คณะแอปเตอร์ของเราได้รับความอนุเคราะห์อย่างดียิ่งจากท่านผู้อำนวยการศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานี ที่ท่านได้กรุณาจัดนักวิชาการมาบรรยายด้านงานวิจัยและผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ทำอยู่ในปัจจุบัน และแถมยังนำพวกเรานั่งรถยนต์ไปชมทัศนียภาพแปลงวิจัยข้าวของศูนย์ในอาณาบริเวณติดกัน รวมทั้งพาไปเยี่ยมชมธนาคารเชื้อพันธุ์ข้าวไทย ที่เก็บรวบรวมสายพันธุ์ข้าวที่มีถิ่นกำเนิดและเจริญเติบโตอยู่ในทุกภูมิภาคของไทย เพื่อประโยชน์ในการอนุรักษ์และเป็นเชื้อพันธุ์ในการพัฒนาพันธุ์ข้าวไทยทั้งในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นความสำคัญและมีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการสร้างเสริมศักยภาพในการแข่งขันส่งออกข้าวไทย ไหนๆ มีโอกาสได้พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ในฐานะที่มีประสบการณ์เพราะเคยอยู่ในวงการนี้มายาวนาน และก็ได้ทราบได้เห็นว่าหลายสิ่งหลายอย่าง พวกเราบางคนยังมีความไขว้เขวเข้าใจผิดกันอยู่มาก จึงขออนุญาตถ่ายทอดทำความเข้าใจในบางเรื่องที่สำคัญไว้พอสังเขป ดังนี้ครับ
ประการแรกที่อยากจะกล่าวถึงมากที่สุด คือ เรื่องการวิจัยพัฒนาพันธุ์ข้าวของไทยความจริงประเทศไทยเรานั้นโชคดีมากที่มีต้นทุนด้านพันธุ์ข้าวคุณภาพดีอยู่ในระดับแนวหน้าของโลก โดยในอดีตประมาณปี พ.ศ.2476 ประเทศไทยได้รับรางวัลข้าวคุณภาพดีอันดับหนึ่งของโลก จากการส่งเข้าประกวดข้าวโลกที่ประเทศแคนาดา ทำให้ชื่อเสียงข้าวไทยโด่งดัง และเป็นที่มาของการส่งออกข้าวเป็นอันดับหนึ่งของโลกในยุคหลังจากนั้น และการที่เราสามารถมีข้าวส่งออกได้มากๆ นอกจากเป็นเพราะเรามีพันธุ์ข้าวที่ดีแล้ว ก็สืบเนื่องจากประเทศไทยมีพื้นที่ราบลุ่มเหมาะแก่การทำนาอยู่มากเกินกว่าที่พลเมืองชาวไทยจะบริโภคได้หมด อันนี้ต่างจากบางประเทศที่พื้นที่ปลูกข้าวมีน้อย หรือไม่ก็เกิดภัยธรรมชาติเยอะทำลายผลผลิตข้าว เลยทำให้ข้าวไม่พอกินหรือไม่เหลือส่งออก แต่กระนั้น ต่อมาระยะหลังๆ หลายประเทศก็ได้มีการพัฒนาข้าวในด้านต่างๆ และสามารถยกระดับกลายมาเป็นผู้ผลิตและส่งออกข้าวแข่งกับประเทศไทยได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาด้านพันธุ์ข้าว ซึ่งนอกจากจะมีคุณภาพหุงต้มที่ดี ถูกใจของผู้ซื้อ ถูกปากผู้บริโภค ราคายังต้องถูกกว่าด้วย ซึ่งก็เหมือนกับสินค้าทั่วไป เรื่องนี้จึงทำให้เกิดผลกระทบกับการส่งออกข้าวของไทยในปัจจุบัน
หลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องจึงเกิดคำถามว่าทำไมนักวิจัยบ้านเราจึงไม่พยายามพัฒนาคุณภาพข้าวไทยให้ดำรงความเป็นหนึ่งดังที่เคยเป็น เรื่องนี้จากการพูดคุยกับนักวิชาการด้านข้าว ผมขอเรียนข้อเท็จจริงว่า แม้จำนวนนักวิจัยและงบประมาณจากรัฐที่จัดสรรให้จะไม่ค่อยพอเพียง แต่ทางกรมการข้าวก็ได้จัดทำแผนงานวิจัยพันธุ์ข้าวสืบต่อเนื่องมาโดยตลอดทุกปี ทั้งๆ ที่การวิจัยให้ได้พันธุ์ข้าวพันธุ์ใหม่แต่ละพันธุ์ต้องใช้เวลาประมาณ 10 ปี ก็ตาม (ทั้งนี้เพราะเครื่องไม้เครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่จะเร่งงานวิจัยให้เร็วขึ้นเรายังมีน้อยมาก) เรามีสายพันธุ์ข้าวที่วิจัยเสร็จแล้วแต่เก็บสต๊อกไว้มากมายหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นประเภทข้าวหอม ข้าวพื้นแข็ง ข้าวนุ่ม ข้าวเหนียว ข้าวเมล็ดสั้น ข้าวอุตสาหกรรม ข้าวลูกผสมที่ให้ผลผลิตสูงมาก รวมทั้งข้าวอื่นๆ อีกเยอะแยะ ขาดแต่เพียงยังไม่นำมาผ่านกระบวนการขั้นสุดท้ายที่จะสามารถนำเอาพันธุ์ข้าวนั้นมาใช้ปลูกได้อย่างถูกต้อง คือการประกาศรับรองพันธุ์ตามระเบียบของทางราชการ โดยคณะกรรมการรับรองพันธุ์ข้าว ซึ่งประกอบด้วยนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญ นักการตลาด รวมทั้งผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วน ได้แก่ พ่อค้า โรงสี ตลอดจนตัวชาวนา
ถามว่าถ้าเป็นดังนี้แล้วทำไมเราไม่รีบเอาพันธุ์ข้าวดีๆ ที่วิจัยได้มารับรองและส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกล่ะ อันนี้แหละคือปัญหาที่กรมการข้าวต้องใคร่ครวญอย่างละเอียดถี่ถ้วน เนื่องจากในอดีตที่ผ่านมากรมการข้าวถูกตำหนิติเตียนมากมาย โดยถูกกล่าวหาว่าออกพันธุ์ข้าวมามากเกินไปจนทำให้ตลาดสับสน ทำตลาดยาก เคยขายข้าวอย่างหนึ่งแต่มาออกอีกพันธุ์หนึ่ง ตลาดไม่รู้จักต้องไปเริ่มตั้งต้นนับหนึ่งกันใหม่ ทั้งที่ความจริงในคณะกรรมการรับรองพันธุ์ท่านผู้ตำหนิก็เคยนั่งอยู่ตรงนั้น ก็เลยงงกันไปเรื่องของเรื่องก็คือ การวิจัยพันธุ์ข้าวมันไม่ได้แค่เพียงสนองตอบเฉพาะความต้องการของตลาดแต่เพียงอย่างเดียว หากแต่ยังต้องสนองตอบต่อปัญหาใหม่ๆ รอบด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างรายได้แก่ชาวนา เนื่องจากโลกมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา เช่น มีโรค เกิดแมลงมีน้ำแล้ง เจออากาศร้อน อากาศหนาว พันธุ์เก่าที่เคยปลูกกลับไม่ได้ผลผลิต หรืออ่อนแอต่อโรคแมลง ก็จำเป็นต้องหาพันธุ์ใหม่ปลูกแทน และนี่ก็คือความเป็นจริงพื้นฐานประการแรกของงานวิจัยข้าวของไทยเราครับ
ชาญพิทยา ฉิมพาลี
chanpithya@apterr.org
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี