ก.อ.ตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายเเรง 2 อดีตอัยการภูเก็ต เรียกรับเงินเอกชนเคลียร์คดีแผ้วถางป่า หลัง กก.สอบสวนชั้นต้น-ปปช.ชงสำนวนถึง “อรรถพล” ปธ.กอ.
วันที่ 27 มกราคม 2564 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนเเจ้งวัฒนะ นายอรรถพล ใหญ่สว่าง ประธานคณะกรรมการอัยการ (ก.อ.)เป็นประธานการประชุม ก.อ.ครั้งที่ 1/2564โดยมีวาระน่าสนใจเกี่ยวกับการตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายเเรงนายธรรมะ หรือชิน โชติสอนใจ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอัยการผู้เชี่ยวชาญ สำนักงานอัยการภาค 8 รักษาการในตำแหน่งอัยการจังหวัดภูเก็ต และนายวันฉัตร ชุณหถนอม ในฐานะอัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานอัยการจังหวัดภูเก็ตในขณะนั้นร่วมกันเรียกรับเงินจากตัวแทนของบริษัทเอกชน แห่งหนึ่งเพื่อช่วยเหลือทางคดี
โดยภายหลังประชุมเสร็จสิ้น นายอรรถพล ประธาน ก.อ. กล่าวว่า ที่ประชุม ก.อ.มีมติให้ตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายเเรง พนักงานอัยการทั้ง 2 ราย โดยกรณีนี้มาจากที่อธิบดีอัยการภาค 8 ซึ่งเป็นประธานกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงเบื้องต้น สอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว ได้เสนอให้ตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายเเรงประกอบกับมีหนังสือจากคณะกรรมการปราบปรามการทุจริตเเห่งชาติ(ป.ป.ช.)ได้ส่งเรื่องมายังตนในฐานะประธาน ก.อ. จนเป็นที่มาของมติตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายเเรงดังกล่าว
ในส่วนการดำเนินคดีอาญาก็ได้ทราบว่า ทาง ปปช.ได้ส่งสำนวนพร้อมความเห็นให้ดำเนินคดีกับพนักงานอัยการทั้ง2รายไปยังอธิบดีอัยการปราบปรามการทุจริตภาค 8 พิจารณาสำนวนเพื่อดำเนินคดีต่อไป ส่วนกรอบระยะเวลาของคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายเเรงที่ ก.อ.ตั้งขึ้นมานั้นโดยหลักจะเป็นระยะเวลา 30 วัน เเต่สามารถขอขยายเวลาได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับมูลเหตุคดีนี้จากสำนวนของ ป.ป.ช.สรุปว่า เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2555 กรมอุทยานแห่งชาติได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสภ.ท่าฉัตรไชย กล่าวหา บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในจ.ภูเก็ต และกรรมการของบริษัทดังกล่าวว่า กระทำความผิดในข้อหาร่วมกันก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่าและเข้ายึดถือครอบครองป่าโดยตนเองหรือผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต
ต่อมาคณะทำงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานแล้วมีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งสอง และได้ส่งสำนวนไปให้อัยการจังหวัดภูเก็ตเพื่อพิจารณาสั่งคดี ต่อมาบริษัทเอกชนและกรรมการของบริษัทดังกล่าวได้ร้องขอความเป็นธรรมต่อพนักงานอัยการเจ้าของสำนวน จึงได้มีการเสนอสำนวนคดีไปยังอธิบดีอัยการภาค 8 ซึ่งอธิบดีอัยการภาค 8 มีคำสั่ง ไม่ฟ้องบริษัทเอกชนและกรรมการของบริษัทดังกล่าว และได้ส่งสำนวนคดีไปยังผบช.ภ. 8 แต่ ผบช.ภ.8 มีความเห็ ควรสั่งสั่งฟ้องผู้ต้องหา แย้งความเห็นสั่งไม่ฟ้องของพนักงานอัยการ โดยเสนออัยการสูงสุด(อสส.) พิจารณาชี้ขาด ซึ่งอสส.พิจารณาแล้วเห็นว่า คดีดังกล่าวนายอำเภอ ซึ่งเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนจึงอยู่ในอำนาจของผวจ.ภูเก็ต ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 145 จึงส่งสำนวนกลับคืนมาให้สำนักงานอัยการจังหวัดภูเก็ตเพื่อที่สำนักงานอัยการจังหวัดภูเก็ตจะได้ส่งสำนวนไปยังผวจ.ภูเก็ต พิจารณาความเห็นของพนักงานอัยการ โดยสำนักงานอัยการจังหวัดภูเก็ตได้รับหนังสือดังกล่าว เมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 2562 ต่อมาวันที่ 1 ก.ค. 2562 นายธรรมะ ในฐานะอัยการผู้เชี่ยวชาญ รักษาการในตำแหน่งอัยการจังหวัดภูเก็ตในขณะนั้นได้โทรศัพท์แจ้งพนักงานอัยการซึ่งเคยเป็นพนักงานอัยการเจ้าของสำนวนคดีดังกล่าวให้นัดหมายตัวแทนของบริษัทเอกชนเพื่อให้มาพบในวันที่ 2 ก.ค.2562 หลังจากนั้นตัวแทนของบริษัทเอกชนได้มาพบ นายธรรมะ ที่ห้องทำงานที่จ.ภูเก็ต ซึ่งมีนายวันฉัตร ชุณหถนอม ในฐานะอัยการจังหวัดประจำสำนักงานอัยการสูงสุด สำนักงานอัยการจังหวัดภูเก็ตในขณะนั้นอยู่ในห้องและร่วมสนทนาด้วย
โดยนายธรรมะเสนอว่า จะไปพูดคุยกับผวจ.ภูเก็ตให้มีคำสั่งไม่เห็นแย้งคำสั่งไม่ฟ้องของอัยการ ซึ่งหลังจากนั้นยังได้มีการติดต่อกันอีกครั้งหนึ่งและได้มีการเรียกรับเงินจำนวนหนึ่งจากบริษัทดังกล่าว เพื่อกระทำการช่วยเหลือคดี
ทั้งนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงแล้วมีมติว่า การกระทำของนายธรรมะ มีมูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 201 ประกอบมาตรา 83 และตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172 และมาตรา 173 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง
ส่วนการกระทำของนายวันฉัตรมีมูลความผิดทางอาญา มาตรา 157 และมาตรา 201 ประกอบมาตรา 86 และตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 171 มาตรา 172 และมาตรา 173 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงเช่นกัน.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี