นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า นโยบายด้านการประกันภัยภาคเกษตรเป็นนโยบายสำคัญภายใต้การนำของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการบริหารจัดการความเสี่ยงให้เกษตรกรทุกสาขาอาชีพ ปัจจุบันรัฐบาลมีเครื่องมือช่วยเหลือในยามฉุกเฉินแต่ก็ไม่เพียงพอกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นดังนั้น กระทรวงเกษตรฯจึงสนับสนุนให้มีการประกันภัยที่เป็นธรรม เป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรโดยแท้จริง สำหรับการดำเนินงานที่ผ่านมา ตนในฐานะกำกับดูแลกรมปศุสัตว์ มอบหมายให้กรมปศุสัตว์ประสานทุกภาคส่วน เพื่อตอบสนองนโยบายดังกล่าว โดยในส่วนที่ทำไปแล้วและกำลังได้รับความสนใจขณะนี้คือ “โคขุน” ตามโครงการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์และกิจการที่เกี่ยวเนื่องภายใต้บันทึกความร่วมมือระหว่างกรมปศุสัตว์ กับธ.ก.ส. (โคขุนกู้วิกฤติ COVID-19) ที่ได้ผลักดันเรื่องการประกันภัยโคขุน เพื่อลดความเสี่ยงให้เกษตรกร ดังนั้น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมปศุสัตว์ จึงได้หารือร่วมกับผู้แทนฟาร์มโคนม และบริษัท อาคเนย์ประกันภัยจำกัด เพื่อหาแนวทางร่วมกันเพื่อเป็นการช่วยเหลือดูแลเกษตรกรที่มีอาชีพเลี้ยงสัตว์ โดยเฉพาะผู้เลี้ยงโคนม ทำอย่างไรไม่ให้รับความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
นายประภัตร กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงเกษตรฯ ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากภาคธุรกิจประกันภัย ในการดำเนินโครงการ “ประกันภัยโคนม” เพื่อร่วมบรรเทาความเดือดร้อนของเกษตรกร พร้อมยกระดับมาตรฐานธุรกิจโคนมในประเทศไทย ในฐานะสัตว์เศรษฐกิจที่สำคัญและเป็นการยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ขณะเดียวกัน ยังได้มอบแนวทางให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการเร่งช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งซึ่งขณะนี้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่เชื้อโควิด-19 รวมไปถึงเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ปีก และหมู เนื่องจากมีความเสี่ยงสูง ซึ่งประกันภัยจะช่วยลดความเสี่ยงให้กับเกษตรกร โดยได้มอบหมายให้หน่วยงานศึกษารายละเอียดต่อไป
นายประภัตร กล่าวต่อไปว่า สำหรับสถานการณ์การเลี้ยงโคนมของประเทศไทยในปัจจุบัน ปี 2563 ประเทศไทยมีเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมจำนวน 20,174 ราย ผ่านมาตรฐานการปฏิบัติทางการเกษตรที่ดี (ฟาร์มโคนม GAP) 6,475 ฟาร์ม จำนวนโคนม 707,236 ตัว โดยเป็นแม่โครีดนม 320,613 ตัว ปริมาณน้ำนมดิบที่มีการทำข้อตกลงการซื้อขาย (MOU) ระหว่างศูนย์รวมนมและผู้ประกอบการจำนวน 3,547 ตัน/วัน ทั้งนี้ 1,000 ตัน ใช้ภายใต้โครงการ “อาหารเสริม (นม) โรงเรียน” ปริมาณนมส่วนที่เหลือเป็นนมพาณิชย์ที่แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์นมให้คนไทยได้บริโภค นอกจากนี้ การจัดทำ MOU เป็นการสร้างความมั่นใจให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมในประเทศ และเป็นอาชีพพระราชทานของในหลวงรัชกาลที่ 9ตลอดจนภาคอุตสาหกรรมการเลี้ยงโคนมของไทยนับเป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคอาเซียน อีกด้วย
สำหรับความคุ้มครองที่เกษตรจะได้รับจากการทำประกันภัยโคนม ประกอบด้วย ความคุ้มครองที่เกิดจากการเจ็บป่วยของโคนม, ความคุ้มครองการตายจากการบาดเจ็บโดยอุบัติเหตุ, ความคุ้มครองการตายจากภัย เช่น ไฟไหม้ ฟ้าผ่า น้ำท่วม ลมพายุ ที่ได้รับการรับรองจากสัตวแพทย์ โดยเกษตรกรที่ซื้อประกันภัยโคนมในโครงการจะได้รับค่าสินไหมทดแทนประมาณ 30,000 บาทต่อตัว (เงื่อนไขตามกรมธรรม์)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี