกับบุคลากรการแพทย์ที่รายงานการติดเชื้อไปก่อนหน้านี้ จากการสอบสวนโรคเบื้องต้นมีผู้สัมผัสทั้งหมด 280 ราย แบ่งเป็น ผู้สัมผัสที่เสี่ยงสูง 51 ราย แบ่งเป็นผู้ที่อยู่ใน รพ.เอกชนแห่งหนึ่ง 31 ราย เพื่อนร่วมห้องพัก 6 ราย ผู้สัมภาษณ์ในห้องสัมภาษณ์งานใน รพ.รัฐแห่งหนึ่ง 1 ราย ครอบครัว 7 ราย ผลตรวจทั้งหมดเป็นลบ และผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 229 ราย อยู่ระหว่างการรอผล ทั้งในโรงพยาบาล , อัลเทอร์เนทีฟ สเตต ควอรันทีน (ASQ) อีก 2 แห่งอยู่ระหว่างรอผล
“ในกลุ่มบุคลากรการแพทย์รอบนี้รวมรอบแรกเป็น 5 ราย ถือเป็นการติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อน แต่ไม่ใหญ่มาก รายละเอียดรอผลการสอบสวนโรค ต้องมีการตรวจหาสารพันธุกรรมเชื้อ เพื่อดูว่าทั้งหมดนี้มีการติดเชื้อมาจากที่ไหน ก่อนจะมีการแถลงอย่างเป็นทางการอีกครั้ง” นพ.จักรรัฐ กล่าว
ด้าน นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) แถลงมาตรการเข้มในสถานกักกันของรัฐทุกประเภท ว่า สถานกักกันถือเป็นกลไกสำคัญในการควบคุมโรคสำหรับคนที่เข้ามาในประเทศ โดยปัจจุบันเรามีสถานกักกันของรัฐ หรือ State Quarantine 25 แห่ง สถานกักกันทางเลือก Alternative State Quarantine (ASQ) 116 แห่ง Alternative Lacal Quarantine 39 แห่ง และ Alternative Hospital Quarantine (AHQ) 183 แห่ง โดยเฉพาะ ASQ มีส่วนสำคัญในการรองรับประชาชนที่เข้ามาในประเทศไทย ข้อมูล ขณะนี้มีคนเดินทางเข้ามาในระบบคลอรันทีนทั้งหมด 171,016 คน โดยอัตราการติดเชื้ออยู่ที่ 0.67% และติดเชื้อในอัลเทอเนทีฟ สเตจ คลอรันทีน อยู่ที่ 0.54% ซึ่งไม่ได้สูงเมื่อเทียบกับภาพรวมของการติดเชื้อ
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีพบบุคลากรทางการแพทย์ติดเชื้อในสถานกักกันทางเลือก นพ.ธเรศ กล่าวว่า จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเรามีการวางระบบความปลอดภัยให้ทั้งผู้เข้าพัก ทั้งผู้ให้บริการ และเรายังมีผู้ดูแล ที่เรียกว่า โควิดคอมมานเดอร์ มาดูแลในแต่ละโรงแรม และยังมีของกระทรวงกลาโหมที่เรียกว่า อินซิเดนท์คอมมานเดอร์ ทั้งนี้ ในวันพรุ่งนี้ (9 ธันวาคม 2563) จะมีการซักซ้อมชี้แจงแนวปฏิบัติอย่างเคร่งครัดโดยทีมกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ร่วมกับกรมควบคุมโรคจะเป็นผู้ชี้แจงผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ กรณีที่เกิดขึ้นยังไม่ต้องสั่งระงับคนเข้ามากักตัวเพิ่มในสถานที่กักกันทางเลือกดังกล่าว
เมื่อถามว่าบุคลากรทางการแพทย์ 4 รายที่ติดเชื้อเป็นเพื่อนกับบุคลากรทางการแพทย์ที่พบเชื้อเมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2563 ใช่หรือไม่ นพ.ธเรศ กล่าวว่า ทั้ง 5 คนเป็นเพื่อนกัน ปฏิบัติในสถานที่กักกันทางเลือก ASQ ส่วนรายละเอียดขอให้รอการสอบสวนโรคก่อน เนื่องจากขณะนี้ทางทีมของกรมควบคุมโรคลงไปยังพื้นที่แล้ว ส่วนสาเหตุการติดเชื้อนั้นกำลังอยู่ระหว่างการสอบสวนโรค เพื่อให้ทราบว่าจุดอ่อนอยู่ตรงไหน แต่หากไปดูแล้วและปฏิบัติตามข้อกำหนดทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนชุด PPE หรือเครื่องมือป้องกันต่างๆ หรือก่อนปฏิบัติงานก็จะมีการซักซ้อม ส่วนมีการพูดคุยหรือทำกิจกรรมอะไรก็ต้องรอการสอบสวนเพิ่มเติม
เมื่อถามถึงกรณีก่อนหน้านี้มีการทำนโยบายระดับชาติเกี่ยวกับสถานกักกันตัวเพื่อเฝ้าระวังโควิดว่า หาก ASQ ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดจะมีบทลงโทษ นพ.ธเรศ กล่าวว่า ขณะนี้ขอรอการสอบสวนโรคก่อน เพราะหากเป็นความผิดพลาดจากความประมาทเลินเล่อ ความตั้งใจก็จะอีกเรื่องหนึ่ง แต่จริงๆโรงแรมหรือสถานพยาบาลที่เข้าสู่ระบบมีความตั้งใจดี เพราะกระบวนการรับคนมากักกันคนที่โรงแรมหรือโรงพยาบาลคู่สัญญา ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องช่วยชาติ ไม่เช่นนั้นคนไทยหรือคนต่างชาติจะเข้ามาสู่ประเทศได้อย่างไร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี