"ตำรวจสอบสวนกลาง"จับกุมช่างไฟฟ้า-พนักงานส่งเอกสาร และวิศวกร กลุ่มรักชอบสะสมอาวุธปืน หลังพบมีพฤติกรรมซื้อขายอาวุธปืนสงครามโดยผิดกฎหมาย พร้อมตรวจยึดของกลางปืน 12 กระบอก กระสุนปืนกว่า 400 นัด
เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2564 พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แถลงจับกุมผู้ต้องหาลักลอบซื้อขายอาวุธปืนสงคราม ปืนยาว 7 กระบอก ปืนพกสั้น 5 กระบอก กระสุนปืน 303 นัด หลังตำรวจกองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ ทำการจับกุม นายมานะ อายุ 33 ปี ได้พร้อมอาวุธปืนสงคราม ก่อนขยายผลไปตรวจค้นบ้านพัก ภายในซอยรามอินทรา 8 เขตบางเขน
นอกจากนี้ ยังนำหมายศาลไปค้นที่บ้านหลังหนึ่ง ในตำบลบางโปรง อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ จับ นายอธิพงษ์ อายุ 56 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนพกสั้น และกระสุน และนำอีกหมายศาล เข้าตรวจค้นภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งซอยกาญจนาภิเษก 36 เขตประเวศ จับกุม นายภานุพงศ์ อายุ 54 ปี พร้อมของกลางปืนไรเฟิล 2 กระบอก ท่อเก็บเสียงปืนไรเฟิล 1 อัน อาวุธปืนพกสั้น พร้อมกระสุนปืน 241 นัด
พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ ระบุว่า ตำรวจสอบสวนกลางมีข้อมูลว่า นายมานะ อาชีพเป็นช่างไฟฟ้า มีพฤติการณ์ซื้อขายอาวุธปืนให้กับผู้รักชอบอาวุธปืนด้วยกัน และเคยสั่งซื้อชิ้นส่วนปืนสงครามมาประกอบเป็นกระบอก จึงทำการล่อซื้อให้นำอาวุธปืนมาส่งที่ย่านรามอินทรา ก่อนเข้าทำการจับกุมและขยายผลว่าสั่งซื้อผู้ต้องหาอีก 2 คน ที่คนหนึ่งมีอาชีพส่งเอกสารและอีกคนมีอาชีพเป็นวิศวกร ที่อยู่ในกลุ่มรักชอบปืนเหมือนกัน จนสามารถจับกุมและยึดของกลางทั้งหมดได้
จากการสอบสวนทั้งหมดรับว่า เป็นกลุ่มที่รักชอบสะสมอาวุธปืน เคยซื้อมาขายไปอยู่หลายครั้ง โดยอาวุธปืนเอ็ม 16 ขายในราคาประมาณ 30,000 บาท ส่วนอาวุธปืนพกสั้น ขายอยู่ที่ราคาประมาณ 20,000 บาท ซึ่งจากการตรวจค้น พบผู้ต้องหาบางคนมีใบอนุญาตครอบครองอาวุธปืน แต่เป็นการครอบครองอาวุธปืนผิดมือ ทั้งนี้ จากการตรวจสอบปืนทั้ง 12 กระบอก พบว่ามีเพียงกระบอกเดียวที่มีใบอนุญาตและทะเบียนถูกต้อง บางกระบอกพบร่องรอยการลบเลขทะเบียนออกไปชัดเจน หลังจากนี้จะนำของกลางและผู้ต้องหานำส่งแต่ละท้องที่แยกดำเนินคดี พร้อมประสานให้กองพิสูจน์หลักฐานนำของกลางไปตรวจสอบว่า เคยถูกนำไปใช้ก่อคดีในพื้นที่ใดมาก่อนหรือไม่ รวมถึงการตรวจสอบประวัติผู้ต้องหาอย่างละเอียดทั้งหมด
ทั้งนี้ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ยังแสดงความเป็นห่วงถึงกรณีการเข้าระงับเหตุการณ์ ชายที่มีอาการคุ้มคลั่งก่อเหตุฆ่ามารดาตนเองในพื้นที่ สน.บางเสาธง เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาว่า ได้นำเรื่องนี้หารือกับผู้บัญชาการตำรวจนครบาลแล้ว ต่างเห็นตรงกันว่า ปัญหาการระงับเหตุไม่ใช่ตำรวจขาดทักษะ แต่เนื่องจากกำลังพลมีจำกัด ทำให้เมื่อได้รับแจ้งเหตุแล้ว จึงมีตำรวจสายตรวจไม่กี่นายไปตรวจสอบ เสี่ยงต่อการเกิดอันตรายในการระงับเหตุ และยืนยันว่าที่ผ่านมากองบัญชาการตำรวจนครบาลเองก็มีการเปิดฝึกอบรม เพิ่มทักษะตำรวจในแต่ละ สน.อยู่แล้ว แต่ปรากฏว่าในแต่ละปี จะมีการโยกย้ายข้าราชการตำรวจออกนอกหน่วย ทำให้กำลังพลตรงส่วนนี้ขาดแคลนไป นอกจากนี้ยังมองไปถึง ปัญหาการขาดประสบการณ์ในการบัญชาการเหตุการณ์ของผู้บังคับหน่วยในท้องที่เกิดเหตุด้วย ส่วนการแก้ปัญหาโดยการจัดชุดเคลื่อนที่เร็วหรือกำลังสนับสนุน ยืนยันว่าตำรวจสอบสวนกลางพร้อมให้การสนับสนุนในทุกภารกิจอยู่แล้วหากได้รับการร้องขอ แต่หากเป็นเหตุการณ์เฉพาะหน้าในลักษณะคดีที่เกิดขึ้น ควรต้องเป็นการตัดสินใจแก้ปัญหาของตำรวจในพื้นที่ โดยมีกำลังพลตำรวจที่เหมาะสมในการออกปฏิบัติหน้าที่มากกว่า
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี