‘กทม.’ ควบคุมสูงสุดทุกเขต ให้ร้านอาหารทุกประเภท ขายแบบ Take Away 1 ทุ่ม-6โมงเช้า เริ่ม 5 ม.ค. ปิดโรงเรียนถึง 31 ม.ค. ขอ ‘งานบวช-งานแต่ง’ เลื่อนไปก่อน เข้มจุดสกัด ขอผู้ไปจังหวัดเสี่ยงกักตัว 14 วัน แต่ไม่บังคับ
เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2564 ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมหานคร แถลงภายหลังการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 2/2564 ว่า หลังจาก ศบค. ได้ออกคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา2019 (โควิด - 19) เรื่อง พื้นที่สถานการณ์ที่กำหนดเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด และข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 16)
ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครเป็นหนึ่งในจังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุด ซึ่งทุกเขตของกรุงเทพฯ จะใช้มาตรการเดียวกันโดยเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดทุกเขต ส่วนการปิดสถานที่เสี่ยงตามข้อกำหนดฉบับที่ 16 ในส่วนของกรุงเทพมหานครได้มีคำสั่งปิด 25 สถานที่เสี่ยงไปแล้วซึ่งครอบคลุมตามประกาศดังกล่าว วันนี้คณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครได้พิจารณาเพิ่มเติม 2 ประเด็น คือ การขยายเวลาปิดสถานศึกษาในพื้นที่กรุงเทพฯ รวมถึงสถาบันกวดวิชา โดยเห็นชอบให้ขยายเวลาปิดออกไปจนถึงวันที่ 31 มกราคม 2564 และเปิดทำการเรียนการสอนอีกครั้งวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564
นอกจากนี้ ได้พิจารณาเวลาเปิดทำการของร้านอาหาร โดยเห็นชอบการจำหน่ายอาหารใน เวลา 19.00 - 06.00 น.ของวันรุ่งขึ้น ให้เป็นการจำหน่าย แบบ Take Away เท่านั้น เนื่องจากการรับประทานอาหารช่วงกลางคืนจะใช้เวลาในการนั่งทานอาหารนานกว่าปกติ เสี่ยงต่อการแพร่ระบาด ในส่วนช่วงเวลากลางวัน 06.00-19.00 น.นั่งทานได้ตามปกติแต่ห้ามการดื่ม/การจำหน่ายสุราในร้านอาหาร เนื่องจากการดื่มสุราจะทำให้มีการรวมกลุ่มและใช้เวลาในการนั่งในร้านอาหารนาน
ทั้งนี้ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันอย่างเคร่งครัด เช่น เว้นระยะห่างระหว่างโต๊ะ 1.5 เมตร คัดกรอง วัดอุณหภูมิผู้เข้าใช้บริการ ควบคุมคิวไม่ให้แออัด ซึ่งจะมีประกาศรายละเอียดอย่างชัดภายในวันนี้ โดยมาตรการร้านอาหาร รวมไปถึงการจำหน่ายแบบหาบเร่-แผงลอย สตรีทฟูดส์ คาเฟ่ ชาบู หมูกระทะ เป็นต้น โดยให้เริ่มดำเนินการพร้อมกันตั้งแต่เวลา 06.00 น.วันที่ 5 มกราคม-31 มกราคม 2564 จากนั้นจะมีการพิจารณามาตรการอีกครั้ง
ในส่วนของการตรวจคัดกรอง ดำเนินการเชิงรุกในพื้นที่กลุ่มเสี่ยง ตรวจไปแล้ว 3,000 ราย พบผู้ป่วย 10 รายเป็นกลุ่มตลาดและโรงงาน โดยกรุงเทพมหานครจะดำเนินการตรวจเชิงรุกอย่างต่อเนื่องต่อไป ควบคู่ไปกับการลงพื้นที่ตรวจสอบการปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนด หากพบมีการฝ่าฝืนกรุงเทพมหานครจะนำมาตรการทางกฎหมายมาบังคับใช้ตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ. ศ. 2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปีหรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อย่างไรก็ตามกรุงเทพมหานครหวังว่าประชาชนจะเข้าใจในสถานการณ์และให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
กรณีรายงานมีผู้ติดเชื้อจากบ่อนในพื้นที่กรุงเทพฯ เบื้องต้นทราบข้อมูลจากกรมควบคุมโรคว่าติดมาจากบ่อนในพัทยา ซึ่งต้องรอข้อมูลการสอบสวนโรคอีกครั้ง อย่างไรก็ตามบ่อนเป็นสถานที่ผิดกฎหมาย ที่ไม่ควรมีการเปิดอยู่แล้ว กรุงเทพมหานครจะประสานตำรวจให้เข้มข้นการตรวจตราให้มากขึ้น
ส่วนกรณีพบชาวโรฮิงญา 14 รายในพื้นที่กรุงเทพฯ ทางตม.กักตัวไว้ที่ ตม.สวนพลู ซึ่งเป็นสถานที่ปิด เขตดอนเมืองได้ลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับประชาชนแล้วโดยกทม.เข้าไป SWAB ทั้ง 14 คนแล้วรอผลใน 1-2วันนี้ ทั้งนี้เป็นการเข้ามาแบบผิดกฎหมาย ในส่วนของผู้ที่นำเข้ามาจะเป็นหน้าที่ของ ตม.สอบสวน โดยในส่วนของกรุงเทพมหานครจะมีหน้าที่สอบสวนโรคเท่านั้น
ในส่วนของการเดินทางข้ามจังหวัด ขณะนี้ยังไม่มีการบังคับให้กักตัวผู้ที่เดินทางมาจากจังหวัดพื้นที่เสี่ยงแต่อย่างใด แต่ขอให้ผู้ที่เดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยงให้กักตัว 14 วันเพื่อดูอาการ และทำแบบประเมินที่ BKKCovid -19 และสวมใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ และเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล หากมีอาการให้เข้าพบเจ้าหน้าที่เพื่อทำการตรวจโรคทันที
ทั้งนี้ กรุงเทพมหานครย้ำในการจัดงานแต่งงาน งานบวช ขอให้เลื่อนไปก่อน หากต้องจัดจริงให้ควบคุมจำนวนคน โดยต้องขออนุญาตไปยังสำนักอนามัยเพื่อให้มีมาตรการป้องกันอย่างเข้มงวด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี