กรณีพบพะยูนท้องแก่เสียชีวิต และพบบาดแผลภายในปาก คาดว่าเป็นการตัดเขี้ยวออกไป 1 อัน เบื้องต้นจากการชันสูตรพบลักษณะแผลจากการถูกของมีคมและเป็นวัตถุแข็งกระแทกบริเวณส่วนท้ายของลำตัวด้านขวา ผิวหนังลอกหลุดบริเวณกว้าง และพบกล้ามเนื้อเกิดการฉีกขาดอย่างรุนแรง ซึ่งบ่งชี้ถึงการได้รับบาดเจ็บจากของมีคมและเป็นวัตถุแข็งกระแทกอย่างรุนแรง ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นสมอเรือ สำหรับเขี้ยวของพะยูนข้างซ้ายบางส่วนมีรอยตัดจากของมีคมตัด ซึ่งคาดว่าถูกเลาะออกไปภายหลังจากการเสียชีวิต เนื่องจากไม่พบรอยช้ำของบาดแผลโดยรอบนั้น
ล่าสุด นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ตนได้รับรายงานด่วนจากพื้นที่เมื่อวานนี้ (17 ธันวาคม 2563) ว่าพบพะยูนท้องแก่เสียชีวิตบริเวณอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ระหว่างเกาะแหวนกับเกาะกระดาน หมู่ที่ 2 ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง โดยพะยูนที่พบมีลูกในท้องอายุประมาณ 13 - 15 เดือน และพบว่าภายในปากมีบาดแผลใหญ่ เขี้ยวหายไป 1 ข้าง ตนรู้สึกเสียใจและสะเทือนใจเป็นอย่างมาก
ซึ่งนับตั้งแต่กรณีน้องมาเรียม และน้องยามีล สังคมไทยได้บทเรียนเรื่องขยะพลาสติกในทะเลไปแล้ว ครั้งนี้คาดว่าจะเป็นเหตุจากความประมาทของการทิ้งสมอเรือ ส่วนการที่เขี้ยวหายไปคาดว่าเกิดจาการลักลอบตัดไปของผู้ที่พบเห็นซากพะยูน ซึ่งนับว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 และตามอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ หรือ CITES กำหนดให้พะยูนเป็นชนิดพันธุ์ของสัตว์ที่ห้ามค้าโดยเด็ดขาด เนื่องจากใกล้จะสูญพันธุ์
นอกจากนี้ คณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบ (ร่าง) ประกาศกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เรื่อง มาตรการคุ้มครองทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ในพื้นที่ อ.ปะเหลียน , อ.หาดสำราญ , อ.ย่านตาขาว , อ.กันตัง และ อ.สิเกา จ.ตรัง ซึ่งอยู่ระหว่างการเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อให้ความเห็นชอบ เพื่อจะได้ดำเนินประกาศตามกระบวนการต่อไป ซึ่งจะช่วยดูแลคุ้มครองพะยูนในพื้นที่ จ.ตรัง ซึ่งตนได้ย้ำกับ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้กำชับและกำกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งให้ดำเนินการตามกฎหมายให้ถึงที่สุด
"สุดท้ายตนอยากฝากถึงพี่น้องประชาชนทุกคนว่า เราจะต้องสูญเสียพะยูนไปอีกสักกี่ตัวเพื่อเรียนรู้ถึงความผิดพลาดของมนุษย์ อย่าใช้ชีวิตพะยูนเป็นเครื่องสะท้อนความผิดพลาดของเราอีกต่อไปเลย"
ด้าน นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวเพิ่มเติมว่า กรณีพะยูนท้องแก่เสียชีวิตเป็นพะยูนเพศเมีย ความยาว 257 ซม.น้ำหนักประมาณ 260 - 270 กก.ลักษณะภายนอก มีบาดแผลประมาณ 3 - 4 นิ้ว บริเวณปากเหมือนถูกตัดเขี้ยวออกไป 1 ข้าง โดยเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหมได้ประสานทีมนักวิชาการและสัตวแพทย์ ประจำศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนล่าง (ศวอล.) เพื่อชันสูตรหาสาเหตุการตายอย่างละเอียด เบื้องต้นได้ดำเนินการแจ้งความกรณีพบพะยูนเสียชีวิตดังกล่าวไว้ที่ สภ.กันตัง แล้ว
สำหรับการชันสูตรโดยเจ้าหน้าที่ ศวอล.ร่วมกับ สัตวแพทย์หญิงปิยฉัตร บัวศรี สัตวแพทย์ประจำสถาบันทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีชัยวิทยาเขตตรัง และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม พบว่า เป็นซากพะยูน สภาพซากสด ลักษณะภายนอก มีเพรียงเกาะบริเวณหลังเล็กน้อย พบบาดแผลรอยบาดจากของมีคมบริเวณด้านหลังส่วนท้าย และพบลักษณะแผลจากการถูกของมีคมและเป็นวัตถุแข็งกระแทกบริเวณส่วนท้ายของลำตัวด้านขวา ทำให้พบรอยช้ำบริเวณรอบบาดแผล ผิวหนังลอกหลุดบริเวณกว้าง และพบกล้ามเนื้อมีรอยช้ำ เกิดการฉีกขาดอย่างรุนแรง โดยแผลทะลุเข้าไปในชั้นกล้ามเนื้อจนถึงอวัยวะภายใน ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นสมอเรือ
นอกจากนี้ ยังพบว่าเขี้ยวของพะยูนข้างซ้ายบางส่วนมีรอยตัดจากของมีคมตัด ซึ่งคาดว่าถูกเลาะออกไปภายหลังจากการเสียชีวิต เนื่องจากไม่พบรอยช้ำของบาดแผลโดยรอบ เมื่อเปิดผ่าอวัยวะภายในพบลูกพะยูน ขนาดความยาว 82 ซม.น้ำหนัก 9.2 กก.เพศเมีย อยู่ภายในช่องท้อง คาดอยู่ในช่วงระยะใกล้คลอด
สำหรับเรื่องนี้ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้เดินหน้าป้องกันแก้ไขปัญหามาอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ซึ่งได้กำหนดแผนพะยูนแห่งชาติ โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มจำนวนพะยูนจาก 250 ตัว เป็น 280 ตัว ภายในปี 2565 ซึ่งที่ผ่านมาตนได้กำชับหน่วยงานปฏิบัติการลาดตระเวนและทีมนักวิชาการในการสำรวจ ติดตาม และเฝ้าระวังฝูงพะยูนในทุกพื้นที่ นอกจากนี้ ยังได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการตรวจลาดตระเวนและรายงานผลแบบ Real Time สำหรับพะยูนและสัตว์ทะเลหายากอื่นๆ ด้วย
ทั้งนี้ ต้องขอขอบคุณ อาจารย์ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ที่ห่วงใยทรัพยากรทางทะเลและสัตว์ทะเล และยังให้ความรู้ ความเข้าใจแก่ประชาชนให้ทราบอย่างถูกต้องและต่อเนื่อง
"ตนอยากฝากย้ำกับพี่น้องประชาชนหากพบการเสียชีวิตหรือเกยตื้นของสัตว์ทะเลหายาก ขอให้แจ้งหน่วยงานกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในพื้นที่ต่างๆ ทันที ห้ามมิให้จับหรือครอบครองทั้งในสภาพที่มีชีวิต หรือแม้แต่เพียงซากชิ้นส่วนใดๆ ของสัตว์เหล่านั้น ซึ่งจะถือว่ามีความผิดตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 กำหนดว่าผู้ที่ล่าสัตว์ป่าสงวน ต้องระวางโทษจำคุก 3 - 10 ปี ปรับตั้งแต่ 3 แสนบาท แต่ไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีครอบครองสัตว์ป่าหรือซากสัตว์ป่ามีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 5 แสนบาท" อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวย้ำ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี