สัปดาห์นี้เรายังคงอยู่ในประเด็นเรื่องการวิจัยพันธุ์ข้าวไทยที่ผมอยากทำความเข้าใจ คือ เรื่องของเชื้อพันธุ์ข้าว หรือเรียกอีกอย่างว่า พ่อพันธุ์แม่พันธุ์ในการผสมพันธุ์ข้าว ผมคิดว่าใครๆ ก็ทราบนะครับว่าข้าวหรือพืชชนิดต่างๆ ก็เป็นสิ่งมีชีวิต ดังนั้น การจะได้พันธุ์ใหม่ (ลูก) ก็จะต้องมีพ่อและแม่ เหมือนคนและสัตว์ทั่วไป (ยกเว้นสมัยใหม่ที่สามารถพัฒนาพันธุ์โดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูง) ปัจจุบันนอกจากกรมการข้าวจะใช้พันธุ์พ่อพันธุ์แม่ที่มีถิ่นกำเนิดในบ้านเราเองแล้ว เรายังต้องไปขอหยิบยืมแลกเปลี่ยนจากแหล่งอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จากสถาบันวิจัยข้าวระหว่างชาติหรือ International Rice Research Institute หรือ “อีรี่”ที่ตั้งอยู่ในประเทศฟิลิปปินส์
โดยธรรมชาติแล้ว พันธุ์ข้าวพื้นเมืองของไทยเกือบทั้งหมด สามารถปลูกและได้ผลผลิตเพียงปีละครั้งเท่านั้น คือในฤดูฝน ซึ่งเรียกว่า นาปี เริ่มต้นปลูกสักช่วงหลังสงกรานต์ แล้วไปเก็บเกี่ยวช่วงลอยกระทง ก่อนหลังเล็กน้อยตามแต่จะเป็นพันธุ์หนักพันธุ์เบา ทางวิชาการเรียกพันธุ์ข้าวกลุ่มนี้ว่า ข้าวไวแสง ก็อย่างที่เคยเล่าไปแล้วครับว่า พันธุ์ข้าวไทยเราเหล่านี้ส่วนใหญ่ฟ้าประทานให้มีคุณภาพดี กินอร่อย เมล็ดยาวสวย แต่กลับโชคร้ายที่ให้ผลผลิตต่อไร่ค่อนข้างต่ำ กล่าวคือ ออกลูกไม่ค่อยดกนั่นแหละครับ ถ้าจะให้เอาพันธุ์พ่อแม่จากภาคต่างๆ มาสลับผสมกัน ยังไงๆ ก็ได้พันธุ์ลูกที่แม้จะมีคุณภาพดี แต่ผลผลิตก็ยังต่ำติดพ่อติดแม่เหมือนเดิม
ครั้นจะเร่งผลผลิตโดยการให้สารอาหารหรือใส่ปุ๋ยมากขึ้น แทนที่จะได้เมล็ดกลับไปงอกงามเฉพาะที่ลำต้นและใบ หนักเข้าก็จะล้มนอนลงและไม่ยอมตั้งท้องออกเป็นลูกเป็นเมล็ดเสียอีก สุดปัญญาของเหล่านักวิจัยไทย
ที่จะพัฒนา จนในที่สุดต้องหันไปเสาะหาพ่อแม่พันธุ์ต่างชาติมาทดลองผสมดูบ้าง ซึ่งก็ได้อานิสงส์จาก IRRI หรือ อีรี่ นี่แหละครับ ที่เขาอนุญาตให้เราไปหยิบยืมพันธุ์ข้าวที่เขาเก็บรวบรวมไว้จากทั่วโลกมาใช้ ทั้งนี้เพราะอีรี่ คือองค์กรระหว่างชาติที่ไม่แสวงหากำไร ทำหน้าที่วิจัยและพัฒนาข้าวในทุกมิติเพื่อเพิ่มปริมาณอาหาร (ข้าว) เพื่อประโยชน์ของมวลมนุษยชาติ ก่อตั้งในช่วงปี 1960 โดยการสนับสนุนเริ่มแรกด้านเงินทุนจากสหรัฐอเมริกา ทั้งภาคและองค์กรเอกชนต่างๆ และจากประเทศสมาชิก ซึ่งได้แก่ประเทศปลูกข้าวย่านเอเชียรวมทั้งประเทศไทย โดยมีข้อตกลงร่วมมือซึ่งกันและกันทางด้านการวิจัยพัฒนาวิชาการด้านข้าว การแลกเปลี่ยนพันธุกรรมข้าว การฝึกอบรมเพื่อพัฒนาบุคลากร และด้านอื่นๆ แต่มีเงื่อนไขว่า ทุกอย่างต้องมิใช่เป็นไปเพื่อธุรกิจการค้า หากแต่เพื่อประโยชน์ในเชิงวิชาการและมนุษยธรรมเท่านั้น และเพื่อความแฟร์ภายใต้ข้อตกลง ไทยเราก็ต้องมอบเชื้อพันธุ์ข้าวของเราไปเก็บรักษาไว้บางพันธุ์ การที่เราไปขอเอาเชื้อพันธุ์ข้าวต่างประเทศที่อีรี่เก็บรักษาไว้มาทำการผสมพันธุ์ สามารถสร้างเป็นข้าวพันธุ์ใหม่ๆ อีกจนกระทั่งปัจจุบันแทบจะนับไม่ถ้วน เช่น ข้าวพันธุ์ กข ต่างๆ
ประโยชน์ของประเทศไทยที่ได้จากอีรี่ที่เห็นได้ชัดคือ ทุกวันนี้ที่ประเทศไทยสามารถมีพันธุ์ข้าวที่สามารถปลูกได้ตลอดปีไม่ว่าจะเป็นช่วงฤดูไหน สามารถผลิตข้าวได้เกินจะพอกินและเหลือส่งขายเป็นอันดับหนึ่งของโลก ก็สืบเนื่องจากหัวเชื้อ หรือ พ่อแม่พันธุ์ข้าวที่มาจากอีรี่นี่แหละครับ ยิ่งไปกว่านั้น ข้าวที่ได้ผลผลิตต่อไร่สูงขึ้น ลำต้นเตี้ย ตั้งตรง ไม่ล้มง่าย รวงใหญ่ นี่ก็เพราะได้พ่อแม่พันธุ์ที่ดีซึ่งมาจากอีรี่เช่นเดียวกัน อาศัยว่าพื้นฐานพันธุ์ข้าวพื้นเมืองของไทยเรามีคุณภาพหุงต้มดี เมล็ดสวย เลยทำให้ข้าวบ้านเราได้ทั้งผลผลิตสูงบวกคุณภาพดีเข้าไปอีก เหนือกว่าข้าวต่างประเทศ และนี่คือความยอดเยี่ยมของพันธุ์ข้าวไทยที่โดดเด่นอยู่ในปัจจุบันไงครับ
ถามว่าแล้วทำไมผลผลิตเฉลี่ยข้าวของไทยเรายังต่ำกว่าเพื่อนบ้าน ตอบว่าถ้าจะวัดกันในเฉพาะพื้นที่ชลประทาน น้ำท่าสมบูรณ์ในภาคกลางแล้ว ข้าวบ้านเราไม่ได้ผลผลิตต่ำหรอกครับ เพราะเราได้กันประมาณ 1,000 กิโลกรัมต่อไร่ เทียบเท่าหรือเกินกว่าประเทศอื่นๆ ที่ได้ผลผลิตข้าวสูงเสียอีก แต่ที่ผลผลิตเฉลี่ยยังต่ำก็เนื่องจากส่วนมากพื้นที่นาบ้านเราถึงร้อยละ 70 ยังอยู่นอกเขตชลประทานและพึ่งพาน้ำฝนเป็นหลักอยู่ไงยิ่งในภาคอีสานที่มีปริมาณพื้นที่ทำนาครึ่งประเทศ เกือบทั้งหมดอาศัยแต่น้ำฝนที่ตกบ้างไม่ตกบ้าง แล้วอย่างนี้จะทำให้ต้นข้าวที่ปลูกออกดอกออกผลมากได้อย่างไร ก็อย่างที่บอกไปแล้วข้างต้น ข้าวหอมมะลิที่มีคุณภาพระดับโลก หรือข้าวเหนียวที่ปลูกในภาคอีสาน ก็เป็นข้าวพื้นเมืองที่ธรรมชาติให้ผลผลิตต่ำอยู่แล้ว ยิ่งมาเจอขาดน้ำขาดอาหารอีกก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ และเมื่อนำผลผลิตที่ได้มาหารเฉลี่ยทั้งประเทศ ก็เลยไปดึงเอาที่สูงๆ ลงมาด้วยอย่างที่เห็น หมดหน้ากระดาษพอดีฉบับหน้าขอมาว่าต่ออีกนะครับ
ชาญพิทยา ฉิมพาลี
chanpithya@apterr.org
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี