แม่น้ำโขงเป็นแม่น้ำนานาชาติ ต้นกำเนิดอยู่ในประเทศจีน ไหลผ่านจีน เมียนมา ไทย ลาว กัมพูชา และออกสู่ทะเลที่ประเทศเวียดนาม ซึ่งในปัจจุบันมีการสร้างเขื่อนในแม่น้ำโขงหลายแห่งทั้งในจีน และ สปป.ลาว ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงไม่เป็นไปตามธรรมชาติ
เมื่อวันก่อนได้อ่านข้อความที่ท่าน สส.เชียงราย นพ.เอกภพ เพียรพิเศษ หรือ หมอเอก พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊คแสดงความเห็นถึงการไม่รักษาสุมดุลอำนาจระหว่างประเทศในการบริหารจัดการน้ำโขง ปล่อยให้ น้ำโขงแห้งเหือดส่งผลต่อระดับน้ำอิงที่เชียงแสนและส่งผลกระทบต่อชีวิตของคนบนฝั่งน้ำ สาเหตุเพราะเขื่อนที่ขวางอยู่ตลอดแนวลำน้ำโขง โดยที่รัฐบาลไทยไม่ทำอะไรเลย
เรื่องนี้ผมมีโอกาสได้พูดคุยกับ บิ๊กหมายเลข1ของข้าราชการประจำในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศไทย ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.) ในเรื่องดังกล่าวว่า เป็นจริงหรือไม่ ประเทศไทยเป็นแค่ “มณฑลไท่กั๋ว” อย่างที่หมอเอกว่าเลยหรือ?
หน้ามือ...หลังมือเลย ครับ!
“รัฐบาลไทยทำงานเชิงรุกจัดการน้ำโขงมาอย่างต่อเนื่อง และยังปรับปรุงการเชื่อมต่อข้อมูลใกล้ชิดมากขึ้นโดยยึดผลประโยชน์ประเทศสูงสุดภายใต้กรอบเวทีความร่วมมือลุ่มน้ำโขงตลอดสาย” ดร.สมเกียรติกล่าวยืนยัน
เลขาธิการ สทนช.ได้ขยายความให้ฟังว่า การบริหารจัดการน้ำโขง ในระยะ 1-2 ปีที่ผ่านมานั้น มีการผลักดันให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลระดับน้ำและด้านอุทกวิทยาตลอดทั้งปีทุกเวทีการเจรจา ซึ่งทางจีนยินดีให้ข้อมูลระดับน้ำและปริมาณน้ำจากสถานีวัดน้ำ 2 แห่ง ได้แก่ สถานีจิ่งหง และสถานีหม่านอัน ตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา ล่าสุดกระทรวงทรัพยากรน้ำของจีน กับสทนช. ได้มีการลงนามความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลตลอดทั้งปีมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2563ที่ผ่านมา จากเดิมเริ่มต้นเพียงช่วงฤดูฝนเท่านั้น
ส่วนกรณีที่เขื่อนจิ่นหง ของจีน ลดการระบายนั้น สทนช.ได้รับข้อมูลอุทกวิทยาจากสถานียุนจิ่นหง พบว่า มีระดับน้ำที่เปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2563 ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจได้เร่งติดต่อประสานงานทันที แต่ด้วยเป็นช่วงวันหยุดยาวสิ้นปี ทำให้เกิดช่องว่างในการแจ้งยืนยันข้อมูลอย่างเป็นทางการมาในวันที่ 5 ม.ค. 2564 ทำให้การแจ้งเตือนหน่วยงานระดับพื้นที่มีความล่าช้าลงบ้าง โดยระดับน้ำที่ อ.เชียงแสน ลดลงวันที่ 2-5 มกราคม 2564 ประมาณ 1 เมตร
คาดว่าในระยะนี้ ระดับน้ำในแม่น้ำโขงจะมีค่าคงที่ ซึ่งอยู่ต่ำกว่าระดับตลิ่ง ประมาณ 10.61 เมตร
อย่างไรก็ตาม การพึ่งพาตัวเองเป็นเรื่องที่ดีที่สุด ดังนั้น สทนช.กำลังเร่งปรับปรุงระบบการได้ข้อมูลยืนยันที่เป็นทางการให้รวดเร็วมากขึ้น โดยในเร็วๆนี้ จะมีการตั้งสถานีอุทกวิทยาที่เชียงกก บริเวณพรมแดนของลาว-เมียนมา-จีน ซึ่งจะทำให้ไทยสามารถวิเคราะห์ข้อมูลระดับน้ำได้ถูกต้อง รวดเร็วยิ่งขึ้น พร้อมทั้งจะใช้ดาวเทียมในการยืนยันข้อมูลอุทกวิทยาตลอด
ลำน้ำโขงอีกด้วย
จริงๆ แล้วจีนไม่ให้ข้อมูลด้านอุทกวิทยายังได้เลยเพราะเป็นเขื่อนที่สร้างก็เป็นของเขา สร้างกั้นแม่น้ำในประเทศเขาด้วย แต่ด้วยการเจรจาและความสัมพันธ์อันดีของไทยและจีน รวมทั้งอีก 4 ประเทศในลุ่มน้ำโขง ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนเชื่อมโยงข้อมูลด้านอุทกวิทยา เพื่อให้ในการบริหารแม่น้ำโขงเกิดประสิทธิภาพสูงสุดและเกิดผลกระทบกับประชาชนน้อยที่สุดภายใต้สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในปัจจุบัน
หวังว่าคงเข้าใจนะครับ...
รัฐศักดิ์ พลสิงห์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี