สวัสดีปีใหม่ทุกท่าน ขอให้ปีนี้เป็นปีที่ดีประสบความสำเร็จดังหวังทุกประการในช่วงก่อนสัปดาห์สุดท้ายของวันสิ้นปี ในขณะที่การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เพิ่งจะระเบิดขึ้นมาใหม่ๆ เป็นช่วงที่ผมเดินทางไปยังจังหวัดน่านอีกครั้ง การเดินทางในครั้งนี้เป็นช่วงเวลาของการเก็บเกี่ยวจะว่าไปแล้วก็เป็นช่วงปลายๆฤดู อากาศเริ่มกลับมาหนาวอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ผมเดินทางไปแถวอำเภอบ่อเกลือและอำเภอสันติสุข เป้าหมายคือเตรียมงานสำหรับการลงพื้นที่ของคณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ของวุฒิสภา เส้นทางยังคงเป็นเส้นทางบนสันเขา และคดเคี้ยวไปมาเหมือนเดิม ถนนหนทางดีขึ้นกว่าในยุคก่อนที่ผมไปพื้นที่นี้ในครั้งแรกๆ แต่ก็ยังไม่ถือว่าสมบูรณ์เต็มที่ แต่เส้นทางสายหลักระหว่างอำเภอก็นับว่าสัญจรกันได้ดีทีเดียว ผมเห็นนักท่องเที่ยวใช้เส้นทางนี้กันมากขึ้น ส่วนใหญ่จะใช้วิธีเดินทางมาเมืองน่านด้วยเครื่องบิน จากนั้นก็จะเช่ารถท่องเที่ยวในจังหวัดน่าน ทำให้ธุรกิจการให้เช่ารถในจังหวัดน่านเติบโตอย่างเห็นได้ชัด
ประเด็นที่เป็นปัญหาสำหรับพื้นที่จังหวัดน่านที่ทราบกันดี คือ ปัญหาภูเขาหัวโล้น อันเป็นผลจากการลับลอบตัดไม้ทำลายป่า เพื่อเปลี่ยนพื้นที่มาทำการเกษตรโดยเฉพาะการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์บนพื้นที่เขา โดยในปี 2562 มีพื้นที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ประมาณ 630,000 ไร่ ซึ่งจะว่าไปก็ลดลงมาจากปี 2558 ซึ่งมีพื้นที่ปลูกเกือบ 800,000 ไร่ อยู่พอสมควร มาตรการต่างๆที่ภาครัฐและเอกชนดำเนินการ ส่งผลในระดับหนึ่ง ไม่ว่าด้วยเหตุปัจจัยใดก็ตามคงต้องทำกันต่อไป
พื้นที่ดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ไม่มีเอกสารสิทธิ แต่เป็นพื้นที่ที่มีการครอบครองทำประโยชน์ โดยคนในพื้นที่เองก็ไม่ใช่คนที่เข้าไปใช้พื้นที่ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์กันทั้งหมด กลายเป็นคนมาจากถิ่นอื่นเข้ามาเช่าปลูกข้าวโพดกันไป ผมรับฟังมาว่า พอถึงฤดูปลูกข้าวโพดช่วงต้นฝนก็จะเริ่มเข้ามาเตรียมพื้นที่ปลูก หลังจากการปลูกแล้ว อาจเข้ามาถอนแยก ทำรุ่นกันบ้าง ใส่ปุ๋ยบ้าง ก็ขึ้นกับเกษตรกรแต่ละราย จากนั้นก็ปล่อยให้ข้าวโพดเติบโต ถึงเวลาก็มาเก็บเกี่ยวกันไป เป็นการจบกระบวนการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์บนเขา ในปัจจุบันอาจต้องประสบปัญหาเพิ่มอีกอย่างหนึ่งคือการระบาดของหนอนกระทู้ข้าวโพดลายจุด หรือ ที่เรียกกันว่า Fall Army Worm ซึ่งมีความสามารถในการทำลายอย่างรุนแรง และต้านทานต่อสารเคมีกำจัดศัตรูพืช เกษตรกรบางรายอาจยอมลงทุนพ่นสารเคมีกำจัด หรือบางรายก็ปล่อยวัดดวงกันไป
สถานการณ์ที่เป็นอยู่คงต้องรอกันว่าตกลงแล้วอนาคตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศไทยจะเดินไปในทิศทางใด ต้นทุนการผลิตของข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในประเทศกับต้นทุนข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่นำเข้ามาแบบไหนคุ้มค่ากว่ากัน ซึ่งคงไม่สามารถคิดเฉพาะต้นทุนการผลิตเพียงอย่างเดียว อาจต้องคำนวณไปถึงต้นทุนทางสิ่งแวดล้อมที่สูญเสียไป ต้นทุนการเสียโอกาสที่เกิดขึ้นจากการใช้ที่ดิน รวมไปถึง ต้องคิดต่อไปว่า หากไม่ให้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์แล้ว เกษตรกรเหล่านั้นจะทำอะไรเป็นอาชีพ
เมื่อสอบถามเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดในเชิงลึกแล้ว การปลูกข้าวโพดไม่ได้เป็นรายได้หลัก รายได้ที่เป็นรายได้หลักกลับเป็นรายได้นอกภาคการเกษตร ไม่ว่าจะเป็นการรับจ้างแรงงานในภาคการบริการ หรือแม้แต่รายได้จากบุตรหลานที่ไปทำงานต่างถิ่น เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว คงต้องคิดกันให้หนักว่าพื้นที่สูงดังกล่าวจะสามารถสร้างประโยชน์ให้สูงสุดได้อย่างไร โดยยังคงรักษาผืนป่าเมืองน่านให้คงอยู่ ไม่ให้ถูกทำลายลงไปด้วยมือของคนต่างถิ่นหรือคนในเมืองน่านเอง
ผมยังมีความหวังว่าเมืองน่าน จะยังคงเป็นเมืองที่ใช้ชีวิตได้อย่างเนิบๆ ท่ามกลางศิลปวัฒนธรรมสิ่งแวดล้อมที่ดีและอัชฌาสัยอันดีงามของคนเมืองน่านที่ยังคงประทับใจทุกครั้งที่ไปเยือนเมืองในหุบเขาแห่งนี้
สมชาย ชาญณรงค์กุล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี