พล.ต.ท.โสภณ พิสุทธิวงษ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กรุงเทพมหานคร (ศบค.กทม.) ประธานการประชุม ศบค.กทม. ได้มอบหมายให้ สำนักงานเขต คณะทำงานด้านการประสานงานการดูแลความสงบเรียบร้อย และหน่วยงานเกี่ยวข้อง เร่งลงพื้นที่ตรวจสถานประกอบการ 4 ประเภท ประกอบด้วย สนามมวย ผับ บาร์ และคาราโอเกะ ในพื้นที่ให้ครบทุกแห่ง ภายในวันที่ 15 ธันวาคม 2563 เพื่อเฝ้าระวังการแพร่เชื้อโควิด-19 พร้อมทั้งทำความเข้าใจและขอความร่วมมือเจ้าของสถานประกอบการดำเนินการในการป้องกันโควิด-19 โดยเฉพาะการให้ผู้มาใช้บริการใช้แพลตฟอร์ม “ไทยชนะ”แทนการลงชื่อในสมุด เนื่องจากแพลตฟอร์ม “ไทยชนะ” มีความชัดเจนทางข้อมูลในการติดตามตัวบุคคลได้ง่ายกว่าการลงชื่อในสมุดเพราะบางคนไม่ลงชื่อหรือเบอร์โทรที่เป็นความจริง พร้อมทั้งกำชับให้เข้มงวดเจ้าหน้าที่และผู้ที่มาใช้บริการต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้ง ล้างมือบ่อยๆ บริหารจัดการพื้นที่ให้มีความเหมาะสมกับจำนวนคนที่ไม่แออัดเกินไป และจัดแอลกอฮอล์เจลหรือแอลกอฮอล์ล้างมือไว้บริการด้วย 

พร้อมกันนี้ ได้กำชับให้หน่วยงานเกี่ยวข้องจัดเตรียมหน้ากากอนามัย และแอลกอฮอล์เจลหรือแอลกอฮอล์ล้างมือไว้สำหรับแจกจ่ายให้ประชาชนหากมีการระบาดของไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศเพื่อนบ้านค่อนข้างน่าวิตก มีคนไทยที่ลักลอบไปทำงานในประเทศเพื่อนบ้านและติดเชื้อโควิด-19 เดินทางกลับมายังประเทศไทยโดยไม่เข้าระบบกักตัว ทำให้เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศอีกครั้ง

สำหรับการตรวจแรงงานต่างด้าวในสถานประกอบการ รวมถึงแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายที่แฝงตัวในกิจการประเภทต่างๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ สำนักอนามัยรายงานการตรวจสอบใน 6 กลุ่มเขต โดยเน้นสถานประกอบการทุกแห่งที่มีการจ้างแรงงานเมียนมาตามข้อสั่งการกระทรวงมหาดไทย ขณะนี้ได้ดำเนินการไปแล้ว 80% โดยกลุ่มเขตกรุงธนเหนือตรวจครบแล้ว 100% กลุ่มเขตอื่นตรวจแล้ว 80-90% ทั้งนี้ หลังจากพบแรงงานเมียนมา 6 ราย ในพื้นที่เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เป็นแรงงานผิดกฎหมายไม่มีใบอนุญาตทำงาน ซึ่งได้ประสานสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ส่งตัวกลับประเทศไปขณะนี้ยังไม่พบเพิ่มเติม ยังคงเฝ้าระวังแรงงานที่แฝงตัวอยู่ในกิจการต่างๆ ซึ่งตรวจสอบได้ยากต้องอาศัยประชาชนช่วยแจ้ง หากพบเห็นหรือสงสัยให้แจ้งสำนักงานเขตเข้าไปตรวจสอบ ซึ่งที่ผ่านมามีประชาชนแจ้งเข้ามาไปตรวจสอบแล้วยังไม่พบ ส่วนกรณีผู้ป่วยโควิด-19 ที่เดินทางกลับจากเมียนมา กรุงเทพมหานคร ติดตามกลุ่มสัมผัสมาตรวจครบแล้วไม่พบติดเชื้อ ขอความร่วมมือประชาชนสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้าและสแกน “ไทยชนะ” ซึ่งจะช่วยให้การสอบสวนโรคและติดตามผู้สัมผัสได้เร็ว หากไม่ได้สแกน “ไทยชนะ” จากที่ติดตามผู้สัมผัส 2-3 ราย อาจเพิ่มสอบสวนโรคเป็น 200-300 ราย