วันอังคาร ที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
ซอกแซกอาเซียน : 28 มกราคม 2564

ซอกแซกอาเซียน : 28 มกราคม 2564

วันพฤหัสบดี ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2564, 06.00 น.
Tag : ซอกแซกอาเซียน
  •  

คราวที่แล้ว ผมเขียนเกี่ยวกับการควบคุมพันธุ์ข้าว โดยเพื่อส่งเสริมรักษามาตรฐานข้าวไทยได้มีการเสนอออกกฎหมายบังคับให้ต้องผ่านการรับรองเสียก่อนที่จะสามารถนำไปผลิตเมล็ดพันธุ์และจำหน่ายให้ชาวนานำไปปลูกได้ ตกลงที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน เมื่อร่างกฎหมายนี้ยุติไป ก็ยังเป็นเพียงความสมัครใจ คือจะนำมารับรองพันธุ์ที่กรมการข้าวหรือไม่ก็ได้ ฉบับนี้ ผมจึงขออธิบายชี้แจงเพิ่มเติมในอีกประเด็นหนึ่ง คือ ข้อจำกัดของกระบวนการรับรองพันธุ์ข้าวของกรมการข้าว

คือมันเป็นความอึดอัดและก็น่าเห็นใจทุกฝ่ายกันพอสมควร เพราะการรับรองพันธุ์ข้าวของกรมการข้าว แนวปฏิบัติก็ได้อธิบายไปแล้วโดยสังเขปในฉบับก่อนๆ ซึ่งจะว่าไปมันก็เปรียบคล้ายกับการไปขอรับรองมาตรฐาน ISO หรือไปขอรับรอง อย. ของกระทรวงสาธารณสุข อะไรทำนองนั้นแหละ ผมเชื่อว่าทุกคนคงเห็นด้วยนะครับว่า หลักของการรับรองก็คือมาตรฐานต้องเข้าขั้น คุณภาพต้องเข้มข้น ถ้าต้องการความเชื่อถือระดับสูงสุด แต่หลักการที่ว่านี้มันก็กลายเป็นดาบสองคมในตัวมันเอง


ส่วนที่ไม่ดี คือทำให้ยุ่งยาก เสียเวลา บางคนเบื่อที่จะต้องมานั่งเป็นวันๆ เพื่อให้คณะกรรมการซักถาม เบื่อที่จะต้องไปทำแปลงปลูกทดลองซ้ำแล้วซ้ำอีก และต้องเก็บข้อมูลละเอียดยิบ ลำพังนักวิจัยของกรมการข้าวเองที่คิดค้นพันธุ์ข้าวซึ่งเป็นหน้าที่อยู่แล้ว มาเจอเรื่องแบบนี้ บางคนก็ยังเกิดความท้อถอย แต่เหตุเพราะเป็นหน้าที่และมีตัวชี้วัด จึงต้องกัดฟันทนตอบคำถาม ทำแปลงทดลองเก็บข้อมูล เพื่อทำให้สำเร็จให้จงใด้ ทีนี้ถ้าเป็นนักวิจัยจากภายนอก เช่น จากมหาวิทยาลัยหรือสถาบันการศึกษาอื่น จากหน่วยราชการอื่น ที่เขาวิจัยพัฒนาพันธุ์ข้าวโดยมิใช่ mandate ของเขาเลย บางคนเขาก็ไม่อยากจะอดทนครับ ยิ่งบางคนจบระดับดอกเตอร์มา ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เอ้ย.. ศักดิ์ศรีของความเป็นนักวิชาการมีสูงมาก เขาก็ไม่อยากมานั่งนานๆ ให้ซักไซ้ไล่เลียงหรอก สู้เอาพันธุ์ข้าวที่พัฒนาได้ไปผลิตเมล็ดพันธุ์และจำหน่ายเลยดีกว่า อาศัยการโหมประชาสัมพันธ์มากๆ ชาวนาเราก็รับแล้ว เพราะจริงๆ แล้ว ธรรมชาติของชาวนาในเขตชลประทานภาคกลางเราเป็นพวกหัวไวใจสู้และชอบลองของใหม่ อะไรที่มาใหม่และเชื่อว่าดี จะต้องเอาก่อนเลย ถ้าสำเร็จก่อนถือว่าสุดยอด เพื่อนบ้านยกนิ้วให้ แต่ถ้าล้มเหลว ปีหน้าก็หาข้าวพันธุ์ใหม่มาปลูกใหม่ ดังนั้นเราจึงได้เห็นมีการนำพันธุ์ข้าวที่ยังไม่ได้มีการรับรองออกมาขายให้ชาวนาปลูก พ่อค้าหัวใสบางคนเห็นกำไรงาม ก็ไปหาเมล็ดพันธุ์ข้าวมาขาย ดีบ้างไม่ดีบ้าง (อย่างมากก็แค่ให้ได้มาตรฐานตามกฎหมายเมล็ดพันธุ์) และนี่คืออีกเหตุผลหนึ่งอันเป็นที่มาของการเรียกร้องให้มีการใช้ปลูกเฉพาะพันธุ์ข้าวที่ได้รับการรับรองแล้วเท่านั้น

ข้อจำกัดของการรับรองพันธุ์ข้าว ปัจจุบันบางท่านก็ว่า นอกจากจะเป็นกระบวนการที่ชักช้าน่าเบื่อแล้ว ยังส่งผลให้ประเทศไทยเรามีจำนวนพันธุ์ข้าวที่น้อย ไม่หลากหลายสนองตอบเท่าที่ตลาดต้องการ เช่น มีผู้กล่าวว่า เรามีเฉพาะพันธุ์ข้าว คือ 1) ข้าวหอม 2) ข้าวพื้นแข็ง และ 3) ข้าวเหนียว แต่ทว่าเราขาดข้าวพื้นนุ่มซึ่งขณะนี้ตลาดกำลังเป็นที่ต้องการมากและประเทศคู่แข่งเพื่อนบ้านเรามีขายนั้น ผมได้รับการยืนยันจากนักวิชาการกรมการข้าว เบื้องต้นสำหรับในประเด็นแรก คือ เรื่องชักช้าใช้เวลามากนั้น ไม่ถูกต้องครับ เรียนว่ากระบวนการรับรองพันธุ์ข้าวของกรมการข้าว พูดง่ายๆ ก็เหมือนกับการสอบวิทยานิพนธ์ ของนักศึกษานั่นแหละ คือ ถ้าตอบคำถามชัดเจนและหากไม่มีการแก้ไขเลย การสอบนั้นก็จะผ่านในครั้งเดียว แต่ถ้าคณะกรรมการสอบขอให้แก้ไข ผู้สอบกลับไปแก้ไขอย่างรวดเร็ว การสอบผ่านก็จะเร็วขึ้นตาม แต่หากคณะกรรมการสอบขอให้แก้ไขผู้สอบไม่ยอมแก้ไข ปล่อยเวลาเนิ่นนานออกไป หรือหายไปเลย ก็เป็นที่แน่นอนว่า คงต้องใช้เวลามากขึ้น

ทั้งนี้ นักวิชาการยืนยันว่า โดยทั่วไปถ้าทุกอย่างครบถ้วน รับรองรองพันธุ์ข้าวแต่ละพันธุ์ใช้เวลาไม่เกิน 2 ปี ส่วนที่มีการพูดกันว่าการรับรองข้าวแต่ละพันธุ์ใช้เวลาถึง 6-7 ปี นั้นผิดครับ เพราะเป็นการนับรวมถึงระยะเวลาการคิดค้นสร้างพันธุ์ข้าวใหม่ตั้งแต่ต้นกระทั่งรับรองพันธุ์เสร็จ แต่ 6-7 ปีนี่ก็เป็นระยะเวลาของวิธีการสร้างพันธุ์ข้าวแบบดั้งเดิมโบราณนะครับ ในทางตรงกันข้าม หากเรามีเครื่องมือวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัยกว่านี้ ระยะเวลาการได้พันธุ์ข้าวใหม่ก็ย่อมจะสั้นลงกว่าครึ่งแน่นอน

ชาญพิทยา ฉิมพาลี

chanpithya@apterr.org

 

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  

Breaking News

เจาะลึกโครงสร้างปอยเปต เมื่ออาณาจักรสแกมเมอร์ถูก ถอดปลั๊ก เริ่มกลายเป็นเมืองร้าง

รุดเยี่ยมครอบครัว 'จ่าเหิน' ทหารกล้า เหยียบระเบิดขาขาด รายที่ 8

สนามบินสุวรรณภูมิ ประชุมด่วน หลังพบโดรนเข้าพื้นที่ เตรียมจัดซื้ออุปกรณ์ป้องกันทันที

มหานครคนรวย เปิด 20 อันดับเมืองที่มีมหาเศรษฐีมากที่สุดในโลก กรุงเทพฯผงาดติดโผ

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved