ตั้งคณะทำงานติดตามอาการปชช.
สธ.ยันฉีดก.พ.แน่
อย.ไฟเขียวบริษัทวัคซีนรายแรก
นายกฯสั่งคุมเข้มสมุทรสาคร
เฝ้าระวังเดินทางเข้า-ออก
ไทยพบติดเชื้อใหม่369ราย
จับตาแนวชายแดนมาเลย์
ไทยพบผู้ติดเชื้อใหม่ 369 ราย ค้นหาเชิงรุกต่างด้าวสมุทรสาคร 269 ราย รับทำให้ตัวเลขเป็นศูนย์ยาก แต่แนวโน้มดีขึ้น เดินหน้าค้นหาต่อเข้าสัปดาห์ที่สองแล้วยอดพุ่งไม่ต้องตกใจ นายกฯวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ติดตามสถานการณ์ที่สมุทรสาคร กำชับเข้มงวดคุมการเดินทางใส่แมส “อนุทิน” ชี้ปชช.ไม่ต้องกังวล ยันใช้วัคซีนปลอดภัยได้มาตรฐานการแพทย์ แต่ฉีดคนเป็นล้านต้องมีอาการแพ้บ้าง ขณะที่สธ.แถลงคืบหน้าจัดหาวัคซีนยันเดินหน้าตามแผนได้ตั้งแต่กุมภาพันธ์ เผยมีลุ้นข่าวดี 1 บริษัทได้รับไฟเขียวให้มาใช้ได้แบบฉุกเฉินภายในสัปดาห์นี้
เมื่อวันที่ 18 มกราคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. ทำหน้าที่แถลงสถานการณ์ระบาดของไวรัสโควิด-19 ครั้งแรก
ติดเชื้อใหม่369-ย้ำจับตาชายแดนมาเลย์
โดยระบุว่า สถานการณ์ประเทศไทย มีผู้ติดเชื้อใหม่ 369 ราย ในจำนวนนี้เป็นการติดเชื้อในประเทศ 357 ราย แบ่งเป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่จากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 82 ราย การค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในชุมชน 275 ราย ในจำนวนนี้พบที่กทม. 5 ราย ชลบุรี 1 ราย และที่สมุทรสาคร 269 ราย ซึ่งเป็นแรงงานต่างด้าวทั้งหมด นอกจากนี้ เป็นผู้เดินทางจากต่างประเทศและอยู่ในสถานกักตัวของรัฐ 12 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 12,423 ราย หายป่วยสะสม 9,206 ราย อยู่ระหว่างรักษา 3,147 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ยอดสะสมคงที่ 70 ราย ส่วนสถานการณ์โลก มีผู้ติดเชื้อสะสม 95,479,062 ราย เสียชีวิตสะสม 2,039,601 ราย โดยสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญคือ มาเลเซียมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 3 พันราย ต้องเฝ้าระวังชายแดน
เน้นค้นหาเชิงรุกคุมโรคลดตาย
พญ.อภิสมัยกล่าวต่อว่า ตัวเลขที่สูงขึ้นวันนี้มาจากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน หลายคนอาจไม่รู้ว่าติดเชื้อ เมื่อมีเจ้าหน้าที่ลงไปในพื้นที่สอบสวนโรค ขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ วันนี้เราอยากเห็นตัวเลขเป็นศูนย์ แต่อาจยังเป็นไปไม่ได้ แต่ถือว่าตัวเลขไม่สูงกว่าที่ผ่านมา และถ้าไปดูตารางตัวเลขผู้ติดเชื้อรายจังหวัด จะเห็นว่าหลายจังหวัดไม่มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น เพราะทุกคนการ์ดสูง แต่ละจังหวัดมีมาตรการเข้มข้น ขณะที่การค้นหาเชิงรุกในชุมชนก็เพื่อให้การควบคุมโรคเป็นไปได้มากที่สุดและลดอัตราเสียชีวิต
สมุทรสาครพร้อมรับ2สัปดาห์ที่เหลือ
ส่วนตัวเลขการค้นหาเชิงรุกในจ.สมุทรสาคร พญ.อภิสมัยกล่าวว่า มาจากความร่วมมือของเจ้าหน้าที่รัฐที่ทำงานอย่างเข้มแข็ง ภาคเอกชนก็พยายามช่วยทั้งให้ความร่วมมือและสนับสนุนงบประมาณ ที่สำคัญ ประชาชนมีส่วนร่วม มีจิตอาสาเข้ามาผลัดเวรทำงาน พยายามดูแลพื้นที่อย่างเข้มแข็ง จึงอยากเห็น จ.สมุทรสาครกลับมาคึกคักในเร็ววัน กลับมาใช้ชีวิตปกติเร็วขึ้น และทราบว่ามีการเตรียมพร้อมสำหรับสองสัปดาห์ข้างหน้ารับมือสถานการณ์ เพราะหากค้นหาเชิงรุกอีกแล้วพบผู้ติดเชื้ออีกจะได้ไม่ตกใจ เพราะเตรียมมาตรการไว้รองรับ เช่น โรงพยาบาลสนาม เตียงผู้ป่วย เราจะดูแลคนไทยและต่างชาติให้ปลอดภัยเท่าเทียม ย้ำว่าอยากเห็นความร่วมมือของประชาชน เรายังต้องการเห็นแนวโน้มลดลง ตายเป็นศูนย์ ดังนั้น ทุกคนการ์ดตกไม่ได้ ยังต้องค้นหาเชิงรุก ส่วนเรื่องการป้องกันตามแนวชายแดน รัฐทำงานฝ่ายเดียวไม่ได้ ประชาชนต้องเป็นหูเป็นตา ขณะที่ใครมีความเสี่ยงสูง อย่าลังเล ขอให้ไปตรวจ
กทม.เจออีก18สะสม593ขึ้นอันดับ3
พญ.อภิสมัยยังรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 วันเดียวกันว่า พบผู้ติดเชื้อใหม่ 18 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศจากการเดินทางไปพื้นที่เสี่ยง หรือสัมผัสผู้ติดเชื้อทั้งหมด 13 ราย และการคัดกรองเชิงรุกในชุมชน 5 ราย สำหรับผู้ติดเชื้อในประเทศไปสถานที่เสี่ยง 13 ราย แบ่งเป็น ชาย 6 ราย อายุ 8-68 ปี เพศหญิง 7 ราย อายุ 6-53 ปี สัญชาติไทย 10 ราย และเมียนมา 3 ราย มีอาการ 10 ราย และไม่มีอาการ 3 ราย รักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราช 6 ราย, โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ 2 ราย และโรงพยาบาลเอกชน 5 ราย ส่วนผู้ติดเชื้อการคัดกรองเชิงรุกในชุมชน 5 ราย แบ่งเป็น เพศชาย 4 ราย อายุ 20-40 ปี เพศหญิง 1 ราย อายุ 32 ปี ทั้งหมดเป็นสัญชาติเมียนมา ไม่มีอาการ รักษาที่โรงพยาบาลเอกชน ทำให้มีผู้ติดเชื้อสะสมในกทม.ระหว่างวันที่ 18 ธันวาคม 2563 – 18 มกราคม 2564 รวมแล้ว 593 ราย เลื่อนขึ้นมาอยู่อันดับ 3 จังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อสะสมมากที่สุด รองจาก จ.สมุทรสาคร และชลบุรี
บิ๊กตู่สั่งคุมเข้มเดินทาง-โชว์ผลตรวจ
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานประชุมทางไกลผ่านระบบ Video Conference กับผู้บริหารจ.สมุทรสาคร หลังประชุม พล.อ.ประยุทธ์โพสต์ภาพและข้อความในเพจเฟซบุ๊ก “ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut-Chan-o-cha”ระบุ วันนี้ประชุมทางไกลกับรองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เพื่อรับทราบมาตรการสำคัญของจังหวัด เช่น คัดกรองเชิงรุก คัดกรองการเดินทาง การปิดสถานที่เสี่ยง รวมถึงความพร้อมของบุคลากร โรงพยาบาล และโรงพยาบาลสนามให้รองรับการดูแลรักษาผู้ป่วย ทั้งชาวไทยและต่างประเทศ
“ผมกำชับเพิ่มเติมเรื่องความเข้มงวดการควบคุมการเดินทาง การรณรงค์การสวมหน้ากากอนามัยและหน้ากากผ้า การสร้างการรับรู้ประชาชนในพื้นที่ถึงอาการที่ต้องเฝ้าระวัง รวมถึงการใช้แอปฯ “หมอชนะ” ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการควบคุมโรค ขอเป็นกำลังใจ ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ ประชาชน เอกชนที่ให้ความร่วมมือเต็มที่มาตลอด”นายกฯกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนประชุมดังกล่าว นายกฯเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบ Swab ที่รู้ผลภายใน 30 นาที ซึ่งผลตรวจไม่พบเชื้อโควิด-19 โดยนายกรัฐมนตรีจะมีการตรวจหาเชื้อทุก 30 วัน
ชมสมุทรสาครเตรียมพร้อมจัดการได้ดี
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์หลังประชุมเช่นกันว่า นายกฯให้กำลังใจแก่ผู้ทำงานทุกฝ่าย และรับฟังบรรยายสรุป ทุกอย่างเป็นไปด้วยความพร้อมและจัดการได้ โดยตั้งโรงพยาบาลสนาม รวมทั้งการดูแลผู้ป่วยที่เป็นแรงงานต่างด้าว ที่อยู่ โรงพยาบาลสนาม สำหรับกักตัวโควิด-19 (Factory Quarantine) ในโรงงานต่างๆ ซึ่งสามารถควบคุมได้ ยอมรับว่า การควบคุมในพื้นที่สมุทรสาครทำได้ดี มีประสิทธิภาพการตรวจทั่วถึง เมื่อพบโควิด ก็ควบคุมการระบาดได้ เพราะเราติวจ.สมุทรสาครแล้ว ยิ่งตรวจเจอก็ทำให้เขาหยุดเดินทางได้ ทำให้โอกาสการแพร่เชื้อไปที่คนอื่นน้อยลงไปด้วย
ยันใช้วัคซีนปลอดภัย-ฉีดคนเยอะมีแพ้บ้าง
ส่วนความกังวลของหลายฝ่ายเรื่องการฉีดวัคโควิด-19 จะไม่ปลอดภัยนั้น นายอนุทินกล่าวว่า ข้อมูลทุกวันนี้ได้มาจากสื่อต่างชาติ ยังไม่มีการแถลงเป็นทางการจากหน่วยงานของรัฐ การใช้วัคซีนและมีปัญหาว่า จะเกิดอันตรายหรือไม่หรือควรยกเลิกใช้หรือไม่ ในส่วนไทยการจัดวัคซีนและฉีดให้ประชาชนยืนยันว่า รัฐบาลจะดูแลประชาชนอยู่แล้วและต้องเป็นวัคซีนที่ได้รับการยืนยันว่า ปลอดภัยในภาพรวม ซึ่งต้องยอมรับว่า หากฉีดคนเป็นล้านคนต้องมีอาการแพ้บ้าง และเป็นเรื่องปกติทางการแพทย์ ทางสธ.ได้ตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาบริหารจัดการเรื่องวัคซีนว่า ใครเป็นกลุ่มเสี่ยงและได้รับการฉีดก่อนหรือกลุ่มไหนเป็นกลุ่มเฝ้าระวัง ซึ่งเริ่มปฏิบัติงานแล้วตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม หากมีอะไรจะให้คณะกรรมการชุดนี้ออกมาแถลงเป็นทางการ พวกเราพร้อมสนับสนุนโดยคำนึงความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ
“หนู”เยี่ยมรพ.สนามมธ.เปรยเห็นแล้วอุ่นใจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน นายอนุทินนำคณะเดินทางไปโรงพยาบาลสนามธรรมศาสตร์ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี รองรับคนป่วยได้ 308 เตียง มีความพร้อมสูงสุดในการรับผู้ป่วยที่อาการไม่รุนแรง จากโรงพยาบาลในจ.ปทุมธานี และเขตสุขภาพที่ 4และรับส่งต่อผู้ป่วยจากโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยในเครือข่าย UHOSNET ซึ่งในกทม.ประกอบด้วย รพ.ศิริราช รพ.รามาธิบดี รพ.จุฬาลงกรณ์ และรพ.วชิรพยาบาล มารักษาที่รพ.สนามธรรมศาสตร์ เพื่อให้มีเตียงว่างมากขึ้นในโรงพยาบาลหลักเหล่านี้จะได้ทุ่มเททรัพยากรดูแลผู้ป่วยอาการหนักได้เต็มที่ โดยนายอนุทินกล่าวหลังตรวจเยี่ยมว่า ได้เห็นความพร้อมของโรงพยาบาลสนามแล้วรู้สึกอุ่นใจ และขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ร่วมทำงาน เพื่อให้ประเทศไทยเอาชนะการระบาดของโควิด สถานการณ์ปัจจุบันแม้พบผู้ติดเชื้อเพิ่มบางพื้นที่ แต่ภาพรวมดีขึ้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานเต็มที่ไม่ประมาท
ลุ้นข่าวดีไฟเขียว1บริษัทเริ่มฉีดกพ.
เวลา 15.00 น. ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงความคืบหน้าการจัดหาวัคซีนโควิด-19 เพื่อฉีดให้คนไทยว่า รัฐบาลมีนโยบายต้องจัดหาวัคซีนที่มีประสิทธิภาพปลอดภัย เป็นที่ยอมรับมาฉีดให้ประชาชน ทั้งนี้ ต้องคำนึงถึงความสมดุลทั้งสองประการ ขณะนี้มี 1 บริษัทวัคซีนที่มายื่นขออนุญาตต่อคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อรับการตรวจสอบแล้ว เบื้องต้นมีข่าวเชิงบวกว่าคงจะได้รับการอนุญาตให้นำวัคซีนมาใช้ได้แบบฉุกเฉินในประเทศไทยไม่เกินสัปดาห์นี้ หลังดูเอกสารที่ยื่นมาครบถ้วนแล้ว เชื่อว่ามีประสิทธิภาพความปลอดภัยเป็นที่ยอมรับได้ ทั้งนี้ คาดจะมีวัคซีนที่สามารถฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป ตามแผนที่วางไว้
ชี้ไม่บังคับฉีด-ไม่เร่งช้าๆได้พร้าเล่มงาม
ทั้งนี้ การฉีดวัคซีนจะเป็นแบบสมัครใจ ซึ่งสัปดาห์นี้จะหารือคณะทำงานชุดสื่อสาร คงมีมาตรการออกมา อย่างไรก็ตาม มีการทำโพลสำรวจ ผ่านแอพพลิเคชั่นหรือเจ้าหน้าที่เป็นผู้สำรวจ แต่ต้องคณะกรรมการจะต้องเคาะอีกที พร้อมยืนยันว่า จากข้อมูลขณะนี้ทุกเทคโนโลยีมีความปลอดภัย ที่รายงานออกไป ยังไม่มีข้อมูลชัดที่รายงานเป็นทางการ ส่วนกรณีฉีดแล้วเสียชีวิต ก็ยังไม่ได้โทษที่วัคซีน แต่วัคซีนเชื้อตายใช้มานานค่อนข้างมั่นใจ แต่หากมีผู้ฉีดเยอะทำให้เรามีข้อมูลมากขึ้น หรือเรียกว่า ช้าๆได้พร้าเล่มงาม
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ไทยจำเป็นต้องฉีดวัคซีนแบบปูพรมหรือไม่ นพ.โอภาสกล่าวว่า วงจรการระบาด เราป้องกันได้ด้วยการสวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างและล้างมือ บางคนบอกว่าป้องกันได้ดีกว่าวัคซีนด้วย แต่มีวัคซีนก็จำเป็น เพื่อลดอัตราป่วยตายในกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ ผู้มีโรคประจำตัว อย่างไรก็ตามยังต้องทำควบคู่กับการป้องกันส่วนบุคคล เพื่อให้การป้องกันสมบูรณ์ในระยะ 2 เดือนที่ผ่านมา ประเทศที่ฉีดกันก็ยังมีไม่ถึงสิบล้านคน ในสหรัฐฯฉีดในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ และในส่วนที่ฉีดแล้วเสียชีวิตนั้น ก็ต้องระวังมากเรื่องผลข้างเคียง
ตั้งคณะติดตามอาการหลังฉีด4สัปดาห์
ส่วนที่มีการตั้งข้อสงสัยถึงความปลอดภัยของวัคซีนนั้น นพ.โอภาสกล่าวว่า จะมีการตั้งคณะขึ้นมาติดตามอาการอย่างน้อย 4 สัปดาห์ ทั้งในส่วนปัญหาแพ้ยาและอาการไม่พึงประสงค์หลังฉีด ซึ่งจะมีคณะกรรมการ 1 ชุดรวบรวมข้อมูลผู้ฉีดวัคซีนแต่ละคน รวมทั้งประวัติการรักษา หากในรายเสียชีวิตจะชันสูตรสาเหตุแต่ละรายเกี่ยวข้องกับการได้รับฉีดวัคซีนหรือไม่ หรือรายที่เกี่ยวข้องแต่สรุปไม่ได้ สำหรับรายใดที่สงสัยจะให้หยุดการรับฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ไว้ก่อน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้วัคซีนยังคงถือเป็นเครื่องมือควบคุมโรคโควิดได้ดี แต่มาตรการเว้นระยะห่าง ใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ก็ยังคงเป็นเครื่องมือที่ดีที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก ดังนั้น จึงขอความร่วมมือจากประชาชนให้ปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวต่อไป ทั้งนี้ กรณีปัญหาเรื่อง Application หมอชนะนั้น ยืนยันว่า ยังเป็นแอพฯที่มีประโยชน์ต่อการควบคุมโรคและมีหลายตัวอย่างว่าหากไม่ใช้แอพพลิเคชั่นนี้ทำให้ต้องใช้ความพยายามติดตามประวัติผู้ติดเชื้อเป็นอย่างมาก
ลุ้นเข้าวินแอสตร้าฯยื่นเอกสารครบ
ด้านนพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แถลงเพิ่มเติมว่า ผู้ผลิตวัคซีนที่มาขอยื่นขึ้นทะเบียนในไทยตอนนี้มี 2 บริษัทคือ แอสตร้าเซเนก้า และไซโนแวค ซึ่งอยู่ในกระบวนการพิจารณาทั้งคู่ ยังไม่มีตัวไหนที่น่าจะเข้าวินในสัปดาห์นี้
นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการอย. กล่าวเพิ่มเติมว่า การยื่นขึ้นทะเบียนวัคซีนโควิดของบริษัท แอสตราเซนเนก้าในไทยนั้น เป็นการยื่นขอขึ้นทะเบียนในล็อตการผลิตในต่างประเทศ ซึ่งขณะนี้ยื่นเอกสารค่อนข้างครบถ้วนแล้ว อย่างไรก็ตาม อย.ขอให้บริษัทส่งเอกสารข้อมูลเพิ่มเติมในส่วนคุณภาพมาตรฐานการผลิตของโรงงานในต่างประเทศ ก่อนที่ผู้เชี่ยวชาญจะพิจารณาว่าอนุมัติขึ้นทะเบียนหรือไม่ หากส่งมาก็สามารถพิจารณาได้ใน 1 สัปดาห์
ย้ำขึ้นทะเบียนฉุกเฉินรบ.ไทยนำเข้าได้เท่านั้น
เมื่อถามว่าการยื่นทะเบียนเป็นล็อตที่ผลิตในต่างประเทศ ฉะนั้นถ้าได้รับการรับรองหมายความว่าสามารถนำเข้ามาในประเทศไทยได้ นพ.สุรโชคกล่าวว่า ใช่ ถ้าบริษัทจะนำตรงนั้นมาขายของก่อนก็เอามาขายก่อนได้ เหมือนยื่นไว้ก่อน เมื่อผ่านแล้ว พอถึงไทยที่รับถ่ายทอดเทคโนโลยีมา หลักการคือ ดูว่าทำหลักฐานการผลิตเหมือนที่ขึ้นทะเบียนล็อตต่างประเทศหรือไม่ ถ้าเหมือนกันล็อตที่ผลิตในไทย 26 ล้านโดส ก็จะได้รับการผลิตเร็วขึ้น เขาทำเพื่อลดขั้นตอนให้สั้นลง
นพ.สุรโชคย้ำว่า การขึ้นทะเบียนแบบฉุกเฉิน ต่างจากการขึ้นทะเบียนแบบปกติ เพราะทางบริษัทแอสตร้าเซเนก้าต้องระบุผู้ซื้อมาเลย ซึ่งครั้งนี้ระบุว่า เป็นรัฐบาลไทยเท่านั้น แต่ยังไม่ได้ระบุว้าจะให้ซื้อหรือไม่ ปริมาณเท่าไหร่ ที่ต้องขายให้รัฐบาลไทยเนื่องจากมีมาตรฐานในการติดตามผล หลังการฉีด
ผู้ว่าฯสมุทรสาครปอดอักเสบ-เชื้อดื้อยา
ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล เปิดเผยความคืบหน้าอาการป่วยของนายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครในรอบ 24 ชั่วโมงว่า ผลเพาะเชื้อพบการดื้อยา จึงต้องให้ยาแก้อักเสบและยาปฏิชีวนะเพิ่ม 1-2 ตัว แต่เสมหะยังค่อนข้างเยอะ ทำให้การควบคุมการติดเชื้อในปอดทำได้ในระดับหนึ่ง ส่วนผลเอกซเรย์ปอดพบการอักเสบมากขึ้น เป็นผลจากเชื้อแบคทีเรีย แต่ไม่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 ทั้งนี้ มีแนวโน้มอาจต้องเลื่อนแผนถอดเครื่องช่วยหายใจ เนื่องจากเสมหะยังมาก อีกทั้งพบเชื้อดื้อยา ต้องให้เวลากับการใช้ยาปฏิชีวนะที่เพิ่มใหม่ ส่วนความรู้ตัวและอื่นๆอยู่ในระดับปกติ คือ ผู้ว่าฯ รู้ตัวดี สามารถสื่อสารโต้ตอบได้ด้วยการผงกศีรษะ
สงขลาเจอ2กลับจากมาเลย์เข้มด่านสะเดา
มีรายงานสถานการณ์โควิด-19 หลายจังหวัดที่ยังพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ ซึ่งเกิดจากการค้นหาตรวจเชื้อเชิงรุก อย่างที่ จ.สงขลา พบผู้ป่วยโควิดเพิ่มอีก 2 คน เป็นคนไทยที่เดินทางกลับมาจากมาเลเซียทางด่านพรมแดนสะเดา จ.สงขลา เมื่อวันที่ 13 มกราคม เป็นเพศชาย อายุ 32 ปีกับ 38 ปี หลังวันที่ 17 มกราคม พบผู้ป่วยโควิดที่เป็นคนไทยกลับมาจากประเทศมาเลเซียไปแล้ว 3 คน เป็นชุดเดียวกัน จากจำนวนคนไทยที่เดินทางกลับมาวันที่ 13 มกราคม ซึ่งเป็นชุดสุดท้ายก่อนมาเลเซียประกาศภาวะฉุกเฉิน 33 คน อย่างไรก็ตาม ถึงจะพบคนไทยเดินทางกลับจากมาเลเซียป่วยโควิดเพิ่มขึ้น แต่ไม่น่าเป็นห่วงเพราะเดินทางเข้ามาถูกต้องตามกฏหมาย และถูกกักตัวรักษาตัวในโรงพยาบาล ทำให้จ.สงขลามียอดผู้ป่วยสะสมเพิ่มเป็น 7 ราย แยกเป็นติดเชื้อในประเทศ 2 รายและติดเชื้อจากต่างประเทศ 5 ราย
อย่างไรก็ตาม บรรยากาศที่ด่านพรมแดนไทยมาเลเซียขณะนี้ได้คุมเข้มพื้นที่เข้าออกด่านพรมแดนไทย-มาเลเซีย ทั้งในส่วนกลุ่มคนขับรถขนส่งสินค้าที่เข้าออกทั้งสองประเทศ และพื้นที่ตามรั้วชายแดนไทยมาเลเซียที่เป็นช่องทางธรรมชาติ เพื่อป้องกันการลักลอบเข้ามาของแรงงานต่างด้าว รวมถึงคนไทยที่อาจลักลอบเข้ามาผิดกฎหมาย
ระยองเริ่มคลี่คลายยอดป่วยลดต่อเนื่อง
ที่จ.ระยอง หนึ่งในจังหวัดที่เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด ผู้สื่อข่าวรายงานผลตรวจหาเชื้อจากประชาชนในพื้นที่ว่า จำนวนผู้ติดเชื้อลดลงต่อเนื่อง หลังค้นหาเชิงรุก ทำให้วันที่ 16 มกราคมพบผู้ติดเชื้อ 4 ราย วันที่17 มกราคมพบผู้ติดเชื้ออีก 2 ราย รวมผู้ป่วยติดเชื้อสะสม 564 ราย รักษาหายแล้ว 450 ราย เหลือรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 113 คน และในโรงพยาบาลสนามค่ายทหารก็เหลือผู้ป่วยเพียง 2 รายเท่านั้น จึงเตรียมส่งมอบคืนหากไม่มีอะไรเพิ่ม สถานการณ์เริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น แต่จังหวัดยังเดินหน้าค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกโดยเฉพาะทารกวัย 5 เดือนที่ติดเชื้อแต่ยังไม่พบว่าติดเชื้อมาจากที่ใด เพราะผลตรวจพ่อแม่คนใกล้ชิดและเจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลผลทั้งหมดเป็นลบ ยังต้องการค้นหาผู้ติดเชื้อให้ครอบคลุม จึงเตรียมตรวจกลุ่มเสี่ยงในตลาดสด เน้นตรวจอำเภอละ 1 แห่ง อำเภอเมือง 2 แห่ง รวม 9 แห่ง พร้อมกับสุ่มตรวจแรงงานต่างด้าวทั้งจังหวัดประมาณ 8 พันคน และพนักงานส่งอาหารเดลิเวอรี่ทุกค่ายประมาณ 300 คน รวมถึงส่งเจ้าหน้าที่ตรวจตามโรงงาน สกัดการระบาดเชิงรุก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี