กรมส่งเสริมสหกรณ์ ฝากข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีการกำหนดร่างกฎกระทรวง สืบเนื่องจากกรณีการทุจริตสหกรณ์ออมทรัพย์ และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนหลายแห่งต่อเนื่องในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา และส่งผลกระทบต่อเงินฝากเงินหุ้นของสมาชิก กรมส่งเสริมสหกรณ์จึงได้มีการปรับปรุงพระราชบัญญัติสหกรณ์เดิมเพื่อให้ทันกับธุรกรรมทางการเงินที่เปลี่ยนไปจนได้มาซึ่งพระราชบัญญัติสหกรณ์ ฉบับแก้ไข พ.ศ.2562เป็นเหตุให้ต้องมีการออกกฎกระทรวงตามพ.ร.บ.สหกรณ์ใหม่ เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไขให้กับสหกรณ์ปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งมีเป้าหมายสูงสุดคือการส่งเสริมความเข้มแข็งของระบบสหกรณ์และรักษาประโยชน์สูงสุดของสมาชิกโดยยึดหลักธรรมาภิบาลและหลักการสหกรณ์ซึ่งนายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ บอกว่า กรมส่งเสริมสหกรณ์ได้เสนอร่างกฎกระทรวงออกตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2562 รวม 5 ฉบับ ที่คณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบในหลักการและส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (สคก.) ตรวจพิจารณา ขณะนี้อยู่ระหว่างการรับฟังความเห็นของผู้มีส่วนได้เสีย
โดยปรากฏว่ามีผู้บริหารสหกรณ์ มีความกังวลใจในร่างกฎกระทรวงตามพระราชบัญญัติสหกรณ์ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2562 รวม 5 ฉบับ ในประเด็นข้อกังวลกรณีฝ่ายสหกรณ์จำนวนหนึ่งได้เสนอโดยเฉพาะในประเด็นเรื่องการกำหนดงวดชำระหนี้ของสมาชิก รายได้คงเหลือหลังจากหักหนี้ของสมาชิกในการดำรงชีวิต นายวิศิษฐ์ได้ชี้แจงว่าในระหว่างการพิจารณา สคก. ได้เปิดโอกาสในการรับฟังความเห็นทั้งจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และจากภาคสหกรณ์ที่มีผู้แทนสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทยและชุมนุมสหกรณ์ นักวิชาการอิสระเข้าร่วมด้วย ทั้งนี้ ภาคราชการต้องคำนึงถึงเป้าหมายสำคัญคือ การกำกับดูแลระบบสหกรณ์ให้มีความเข้มแข็งทางการเงินและเกิดประโยชน์ที่แท้จริงกับมวลสมาชิก จึงอาจทำให้มีข้อกำหนดในบางเรื่องไม่สอดรับกับข้อเสนอของภาคสหกรณ์ ซึ่งจากการสำรวจข้อมูลของกรมส่งเสริมสหกรณ์ ณ วันที่ 30 พ.ย.2563 มีจำนวนสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน 563 แห่ง สหกรณ์ออมทรัพย์ 1,318 แห่ง รวม 1,881 แห่ง พบว่า กรณีการกำหนดงวดชำระหนี้เงินกู้สามัญ ที่กำหนดให้สมาชิกชำระเสร็จภายใน 150 เดือนตามร่างกฎกระทรวงนั้น มีสหกรณ์ร้อยละ 72.35 ที่อยู่ในเกณฑ์และในร้อยละ 72.35 ก็ยังพบว่ามีถึงร้อยละ 58.64 ที่ปัจจุบันให้ไม่เกิน 120 เดือน สำหรับสหกรณ์ที่กำหนดงวดเกินกว่า 150 เดือน ถึงมากกว่า 240 เดือน มีจำนวนร้อยละ 27.65 กลุ่มนี้ต้องปรับตัว กรมจึงได้กำหนดไว้ชัดเจนในบทเฉพาะกาลให้เวลาสหกรณ์ในกลุ่มร้อยละ 27.65 ปรับตามตามเกณฑ์ภายในระยะเวลา 10 ปี
ส่วนข้อกังวลกรณีกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการกำกับดูแลสหกรณ์ออมทรัพย์และสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนที่ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา ไม่ว่าจะเป็นการจัดหาแหล่งเงินทุนที่กำหนดให้ต้องกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินและนิติบุคคลที่มีวัตถุประสงค์เฉพาะเพื่อไม่ให้เป็นระดมทุนจากประชาชนเป็นการทั่วไป หรือการให้เงินกู้หรือการให้สินเชื่อแก่สมาชิกที่กำหนดว่าการให้เงินกู้สามัญแก่สมาชิกต้องไม่กำหนดงวดชำระหนี้ยาวเกินไป และสมาชิกจะต้องมีเงินได้คงเหลือหลังหักชำระหนี้แล้วไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 รวมทั้งการกำหนดให้สมาชิกที่มีการขอกู้ยืมเงินเกิน 1 ล้านบาท ต้องส่งข้อมูลเครดิตบุโรประกอบการพิจารณา ล้วนเป็นไปเพื่อไม่ให้สมาชิกมีภาระหนี้สินมากจนเกินไปและมีคุณภาพชีวิตที่ดี ส่วนในข้อกังวลต่อข้อกำหนดอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการดำรงสินทรัพย์สภาพคล่อง การจำกัดการกระจุกตัวในการทำธุรกรรมกับลูกหนี้และเจ้าหนี้รายใดรายหนึ่ง และเรื่องอื่นๆ ในร่างนี้ก็เป็นไปเพื่อประโยชน์และความมั่นคงทางการเงินของสหกรณ์และสมาชิกของสหกรณ์นั้นๆในระยะยาวเป็นสำคัญ ซึ่งกรมทราบถึงข้อกังวลใจของขบวนการสหกรณ์ที่จะต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ใหม่โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะเปลี่ยนผ่าน โดย รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ ได้ยืนยันว่าแนวทางในการกำหนดกฎกระทรวงได้ถือปฏิบัติเป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีอย่างเคร่งครัดในเรื่องการเปิดรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่าย ที่ให้ส่วนราชการได้คำนึงถึงการให้โอกาสสหกรณ์ในการปรับตัวในช่วงการเปลี่ยนผ่านไปสู่การปฏิรูประบบการบริหารจัดการและกำกับดูแลกิจการสหกรณ์ต่อไป...
ขุนเกษตรา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี